Interview

“ม.ล. สิริสมร สวัสดิวัตน์” บริหารโรงเรียน แต่มีใจรักงานแฟชั่น

Pinterest LinkedIn Tumblr


เวลาพูดถึงวงการการศึกษา หลายคนอาจจะติดภาพเด็กเนิร์ด หรือ คุณครูระเบียบ แต่ความจริงแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผู้บริหารคนเก่งที่ Celeb Online จะพาไปทำความรู้จักในวันนี้ เธอไม่เพียงลบภาพจำแบบเดิมๆ ​จนหมดสิ้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยแพสชั่นที่จะนำความรู้และไอเดียที่สดใหม่ มาสานต่อธุรกิจครอบครัว ในฐานะทายาทเจ้าของโรงเรียนในเครือทรงวิทยา ซึ่งอยู่คู่คนไทยมากว่า 60 ปี ปัจจุบันมี 3 สาขาได้แก่ โรงเรียนทรงวิทยา, โรงเรียนทรงวิทยาเทพารักษ์ และโรงเรียนทรงสรรพวิทย์

สาวน้อยคนนี้ มีชื่อว่า “พราวด์-ม.ล. สิริสมร สวัสดิวัตน์” ลูกสาวคนเล็กวัย 27 ปีของ ม.ร.ว. พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ กับ ดร. ทรงสมร สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา น้องสาวของ เฟม–ม.ล. ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์


พราวด์ออกตัวก่อนว่า เธอเพิ่งเข้ามาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัวได้เพียง 2-3 เดือน ยังอยู่ในช่วงเรียนรู้งานก็จริง แต่ถ้าถามถึงความมุ่งมั่นที่มี ตอบอย่างไม่ลังเลว่าเต็มร้อย เพราะเป็นความตั้งใจเดิมอยู่แล้วว่า วันหนึ่งจะต้องกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว

“จริงๆ ที่บ้านไม่ได้บังคับว่า ต้องกลับมาทำธุรกิจที่บ้าน หรือว่าต้องเรียนอะไร แต่พราวด์เองมากกว่าที่คิดอยู่แล้วว่า วันหนึ่งจะกลับมาทำ เพราะเราก็เติบโตมากับธุรกิจนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงในวงการการศึกษามาตลอด โดยเฉพาะ ช่วงโควิด-19 ที่ต้องปรับมาสอนออนไลน์ จนตอนนี้ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่น้อยลง ซึ่งเครือทรงวิทยาเองก็ต้องปรับตัว ด้วยการเปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ (English Program) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ปกครองมากขึ้น”


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจครอบครัว หลังจากจบปริญญาตรี จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ลัดฟ้าไปเรียนต่อปริญญาโท ด้าน Digital Media and Education ที่ University College London (UCL) ประเทศอังกฤษ

“ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความที่ไม่เก่งเลข พราวด์เลยเลือกเรียนสายศิลป์ ตอนนั้นก็ลังเลระหว่าง คณะอักษรฯ กับนิติฯ แต่เพราะคิดว่าอักษรฯ จะเรียนกว้างกว่านิติฯ ที่ค่อนข้างเฉพาะทาง เลยเลือกเข้าอักษรฯ เอกปรัชญา แทนที่จะเลือกเอกภาษาใดภาษาหนึ่ง เพราะคิดว่าถ้าสนใจด้านภาษา เรายังไปหาเรียนเสริมได้ แต่ปรัชญาเป็นการสอนเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ น่าจะนำไปปรับใช้ในอนาคตได้ ส่วนปริญญาโทพราวด์เลือกเรียนสายตรง ที่คิดว่าน่าจะกลับมาต่อยอดธุรกิจครอบครัวได้”


หลังจากเรียนจบปริญญาโทกลับมา เป็นช่วงโควิด-19 พอดี ทำให้จากที่พราวด์คิดว่าจะขอหยุดพักกลับเข้าสู่โลกการทำงานแค่ 2-3 เดือน กลายเป็นว่าด้วยสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ ทำให้ต้องพักยาวร่วม 6 เดือน ถึงได้ประเดิมงานแรกที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยได้รับมอบหมายให้เข้าไปช่วยดูแลแพลตฟอร์ม Online Learning ทำอยู่ได้ปีกว่า พราวด์ก็ตัดสินใจเบนเข็มมาชิมลางในสายแฟชั่นที่ชอบ​

“ลึกๆ เราชอบด้านแฟชั่นอยู่แล้ว ช่วงก่อนที่จะกลับมาทำงานที่บ้าน เลยตัดสินใจไปหาประสบการณ์ทำงาน ด้วยการเข้าร่วม Management Associate Program ของทางเซ็นทรัล ซึ่งเป็นโครงการที่จะเปิดรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานไม่เกิน 2 ปี รุ่นละประมาณ 20 คนเข้าไปทำงาน โดยจะกระจายไปตาม Business Unit ต่างๆ ซึ่งเขาจะให้เลือกว่า เราสนใจ Business Unit ไหน 3 อันดับแรก แล้วเขาก็จะส่งไป อย่างของพราวด์ชอบแฟชั่น เลยได้ไปอยู่ในส่วน เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) ที่นำเข้าพวกแบรนด์แฟชั่น บิวตี้ต่างๆ”


พราวด์บอกว่า นึกย้อนไปก็ยังเสียดาย ที่ทำงานอยู่ได้ปีกว่าก็ต้องโบกมือลา เพราะคุณแม่เรียกตัวให้กลับมาช่วยที่บ้าน

“จริงๆ ตัวโครงการจะให้ฝึกงาน 2 ปี โดยทุกๆ 6 เดือน ก็จะให้ย้ายไปทำงานในส่วนอื่น เช่น ตอนแรกให้ดูในส่วนโปรดักต์ พอครบ 6 เดือนก็ย้ายไปดูการตลาด จากนั้นก็ไปดูโอเปอเรชัน แล้วก็อี-คอมเมิร์ส การเข้าร่วมโปรแกรมนี้เหมือนเป็น Fast Track ที่พออยู่ครบ 2 ปี เราจะได้เรียนรู้งานครบทุกฟังก์ชัน ที่สำคัญ นอกจากจะได้เรียนรู้งานจากหน้างานจริง ยังมีการจัดกิจกรรมที่ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ จากรุ่นพี่ที่มาเข้าร่วมโครงการรุ่นก่อนๆ รวมถึงเพื่อนๆ ที่กระจายไปอยู่ในส่วนต่างๆ”


ถามว่า ทำไมชอบด้านแฟชั่นแต่ไม่เรียนจริงจังด้านนี้ไปเลย พราวด์บอกว่า สมัยเด็กเคยฝันว่าอยากเป็นดีไซเนอร์ แต่พอขึ้น ม.ปลายกลับพบว่า ตัวเองเรียนด้านวิชาการได้ดีกว่าศิลปะ เพราะเคยไปเรียนแล้วดันไปเจอการวาดแบบ Perspective แล้วทำได้ไม่ดี ตอนนั้นเลยท้อ และคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะกับสายนี้ แต่ความชอบในแฟชั่นยังไม่ได้จากไปไหน เพียงแต่ความฝันอาจจะเปลี่ยนไป ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นดีไซเนอร์ แต่อยากทำไลฟ์สไตล์โปรดักต์ ซึ่งเธอก็คิดว่าวันหนึ่งอาจจะลงขันกับเพื่อน ทำแบรนด์เครื่องหอม (Fragance) ของตัวเอง​​ แต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่ตรงหน้า ในการช่วยสานต่อธุรกิจโรงเรียนในเครือทรงวิทยา ให้ดีที่สุดก่อน

“พราวด์ไม่ได้มองว่า แค่อยากเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว แต่อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มอะไรบางอย่าง เพื่อต่อยอดธุรกิจครอบครัว แต่อย่างที่บอกว่า ตอนนี้เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่เดือน เลยยังอยู่ในช่วงเรียนรู้งานเป็นหลัก ส่วนอนาคต พราวด์ตั้งใจว่าอาจจะไปเรียนต่อปริญญาโทอีกใบ หรือ เรียนปริญญาเอกด้านการบริหารการศึกษา เพื่อนำความรู้และประสบการณ์มาใช้กับธุรกิจครอบครัวให้ได้มากที่สุด”


มาถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริหารป้ายแดง พราวด์บอกว่า วันว่างเธอชอบตระเวนไปกินอาหารอร่อย โดยเฉพาะ ร้านเปิดใหม่ต้องหาโอกาสไปลอง นอกจากเรื่องกิน ก็ชอบเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทริปลุย ทริปหรู ก็ไม่เกี่ยง ขอแค่มีเวลาให้เก็บภาพสวยๆ เป็นความทรงจำ เพราะถ้ามีทริปเมื่อไหร่ โดยเฉพาะ ถ้าเป็นทริปยุโรป เธอต้องขอฟิตติ้งเสื้อผ้าให้พร้อมไปเฉิดฉายกับฉากหลังสวยๆ

“อีกหนึ่งงานอดิเรกที่พยายามทำ คือการออกกำลังกาย เพราะพออายุมากขึ้น การเผาผลาญไม่ดีเหมือนเก่า บางครั้งแค่ไดเอตไม่พอ ตอนนี้เลยตั้งใจหันมาออกกำลังกาย ด้วยการไปซื้อคอร์สพีราทิสไว้เรียบร้อย เหลือแค่ว่าต้องบังคับตัวเองให้ไปให้ได้” พราวด์เล่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนทิ้งท้ายถึงสไตล์การแต่งตัวที่ชอบ

“หลายคนอาจจะมองว่าพราวด์เป็นสายหวาน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย วันธรรมดาจะเน้นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่ได้หวาน แต่ก็จะแต่งตัวเรียบร้อย ไม่เปรี้ยว ไม่เซ็กซี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องหน้า ไม่ว่าจะลุคไหนขอจัดเต็มไว้ก่อน (หัวเราะ)”

Comments are closed.

Pin It