Interview

อุทาหรณ์ใหญ่ของชีวิต “จุไรรัตน์ ภิรมย์ภักดี” ออกกำลังกายผิด ชีวิตเปลี่ยน!

Pinterest LinkedIn Tumblr


ใครจะไปคิดว่า ตั้งใจไปออกกำลังกาย เพื่อฟิตร่างกายแท้ๆ แต่สุดท้าย ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อ “หนุ่ย-จุไรรัตน์ ภิรมย์ภักดี” ดันใจไม่แข็งพอ ฝืนทำท่ายกน้ำหนัก 15 กิโลกรัมพร้อม Squat ตามที่เทรนเนอร์บอก ทั้งที่ตอนแรกเจ้าตัวก็ปฏิเสธแล้วว่าไม่ไหว แต่พอเทรนเนอร์เชียร์ให้ทำ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยฝึกทำ Squat มาก่อน ด้วยความเป็นคนไม่ค่อยปฏิเสธใครเวลาให้ทำอะไร เธอก็เลยทำ ปรากฏว่า คืนนั้นมีอาการปวดหลังมาก จนตอนหลังไปตรวจถึงได้รู้ว่าหมอนรองกระดูกปลิ้น ต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่เหล็ก พร้อมใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ไป 5 เดือน

“ปกติเราก็ไม่ได้เป็นสายออกกำลังกาย แต่พอดีลูกสาวแนะนำเลยไปเวทเทรนนิง โดยมีเทรนเนอร์ดูแล ส่วนอาการปวดหลังก่อนหน้านี้มีบ้าง เพราะแม่เป็นคุณแม่แฝดสาม แต่ก็ไม่ได้กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ยังสามารถใส่ส้นสูงได้ แต่หลังจากฝืนยกเวทวันนั้น กลายเป็นปวดหลังจนใช้ชีวิตลำบาก ไปไหนมาไหนบางครั้งต้องนั่งรถเข็น เพราะปวดหลังจนเดินไม่ไหว จะนั่งกินอาหารนานๆ ก็ไม่ไหว แรกๆ ก็แก้ปัญหาด้วยการไปปรึกษานักกายภาพบำบัด พร้อมเปลี่ยนเทรนเนอร์ที่สอน หันมาเน้นการออกกำลังกายด้วยการใช้ Body Weight”


ผ่านไป 3 เดือนอาการปวดหลังของคุณหนุ่ยก็ยังไม่ดีขึ้น จึงลองไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และรักษาด้วยการใช้เครื่องเลเซอร์กำลังสูง เพื่อบรรเทาอาการปวด แต่ผ่านไป 6 เดือนอาการก็ยังไม่ดีขึ้น เพื่อนเลยแนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ปรากฏว่า แนวทางของคุณหมอแตกต่างจากที่แรก เปลี่ยนจากการรักษาที่กระดูกข้อที่ L45 ซึ่งเรารักษาด้วยการใช้เลเซอร์มาแล้ว เป็นกระดูกข้อที่ L5-S1 พร้อมแนะนำให้เข้าผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูก

“ตอนที่จะผ่าตัดก็ทั้งกลัวและกังวล ปรึกษาคุณหมอถึง 5 ท่าน เพราะลังเลระหว่างวิธีการผ่าตัดจากด้านหน้าท้องหรือด้านหลัง ซึ่งหลังจากปรึกษาคุณหมอหลายท่าน ก็เลือกวิธีผ่าตัดจากหน้าท้อง อารมณ์เหมือนคนที่ผ่าคลอด เพราะนอกจากจะเป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุด ดีที่สุด ยังมีข้อดีคือ ไม่ต้องไปยุ่งกับกล้ามเนื้อหลังส่วนอื่น ที่อาจได้รับผลกระทบจากการผ่าตัด และวิธีการผ่าตัดแบบนี้ ก็เป็นแบบเดียวกับที่ ไทเกอร์ วูดส์ ผ่าเช่นกัน”


ผ่านมา 2 เดือน เธอยอมรับว่า เดือนแรกค่อนข้างทรมาน ใช้ชีวิตลำบาก เวลานั่งรถไปไหนแล้วเจอลูกระนาด จะเจ็บแผลตรงที่ใส่เหล็กเข้าไปมาก

“คุณหมอบอกว่า อาจจะต้องใช้เวลา 4-5 เดือน กว่าข้อเทียมจะสมานกับกระดูกเป็นเนื้อเดียวกัน ตอนนี้ก็อาจจะต้องใช้ชีวิตแบบระวัง ไม่ออกกำลังหนักๆ อาจจะมีเล่นพีราทิส เพื่อยืดเส้นยืดสายโดยมีเทรนเนอร์คอยแนะนำอย่างใกล้ชิด”


อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนสำคัญของเธอ และเธอก็อยากให้เรื่องราวของเธอเป็นอุทาหรณ์ให้กับสายเวทเทรนนิงอีกหลายๆ คน

“เวลาจะออกกำลังกาย ต้องรู้จักตัวเอง ทำเท่าที่ไหว ไม่ไหวอย่าฝืน ที่สำคัญ คือต้องรู้จักปฏิเสธให้หนักแน่น ไม่งั้นอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง อย่าง ตอนที่ตัดสินใจยกเวท ใครจะคิดว่าทำให้ถึงกับต้องผ่าตัดหลังครั้งใหญ่ ที่ต้องบอกว่า เสี่ยงมาก เพราะใช้เวลาผ่าตัดนานถึง 5 ชั่วโมง แถมอนาคตยังไม่รู้ว่าหลังจากการผ่าตัดแล้ว จะกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม โดยไม่มีอาการปวดหลังกวนใจได้หรือไม่ เพราะคุณหมอก็บอกได้เพียงว่า ต้องใช้เวลา” คุณหนุ่ยทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It