World Celeb

“เอบราฮิม อัล ซามาติ” มหาเศรษฐีโสด สร้างธุรกิจตั้งแต่อายุเพียง 14

Pinterest LinkedIn Tumblr


หนุ่มลูกครึ่งอาหรับ-อเมริกัน ที่สร้างรายได้กว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากการขายของในอี-เบย์ตั้งแต่อายุ 15 ก่อนจะโตมาสร้างอาณาจักรดอกกุหลาบที่ไม่มีวันโรยรา ‘ฟอร์เอฟเวอร์ โรส’ จนประสบความสำเร็จ กลายเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่ยังหนุ่ม

ไม่มีกุหลาบใดๆ ที่ไม่มีหนาม! “เอบราฮิม อัล ซามาติ” (Ebraheem Al Samadi) เกิดในคูเวตปี 1988 และไปเติบโตในสหรัฐอเมริกา พ่อของเขาเป็นมหาเศรษฐีชาวคูเวต ส่วนแม่เป็นชาวอเมริกัน หลังพ่อแม่แยกทางกันเมื่อเขาอายุ 13 เขาจึงย้ายมาอยู่กับแม่ในฟลอริดา

เอบราฮิมเป็นลูกชายคนสุดท้องในจำนวน 5 คน เขาโบกมือลาชีวิตอู้ฟู่ในวัยเด็ก มาอยู่ที่แฟลต 1 ห้องนอนของมารดา และเริ่มเก็บเงินค่าขนมเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในวัยแค่ 14 และเพียงปีเดียวเขาก็สร้างรายได้ในอี-เบย์ถึง 40,000 ดอลลาร์

“ผมเข้าใจการทำธุรกิจตั้งแต่ยังวัยรุ่น ผมรู้ว่าจะขายอะไรให้ใครดี” เขาให้สัมภาษณ์กับอาราเบียน บิซิเนส


พอเริ่มประสบความสำเร็จ หน่วยงานรัฐก็จะจับตามองเป็นพิเศษ เมื่อเอบราฮิมรู้เรื่องกฎหมายควบคุมเยาวชน ให้ทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เขาก็เขียนจดหมายถึงวุฒิสมาชิกฟลอริดา ขอทำข้อสอบจบชั้นมัธยมปลายล่วงหน้าไปเลย

เขาแจ้งว่าวุฒิสมาชิกรัฐฟลอริดาตอบรับคำขอของเขา และเขาก็สอบผ่านชั้นมัธยมปลายอย่างฉลุย เด็กหนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับ-อเมริกัน ได้เวลาทำงานเพิ่มจาก 20 ชั่วโมงเป็น 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ทันที และเขาก็ทำงานสารพัด ตั้งแต่ ไลฟ์การ์ดที่สระว่ายน้ำ ขายดอกกุหลาบ และพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า

หลังจากลงทุนในธุรกิจหลายอย่าง เอบราฮิมก็เดินทางมาศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยอะเบอร์ดีน ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะย้ายมาปักหลักที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และก่อตั้ง อัล ซามาติ กรุ๊ป ในปี 2010 โดยควบรวมอุตสาหกรรมการบริการของครอบครัว พร้อมกับสร้างธุรกิจ ‘ฟอร์เอฟเวอร์ โรส ลอนดอน’ ที่สร้างรายได้ถึง 21 ล้านดอลลาร์ภายในปีเดียว ก่อนจะร่ำรวยถึง 50 ล้านดอลลาร์ในตอนนี้


เขาได้ดีลส่งดอกกุหลาบให้พระราชวังบักกิงแฮม ในกรุงลอนดอน และพระราชวังเอกมอนต์ ในกรุงบรัสเซลส์ รวมทั้งขยายสาขาร้านดอกไม้ถึง 7 แห่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พอ เขาจึงเปิด ฟอร์เอฟเวอร์ โรส คาเฟ่ 2 สาขาในอาบูดาบี 1 แห่ง และอีก 1 แห่งในดูไบ ซึ่งนับว่าเป็นคาเฟ่ 2D เจ้าแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เมื่อไปส่องในไอจี The Blooming Man ของเขา ก็พบว่ายังมีธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องหอม ‘ฟอร์เอฟเวอร์ อูด’ ที่หมายถึง น้ำหอมที่กลิ่นไม่มีวันจาง ล้อกับธีมดอกกุหลาบที่ไม่มีวันโรยราของเขา

นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคาร อย่าง สโมค เบอร์เกอร์ และเดอะ ชิคเคอรี รวมทั้ง มีลิขสิทธิ์สินค้าผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม อะมิกา ในตะวันออกกลาง และอีกหลายธุรกิจ


จากหลายๆ สื่อ แสดงให้เห็นว่า เอบราฮิมเป็นลูกชายที่สนิทกับแม่มาก ในสมัยที่ช่วยครอบครัวทำงานหาเงินตั้งแต่ยังเด็ก จนถึงเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และแสดงความใกล้ชิดกับมารดาลงโซเชียลเน็ตเวิร์กบ่อยๆ

เขาเป็นลูกชายคนเดียวที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา มีประวัติเดตกับสาวๆ หลายคน แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใคร ทำให้กลายเป็นข้อกังขาของชาวเน็ตในเรื่องเพศสภาพ ซึ่งเขาก็ปล่อยให้ลือกันไปโดยไม่ได้ออกมาแก้ข่าว

ชีวิตส่วนตัวเขาชอบเซลฟีในยิม หรือบางครั้งก็ไปเล่นกีฬาขี่ม้า ทั้งยังใช้ชีวิตที่หรูหรา ไปดินเนอร์ในสถานที่สุดฮอตของดูไบ ขับรถเมอร์เซเดส G63 2022 AFG สนนราคา 270,000 ดอลลาร์ และเคยให้สัมภาษณ์นิตยสารมาซาลาว่า สะสมนาฬิกาหรูไว้มากมาย รวมแล้วกว่า 500,000 ดอลลาร์ โดยซื้อโรเล็กซ์เรือนแรกด้วยเงินของตัวเองตั้งแต่อายุ 17

Comments are closed.

Pin It