กลายเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิตที่ลืมไม่ลง สำหรับ “อุ๊-เจนนิส ยังพิชิต” ภริยาสาวสวยของ เบิ้ล–เจษฎา โสภณพนิช ยังพิชิต คุณแม่ลูกแฝดของ น้องจาณีน และน้องเจส ที่ดันไปเสียทีเจอกลโกงของเจ้าของร้าน Berich’ s Luxury ซึ่งตัวเองเป็นลูกค้าประจำที่ส่งกระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม ไปทำสปา ไปจนถึงฝากขายต่อ มานับ 10 ปี จู่ๆ ดันถูกยักยอก แอบนำกระเป๋าแบรนด์เนมและนาฬิกาของตนกว่า 20 รายการ ที่ส่งไปทำสปาและฝากขายกระเป๋าบางใบไปขายต่อ โดยไม่แจ้งให้ทราบแถมยังหลบเลี่ยงบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา
“เพราะใช้บริการมานาน ด้วยความไว้ใจ เลยกล้าขนกระเป๋าแบรนด์เนม Hermes, Chanel นาฬิกาหรู อย่าง Catier รองเท้า รวมกว่า 20 รายการ มูลค่าหลักล้าน ให้เจ้าของร้านขับรถมารับถึงที่บ้าน แต่หลังจากนั้น เขาหายไป 2 สัปดาห์ เราจึงติดต่อไป เพราะคิดว่าครั้งนี้ส่งไปหลายรายการ อาจจะต้องใช้เวลา ครั้งแรกเขาก็อ้างว่าทำธุระอยู่ต่างจังหวัด เพราะเขามีช็อปอยู่ที่นครสวรรค์ พออีก 2 สัปดาห์ต่อมา ติดต่อไปอีกครั้งเขาก็บอกว่า ลูกเข้าโรงพยาบาล ผ่านไปอีก 2 สัปดาห์ คราวนี้เขาส่งรูปตัวเองเจาะน้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล เราก็รอจนผ่านไป 3 เดือนก็ยังไม่ได้ของ คิดว่าไม่ใช่แล้ว เลยติดต่อไปว่า มีปัญหาอะไรหรือเปล่า อย่างไรถ้าเขาไม่สะดวก เราจะส่งคนขับรถไปรับของเองกลับมา”
“ตอนนั้นเขาก็ยังพยายามบ่ายเบี่ยงนะคะ อ้างว่าพอดีทางร้านเกิดปัญหา ฝนตกแล้วเพดานถล่ม น้ำรั่วลงมาโดนกระเป๋าของเราเสียหายหมด แต่ลูกน้องเขาไม่กล้าบอก เราก็โอเค งั้นขอดูรูปหน่อยว่ากระเป๋าเสียหายอย่างไร ปรากฏเขาก็ไม่มีรูป สุดท้ายก็เลยยอมรับว่า เขาไม่มีของคืนให้ เพราะเอาไปขายหมดแล้ว เลยคุยกันไปถึงการจ่ายค่าเสียหาย”
เจนนิสยอมรับว่าถึงจะรับผิดชอบค่าเสียหาย ก็ไม่ได้คุ้มกับมูลค่าของที่เสียไป เพราะของทั้งหมดถูกตีราคาในเรตมือสองไม่พอ แต่สำหรับเธอ ของบางชิ้นไม่ได้มีแค่มูลค่า แต่มีคุณค่าทางจิตใจ อย่าง นาฬิกา Cartier ที่เป็นของขวัญที่คุณแม่ซื้อให้ตอนเรียนจบ ซึ่งเธอได้ส่งไปทำความสะอาดในครั้งนี้ด้วย
“ตอนนั้นก็ทำใจแล้ว มีการทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหาย แต่ปรากฏว่าเช็คที่จ่ายก็เด้ง เราเลยตัดสินใจไปแจ้งความ ถึงได้รู้ว่าเจ้าของร้านมีคดีติดตัวเยอะมาก มีเจ้าทุกข์ที่เจอกลโกงแบบนี้หลายคน แต่พอคดีไปถึงศาล ศาลตัดสินให้จำคุก 3 ปี ปรับ 30,000 แต่ผู้ต้องหารับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกปีครึ่ง แต่รอลงอาญา ปรับ 15,000 บาท”
อย่างไรก็ตาม ถามว่าหลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องศาลแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อหรือไม่ เจนนิสบอกว่า ทนายแนะนำว่าให้ไปฟ้องศาลแพ่งต่อ แต่ส่วนตัวรู้ดีว่า ฟ้องไปอีกฝ่ายก็ไม่มีจ่ายและคงใช้เวลาอีกนาน เพราะสิ่งที่ต้องการ คือ อยากให้คนผิดได้รับโทษ และหยุดวงจรนี้ ไม่ให้มีคนที่ต้องถูกหลอกแบบนี้อีก จึงเลือกฟ้องศาลอาญา แต่เมื่อศาลตัดสินเช่นนี้ก็ต้องยอมรับ
แต่ถามว่า เรื่องนี้ให้บทเรียนอย่างไรบ้าง เจนนิสบอกว่าจากนี้เข็ดแล้ว ไม่ขอใช้บริการสปาและรับฝากขายกระเป๋าอีก จากนี้จะดูแลเอง และถ้าจะขายต่อก็ขายเฉพาะคนรู้จัก ส่วนใครที่คิดจะใช้บริการในลักษณะนี้ แนะนำว่านอกจากจะเลือกร้านที่น่าเชื่อถือได้ ทางที่ดีอย่าส่งของไปทีละมากๆ เพราะอย่างน้อยถ้าเกิดโชคร้าย จะได้ไม่เจ็บเยอะแบบเธอ
Comments are closed.