Interview

ฟู้ดดี้ขาลุย “ปุณฑริกา ผู้พัฒนะพงศ์” ผู้มองไฟน์ไดนิ่งเป็นดั่งการเที่ยวพิพิธภัณฑ์

Pinterest LinkedIn Tumblr


เห็นเป็นลุคสาวเปรี้ยว จัดเต็มกับการแต่งองค์ทรงเครื่อง หุ่นผอมเพรียวขนาดนี้ ใครเลยจะคิดว่า “ปุณ-ปุณฑริกา ผู้พัฒนะพงศ์” จะมีอีกด้านเป็นเวิร์กกิงวูแมนขาลุย เข้าขั้นบ้างาน แถมยังเป็นคนเอ็นจอยอีทติ้ง จนกลายมาเป็นแพสชั่นในการทำงาน สู่การก่อตั้ง Restaurant Coda ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งบนถนนวิทยุ และขยายมาสู่การเปิดร้านอาหาร Restaurant Avant เมื่อเร็วๆ นี้

“มีความสุขกับการกิน (หัวเราะ) และมองว่าไฟน์ไดนิ่งเป็นเหมือนการนำเสนองานศิลปะ เพราะกว่าจะเป็นเมนูสักจาน เชฟแต่ละคนผ่านการตกผลึกมาแล้วว่าอยากนำเสนออะไร และเวลาปุณกินจะรู้สึกเหมือนเราเข้าไปค้นหาห้องต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ ได้ค้นหาที่มาของเมนูแต่ละจาน ทำไมเขาเลือกใช้วัตถุดิบแบบนี้ ทำไมถึงเรียบเรียงแบบนี้ ทุกอย่างมีสตอรี่ ทำให้รู้สึกว่าการกินไฟน์ไดนิ่งเหมือนเราได้เดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ที่ให้ความรู้สึกผ่านรสชาติ” สาวร่างบางเผยถึงความเป็นฟู้ดดี้ในตัวเธอ


เห็นจริงจังและเอาดีบนเส้นทางสายอาหาร แต่เธอไม่ได้คลุกคลีในแวดวงอุตสาหกรรมอาหาร หรือเป็นทายาทร้านอาหารแต่อย่างใด หากกลับเติบโตมาในครอบครัวธุรกิจวัสดุก่อสร้างผลิตไม้อัด และจบปริญญาตรีด้านโฆษณาและการตลาดที่ University of San Francisco สหรัฐอเมริกา หลังจบกลับมาเริ่มต้นทำงานที่เมืองไทยในตำแหน่ง Account Management ในสายเอเยนซีอยู่หลายปี ที่บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง โอกิลวี่ ดูแลลูกค้าแบรนด์ระดับโลก อย่าง Coca Cola, Louis Vuitton, Estee Lauder, Tiffany & co, Dutch Mill

หลังจากนั้น มาศึกษาปริญญาโทด้าน MBA ที่ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ และมาช่วยธุรกิจของครอบครัวอยู่ช่วงหนึ่ง จนมาต่อยอดขยายบริษัท 8Decor (เอ๊ทเดคอร์) นำเข้าแผ่นปิดผิวลามิเนตคุณภาพสูงแบรนด์ Merino ก่อนจะมาสานฝันธุรกิจที่ตัวเองรัก คือการบุกเบิกร้าน Restaurant Coda ที่ถนนวิทยุ

“เท่ากับเราทำธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย 2 สายไปพร้อมๆ กัน ถามว่าทำได้อย่างไร? ต้องบอกก่อนว่าปุณเป็นคนชอบทำงาน รู้สึกว่าเวลาเรายุ่งและทำภารกิจได้สำเร็จ เหมือนได้บรรลุอะไรสักอย่าง”


นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ตารางในแต่ละวันของสาวปุณแน่นมาก เพราะเธออัดคิวตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มทุกวัน แบ่งเวลาช่วงเช้า 8 โมงถึง 10 โมง ทำงานให้ครอบครัว 10 โมงถึงเที่ยงเตรียมเคลียร์งานแล้วมาที่ร้านอาหาร เพื่อเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเปิดร้านตอน 5โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม ซึ่งช่วงเวลานี้ถ้าวันไหนไม่มีแขกพิเศษ จะใช้เวลานี้เคลียร์เอกสารภายในร้าน

“ปุณรู้สึกว่าความเป็นระเบียบเป็นสิ่งสำคัญ ทุกอย่างต้องถูกจัดการอย่างที่มันต้องทำ แค่ประเภทของธุรกิจไม่เหมือนกัน แต่การบริหารจัดการเหมือนกัน เพียงแต่บางอย่างใช้ตัวเลขนำทาง อย่าง ธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน การตั้งราคาขาย การตลาด แต่การบริหารร้านอาหารต้องใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่า เป็นเรื่องรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส”


ผ่านมา 2 ปี ร้านไฟน์ไดนนิ่ง Restaurant Coda ของเธอ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์การกินใหม่ๆ ให้กับเหล่านักชิมและนักกิน แม้เธอจะไม่กล้าออกปากว่าประสบความสำเร็จ แต่ร้านอาหารนี้ก็มอบความสุขบนปลายลิ้นอย่างที่เธอตั้งใจ นี่ต่างหากถือเป็นความสุขที่สุดสำหรับเธอแล้ว

“อย่างที่บอกว่าปุณเป็นคนมีความสุขกับการกินมากๆ ต่อให้เป็นไอศกรีมข้างทางก็ตาม เราก็อยากเอาความรู้สึกนี้มามอบให้ลูกค้า ให้เขามีความสุขกับการกิน เคี้ยวและกลืน แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ท้าทายมากก็ตาม เพราะความอร่อยของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ปุณจะพยายามทำให้ดีที่สุด”


ทุกคติการทำงานปุณยอมรับว่า ประสบการณ์ที่โอกิลวี่ มีอิทธิพลใหญ่หลวงในการฟอร์มสไตล์การทำงานของเธอ ให้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ รวมไปถึงการปลูกฝังจากคุณพ่อคุณแม่ ที่ให้ความสำคัญกับการทุ่มเททำงานหนัก ซึ่งเธอซึมซับสิ่งเหล่านี้มาเต็มๆ

แต่ถ้าพูดถึงต้นแบบในสายงานเดียวกัน ปุณยกให้ “คุณหนูเล็ก” (ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร) หัวเรือใหญ่แห่งปาร์คนายเลิศ เป็นแรงบันดาลใจและไอดอล ในฐานะนักธุรกิจที่มีไฟอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงสืบสานโรงแรมปาร์คนายเลิศของครอบครัว แต่ยังสามารถบริหารอีกหลายธุรกิจไปได้พร้อมๆ กัน และต่อยอดจนเติบโต

“พอดีได้มีโอกาสเห็นการทำงานของพี่หนูเล็ก ประทับใจในการบริหารจัดการและความมีวินัย ไม่ว่าจะเป็นงานโรงแรมหรือร้านอาหาร ทำให้รู้สึกว่าถ้าเรามัวแต่งอแงกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะมองข้ามภาพใหญ่ไป เวลานึกถึงพี่หนูเล็ก จะรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราเล็กไปเลย”


หลายคนอาจมองว่า การทำงานสไตล์ปุณ อาจไม่มีเวิร์กไลฟ์บาลานซ์สักเท่าไหร่ แต่สำหรับเธอคือความสุข แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช่วงเวลาเอ็นจอยกับการหาประสบการณ์ใหม่ๆ หนึ่งในกิจกรรมโปรดของสาวขาลุย คือการทดลองเมนูแปลกๆ ใหม่ๆ ที่หลายคนได้ยินแล้วอาจถึงกับถอยไปเลยก็ได้

“ปุณไม่กลัวกับการลองเมนูแปลกๆ อย่างที่เคยลองกินมาแล้ว เช่น สมองเป็ด เนื้อกวาง หมีป่า ล่าสุด ก็หัวใจกวาง ปุณเป็นคนเปิดกว้าง ขอแค่เป็นอาหารที่ปลอดภัยและเราไม่แพ้ ปุณพร้อมจะลอง ไม่ว่าเชฟจะเสิร์ฟอะไรมาให้ เพราะเบื้องหลังของเมนูเหล่านี้ ผ่านกระบวนการคิดมาแล้ว”


นอกจากนี้ การเดินทางท่องเที่ยวยังเป็นกิจกรรมโปรดของเธอ ที่เชื่อว่าเป็นเคล็ดลับหุ่นเพรียวที่ทำให้เธอกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน นั่นคือการขี่ม้า ซึ่งเธอเล่นมานานหลายปี เพียงแต่เพิ่งพักไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะตกม้าจนต้องใส่เหล็กดามกระดูกหลัง

“จริงๆ ตอนที่ปุณตกม้าครั้งนั้น เกิดจากความประมาท ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตกแรงมากยังลุกขึ้นมาเดินได้ปกติ แต่ความที่ปุณกระดูกเล็กเหมือนเด็กอายุ 12 ทำให้กระดูกหัก ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บแค่ยอกๆ มารู้สึกเจ็บตอนขึ้นรถ ก็คิดว่าไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลแล้วกัน พอผลออกมาหมอบอกว่ากระดูกหัก ตอนนั้นถึงได้รู้สึกว่าเจ็บ (หัวเราะ) ทุกวันนี้มีแผลไปทั้งตัว ไหนจะแขนหัก หลังหัก” ปุณย้อนเหตุการณ์ตกม้าที่หลายคนอาจเสียวแทน แต่เธอกลับเล่าออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังไม่มีท่าทีจะเข็ดขยาดกับการขี่ม้า โดยมีแผนว่า ถอดเหล็กด้ามหลังเมื่อไหร่จะกลับไปโชว์ลีลาบนหลังม้าอีกครั้ง


“การขี่ม้าเป็นกีฬาที่ต้องมีวินัยในการซ้อม เพราะถ้าไม่ได้ขี่นานๆ กล้ามเนื้อส่วนที่ต้องใช้ในการขี่ม้าจะไม่เกิดการจดจำ จะทำให้ขี่ไม่คล่อง และการเวทเทรนนิ่งก็ไม่ได้ช่วยด้วย แต่กีฬาขี่ม้าก็ยังเป็นกีฬาที่ปุณชอบ เคยตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปที่สนาม คิดว่าหลังผ่าเหล็กดามหลังออกจะกลับไปขี่ม้าเหมือนเดิม”

ปิดท้ายการสนทนาด้วยแผนอนาคตบนเส้นทางธุรกิจอาหารของเธอ ซึ่งปุณบอกว่ามีความตั้งใจจะขยาย ด้วยการแตกแบรนด์ออกไปในรูปแบบอื่น เช่น คอมฟอร์ทฟู้ดในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ใช่ไฟน์ไดนิ่งสาขา 2 แน่นอน

Comments are closed.

Pin It