“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” วรรคทองของช่วงนี้ กับเทศกาลเฉลิมฉลองวันปีใหม่ของคนชนชาติจีน ที่ขึ้นชื่อว่ามีขนบธรรมเนียมประเพณีให้ปฏิบัติตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการไหว้ เครื่องเซ่นไหว้ ที่แต่ละชนิดล้วนแล้วแต่มีความหมาย จวบจนถึงการแต่งกาย การประพฤติตนในวันขึ้นปีใหม่ ที่เชื่อกันว่าการกระทำทุกอย่างนั้น จะส่งผลกับชีวิตไปอีกตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
เหล่าเซเลบทั้งหลายในบ้านเรา ต่างก็เป็นเชื้อชาติลูกหลานเผ่าพันธุ์แดนมังกรกันไม่น้อย ที่ต่างก็สืบทอดวิถีแห่งวัฒนธรรมมาจากบรรพบุรุษ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้หนุ่มตี๋สาวหมวยสมัยนี้ ได้เลือกปรับการฉลองปีใหม่จีน ให้เข้ากับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันกัน จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง กับวิถีตรุษจีนแบบนิวนอร์มัลนี้ ลองไปดูกัน
“เป็ด ไก่ ส้ม ไม่สำคัญเท่าของอร่อย”
ธรรมเนียมของไหว้เจ้า อันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ และต้องใช้ความมานะ อุตสาหะในการตระเตรียม บางบ้านต้องตระเวนซื้อของกันเป็นวัน หรือบางครอบครัวก็ต้องตื่นมาเข้าครัวกันแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมปรุงเมนูเด็ดประจำเทศกาล ซึ่งมักจะมีความสอดคล้องกับสิ่งมงคลต่างๆ ตามความเชื่อในแบบดั้งเดิม อย่าง เป็ด ไก่ ที่ต้องมาแบบทั้งตัวครบหัวและเครื่องใน หรือเมนูเส้นที่หมายถึงอายุที่ยืนยาว ปลาอันเป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ ผลไม้ที่ต้องมาครบ 5 ชนิด ฯลฯ
แต่มาในยุคนี้ ด้วยชีวิตที่เร่งรีบและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ หลายๆ บ้านถือเอาความสะดวกเป็นหลัก เริ่มจากซื้อแบบจัดสำเร็จทุกอย่างครบจบทีเดียว หรือบ้างก็ปรับเลือกเมนูที่สะดวกต่อการทำ การรับประทาน อย่าง เลือกเป็นเป็ดย่าง MK ที่หั่นสำเร็จ หรือเลือกใช้ไก่แบบข้าวมันไก่แทนที่จะเป็นไก่ต้มธรรมดา หลังไหว้ก็รับประทานต่อได้ง่าย ไปจนถึงการเลือกสรรของไหว้แบบแปลกๆ ใหม่ๆ สร้างสีสันให้กับโต๊ะไหว้เจ้า และเลือกที่จะแนะนำความอร่อยให้กับบรรพบุรุษ มากกว่ายึดหลักในขนบธรรมเนียม
อย่าง “สาวมิ้งค์-ณัฏฐิ์ประภา ชุณหะวัณ” ที่บ้านทางฝ่ายคุณแม่ของเธอมีธรรมเนียมไหว้ตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี กระทั่ง มีสูตรขนมเทียนประจำตระกูลสูตรคุณหญิงขนิษฐา สาลีรัฐวิภาค ที่สืบทอดกันมานับร้อยปีแล้ว แต่มาถึงในตรุษจีนยุคใหม่นี้ เธอเล่าให้ฟังว่า “ที่บ้านมีการปรับของไหว้ค่ะ คือแทนที่จะเลือกแบบตามหลักเป๊ะๆ เราเลือกทำเป็นเมนูโปรดของบรรพบุรุษแทน อย่างคุณตา คุณทวด ชอบเมนูไหนก็จะปรุงมาแบบนั้นแทน อาจจะเป็นแกงเขียวหวาน เป็นเมนูอาหารไทย ไม่ต้องยึดว่าต้องมีเป็ด มีไก่ เพราะมิ้งค์ว่าวันตรุษจีนเป็นวันดี วันสวรรค์เปิด ที่ให้บรรพบุรุษลงมารับของไหว้เรา ก็น่าจะไหว้ของที่เขาน่าจะถูกใจดีกว่านะคะ”
ส่วนอีกสาวที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น อย่าง “โบว์–มนต์ริสสา ลีนุตพงษ์” ที่แทนที่จะใช้ส้มแบบเดิมๆ ก็ปรับมาผลิตขนมส้มมงคลไหว้เจ้าสวยๆ ในรูปแบบบัวหิมะแทน ซึ่งจากการที่เธอครีเอตสูตรและรูปแบบขึ้นออกวางขาย ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ชนิดผลิตกันไม่ทันเลยทีเดียว
“โบว์ว่ามันตอบโจทย์แบบคุ้มค่ามากเลยนะคะ เพราะทั้งมีส้มสวยๆ ไหว้เจ้าด้วย แถมยังนำไปแจกจ่ายให้ทุกคนได้อร่อยกันอีกด้วย โดยบัวหิมะลูกส้มแปะทองหอมๆ และนิ่มละมุนลิ้นนี้ มีทั้งกลิ่นสดชื่นจากเปลือกส้ม ผสมสารพัดไส้ให้เลือกสรรได้ตามความชอบใจ ทั้งไข่เค็ม ทุเรียน ถั่วบด เรียกได้ว่าเป็นของไหว้ที่ใครเห็นและได้ชิมก็ต้องร้องว้าวค่ะ”
“ล้มความเชื่อเดิมๆ เลือกทำงานในวันขึ้นปีใหม่”
ธรรมเนียมการปฏิบัติตน ถือเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมา ว่าในวันถือซึ่งตรงกับวันตรุษจีนขึ้นปีใหม่ มีแนวทางที่ประพฤติในแทบทุกมิติ ตั้งแต่สวมเสื้อใหม่ ใส่เสื้อแดง การไม่พูดคำหยาบ ไม่สระผม ไม่กวาดบ้าน เพราะถือว่าจะไปปัดกวาดโชคลาภให้หล่นหาย ให้ทำแต่สิ่งมงคล รวมไปถึงการไม่ทำงาน ให้หยุดพักผ่อน ไปเที่ยว ไปไหว้บรรพบุรุษญาติมิตร สำหรับคนรุ่นใหม่บางคนที่เห็นว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ก็ทำตามประเพณีไป หรือบางคนก็อาจจะมองว่าบางข้อดูจะไม่เป็นเหตุเป็นผล ก็อาจจะไม่ทำตามความเชื่อนั้น
สำหรับ “สาวพั้นช์–ภัคญดา ชุติดนัยกุล” ดีไซเนอร์แห่งแบรนด์ Phakyada ที่นับเป็นสาวสายมูและเชื่อในโชคลางไม่น้อย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ปกติพั้นช์เป็นคนยึดทุกอย่างตามตำราเป๊ะๆ นะคะ แบบต้องไหว้กี่โมง ของกี่อย่าง หันหน้าทิศไหน พั้นช์ทำตามหมด แต่มีสิ่งหนึ่งที่พั้นช์คิดเอง คือเรื่องการไม่ทำงานในวันขึ้นปีใหม่ สำหรับพั้นช์มองว่าอยากให้มีงานเยอะ มีงานเข้า ก็เลยขอคิดค้นธรรมเนียมของตัวเองคือ จะทำงานในวันปีใหม่ค่ะ จะได้มีงานทั้งปี หรืออย่างตอนไหว้เทพเจ้าโชคลาภนี่ นอกจากของไหว้ทั่วไปแล้ว พั้นช์ก็เอาชุดเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ๆ มาแขวนด้วยนะคะ เพื่อขอให้ขายดีๆ ค่ะ”
“งดจุด ลดเผา รักษ์โลก ลดการผลิต PM 2.5”
ในอดีตตามหลักการไหว้ที่ต้องนับจำนวนธูปเทียน แถมยังต้องไหว้หลายรอบ ทั้งไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เทพเจ้า แถมยังต้องเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ปิดท้ายขั้นตอนการไหว้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมบางบ้านยังจัดประทัด สิงโต ชุดใหญ่ ให้สมกับเป็นวันมงคล
แต่ด้วยสถานการณ์สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ที่ฝุ่นควันทั้งหลายถือเป็นปัญหาใหญ่ต่อสุขภาพของคนไทย ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่จุดธูป เทียน หรือเผากระดาษ อย่าง “สาวริน–ศรินญา มหาดำรงค์กุล” ก็เลือกที่จะงดเผากระดาษ งดผลิตมลพิษทางอากาศมาได้หลายปีแล้ว รวมไปถึง “มิลค์กี้–จิราภา ลักษณวิศิษฏ์” อีกหนึ่งสาวหมวย ก็บอกว่าที่บ้านพยายามงดให้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นจุดธูปเทียน หรือเผากระดาษเงิน กระดาษทอง เอาเท่าที่จำเป็นพอ ส่วนประทัด พลุอะไรพวกนี้ เราจะไม่มีเลยค่ะ
ไม่เพียงสองเซเลบสาวที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะทางราชการก็ออกมาเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมในช่วงไหว้เจ้านี้เช่นกัน โดยกรมอนามัยได้ทำแคมเปญขอความร่วมมือ “รณรงค์ตรุษจีน ธูปสั้น ลดควัน ลดฝุ่น” โดยเข้าใจถึงความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามธรรมเนียมของผู้คนเชื้อสายจีน ที่ต้องไหว้เจ้า ถ้าจะให้งดเลยอาจจะทำให้หลายคนไม่สะดวกใจ ดังนั้น จึงเลือกการพบกันครึ่งทาง โดยสามารถยังไหว้เจ้าและรักษ์โลกไปด้วยกันได้ ด้วยการใช้ธูปที่สั้นลง ลดการเผาผลาญ และการพ่นควันและมลพิษให้น้อยลง
นอกจากนี้ แล้วยังมีธรรมเนียมตรุษจีนแบบประยุกต์อีกหลายสิ่งที่น่าสนใจ อย่าง “สาวพั้นช์” ที่ชื่นชอบการไหว้เจ้าเข้าวัด พอมาในช่วงโควิด-19 แบบนี้ ก็ต้องปรับมาเป็นการไหว้ออนไลน์ ไม่ต้องไปเผชิญกับผู้คน รวมทั้งการพกเครื่องลางของขลังในรูปแบบดิจิตอล อย่าง พวกสิ่งของมงคลตามวันเดือนปีเกิด ปีนักษัตร ที่บางอย่างอาจพกพาได้ยาก หรือเกรงว่าจะหล่นหาย ขอเพียงคุณเซฟภาพใส่ไว้ในมือถือ ก็รับรองได้ว่าสิ่งนั้นจะติดตัวคุณไปได้ทุกทีแบบไม่มีห่วง
หรืออย่าง “สาวมิ้งค์” ที่นอกจากจะเลือกทำเมนูอร่อยๆ ไหว้แบบไม่แคร์ประเพณีดั้งเดิมแล้ว เธอยังสร้างสรรค์การฉลองตรุษจีนให้สนุกสนานยิ่งขึ้นไปกับ ต้นอั่งเปาตรุษจีน ด้วยการเขียนคำอธิษฐานใส่ซองอั่งเปา แล้วนำไปห้อยกับต้นไม้ในบ้าน ขอพรให้ความปรารถนาเป็นจริง เป็นการผสมผสานธรรมเนียมจีนเข้ากับวันคริสต์มาส ปีใหม่ในแบบฝรั่ง และธรรมเนียมต้นทานาบะตะของญี่ปุ่นได้อย่างน่าสนใจ
Comments are closed.