Interview

“ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์” จากหนุ่มสถาปัตย์ สู่เจ้าของซาลอนครบวงจรสุดฮิตย่านสยาม!

Pinterest LinkedIn Tumblr


นาทีนี้ ถ้าเม้าท์มอยกับสาวๆ ถึงร้านเสริมสวยที่กำลังฮอตสุดๆ ในย่านสยาม คงหนีไม่พ้น “กีกี้ บิวตี้ สเปซ” (KIKI Beauty Space) ที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่า ผู้ที่อยู่เบื้องการปลุกปั้นธุรกิจนี้คือ หนุ่มหล่อโอปป้าสไตล์ที่ชื่อ “ก้อง-ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์” ซึ่งเขาเรียนจบด้านสถาปัตย์ฯ ก่อนจะมาโลดแล่นในสายการเงิน ไม่ได้มีโปรไฟล์สายบิวตี้มาก่อน แต่ดันจับพลัดจับผลูได้พื้นที่แถวสยาม เลยมาเปิดร้านเสื้อผ้า จากนั้นจึงค่อยๆ ต่อยอดมาเป็นซาลอนที่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงคอนเซ็ปต์และบริการให้ครบวงจร จนใครมาก็ติดใจ

เอาเป็นว่า ใครที่อยากรู้ว่าก้องภพเป็นใคร แล้วเขาทำได้อย่างไร ถึงใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี ก็ปลุกปั้นธุรกิจจนเติบโตในยุคโควิด-19 ได้สำเร็จ Celeb Online จะพาไปหาคำตอบ…

ด้วยความที่ชอบด้านอาร์ตและดีไซน์ ก้องจึงเลือกเรียนปริญญาตรีด้านการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (นานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน Supply Chain Management​ ที่ Cass Business School ประเทศอังกฤษ

“ผมคิดอยู่แล้วว่าอยากทำธุรกิจของตัวเอง ฉะนั้น นอกจากจะอาศัยเรียนรู้เรื่องธุรกิจจากที่บ้าน ซึ่งทำธุรกิจเหล็ก สมัยเรียนผมยังเลือกไปฝึกงานที่ธนาคาร เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับโลกการเงินและธุรกิจ พอปริญญาโท ผมเลือกเรียนด้านซัปพลายเชน เพราะคิดว่าอนาคตถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ควรรู้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ใช้เวลา 9 เดือนก็เรียนจบปริญญาโท”


หลังเรียนจบ ก้องประเดิมงานแรกที่ SCB Julius Baer รับหน้าที่ดูแลการลงทุนในต่างประเทศ ให้กับลูกค้าที่มีรายได้ธุรกิจขั้นต่ำ 100 ล้านบาท งานนี้แม้จะเป็นพนักงานที่อายุน้อยที่สุด ก็ไม่ใช่ปัญหา แถมประสบการณ์และความรู้ที่ได้กลับมา ก็ถือว่าคุ้มค่าและหาไม่ได้จากที่ไหน

ก้องเฉลยว่า เหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาเริ่มธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะพี่สาว (แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ หนึ่งในผู้บริหารร้านปิ้งย่างเกาหลี nice two Meat u และชานมไข่มุกเสือพ่นไฟ Fire Tiger by Seoulcial Club) เห็นว่าน้องชายมีแพสชั่นอยากทำธุรกิจอยู่แล้ว พอมีพื้นที่ว่างที่สยาม ซอย 3 เลยชวนให้ก้องมาลองปั้นธุรกิจใหม่

“ตอนนั้นเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย เพราะพอได้ที่มาแล้ว ถ้ายิ่งรีรอ ก็ต้องเสียค่าเช่าฟรีๆ ตอนแรกผมยังไม่มีไอเดียชัดอยากจะทำธุรกิจอะไร เลยไปเซอร์เวย์ เพื่อดูความเป็นไปได้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี คู่แข่งที่มีเป็นใคร เพราะผมไม่ได้อยากตั้งต้นธุรกิจจากสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่พยายามมองหาสิ่งที่ยังขาด”


หนึ่งใน Pain Point ที่ก้องเจอคือ สยามมีร้านทำผมเยอะก็จริง แต่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนย่านนี้ ส่วนใหญ่ที่มีคุณภาพอาจไม่เทียบเท่าร้านในห้าง กลายเป็นว่าคนที่มาสยามก็ต้องไปทำผมในห้าง เลยคิดว่า ร้านทำผมน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

แต่ก่อนจะมาเป็น บิวตี้ สเปซ แบบเต็มรูปแบบเช่นทุกวันนี้ ก้องเริ่มจากการทำร้านมัลติแบรนด์ ที่นำเข้าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และแอคเซสซอรีจากเกาหลีมาขาย แล้วใช้วิธีแบ่งโซนเล็กๆ ในร้านเป็นพื้นที่ทำเล็บ พอตอนหลังก็มีโซนทำผม แต่หลังจากเปิดร้านได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ โควิดก็ระบาดหนัก เจอล็อกดาวน์นานถึง 3 เดือน

ในช่วงที่เรียกว่าเป็นวิกฤตของหลายๆ ธุรกิจนั้น ก้องเลือกที่จะกลับมาทบทวนตัวเองและเริ่มปรับทิศทางธุรกิจใหม่ ตัดสินใจรีโนเวทร้าน มาโฟกัสด้านบิวตี้ เพื่อเปิดซาลอนเต็มตัว ส่วนสินค้าเดิมที่มีก็ค่อยๆ ระบายสต็อก ผ่านช่องทางออนไลน์แทน

โจทย์ในการทำซาลอนของก้องในตอนนั้นคือ อยากทำร้านที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงบริการ


เริ่มจากการออกแบบร้าน ก้องบอกว่า อยากสร้างความประทับใจให้ลูกค้า จึงชูดีไซน์ร้านที่ให้อารมณ์แบบดิบๆ ด้วยการใช้ปูนผสานกับความหรูหรา ด้วยการนำสีทองหม่นๆ มาตัด เพราะอยากให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่น ไม่รู้สึกว่าต้องเกร็ง เข้ามาแล้วรู้สึกสบายใจ มีพนักงานที่พร้อมดูแล

ส่วนบริการ ก้องบอกว่าจุดเด่นของที่นี่คือ “เรื่องการทำสี อย่าง ไฮไลท์ผมโทนสีหม่น ร้านเราทำแค่รอบเดียว สีติดเป็นปี ไม่ต้องเสียเวลาไปทำหลายรอบ เพราะเราคัดสรรเฉพาะผลิตภัณฑ์ชั้นนำจากทั่วโลก คัดเฉพาะตัวที่แบรนด์นั้นเด่น เพราะแต่ละแบรนด์ก็อาจจะเด่นแค่บางสินค้า แบรนด์ไหนดังอะไร เราก็จะมีตัวนั้น ที่สำคัญ ทุกอย่างก่อนจะเอาเข้ามาใช้ที่ร้าน เราเทสต์กับตัวเองและพนักงานในร้านทุกชิ้น และมีการอัปเดตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาตลอดเวลา”

ทั้งหมดนี้ ก็เพราะก้องมองว่า อยากให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ เดินออกไปจากร้านด้วยความมั่นใจ เป็นตัวเองของตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม


พอคอนเซ็ปต์ที่มาถูกทาง บวกกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ต้องการเสิร์ฟสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าอย่างแท้จริง ทำให้ KIKI Beauty Space กลายเป็นกระแสที่หลายคนบอกต่อ จนเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว KIKI Beauty Space ขยายพื้นที่จากตึกสองคูหาที่มีพื้นที่แค่ชั้นล่าง กลายเป็นมีพื้นที่ให้บริการถึง 4 ชั้น มีบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การทำผม ทำเล็บ ดูแลผิวหน้า ต่อขนตา ลิฟท์ขนตา การทินต์คิ้ว แวกซ์ขนคิ้ว ไปจนถึงแวกซ์ขนทั้งใบหน้าและขนตัว รวมถึงจุดซ่อนเร้นแบบครบทุกส่วน พูดง่ายๆ ว่ามาที่เดียวครบ พร้อมดูแลตั้งแต่หัวจรดเท้า

นอกจากนี้ ยังเป็นลักชัวรีซาลอนแห่งแรก ที่เปิดให้บริการคาเฟ่ภายในร้าน หรือถ้าใครอยากกินมื้อหนักสามารถสั่งเมนูอาหารร้านดังย่านสยาม อาทิ ร้านชานมเสือพ่นไฟ Fire Tiger, E-Bomb, Mil Toast House และ nice two Meat u มานั่งทานที่ร้าน หรือจะสั่งเดลิเวอรีมาทานเองก็ได้

“ที่ต้องมีบริการนี้ เพราะความละเอียดในการทำผมของลูกค้าแต่ละคนไม่เท่ากัน การทำสีผมหรือไฮไลท์ของบางคนอาจจะนานถึง 6 ชม.”


ส่วนที่มาของชื่อร้านนั้น ก้องเผยว่า “กีกี้” มาจากชื่อ “ก้องกี้” ที่คุณแม่ชอบเรียกสมัยก่อน​ เลยเอาคำว่า “กี้” มาตั้ง เพราะอยากได้ชื่อที่จำง่าย ติดหู ส่วนที่เติมคำว่า Space เพราะอยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่ของใครก็ได้ ไม่จำกัดเพศ วัย อายุ จะผู้ชายหรือผู้ใหญ่ก็เข้ามาได้โดยไม่ต้องรู้สึกเขินอาย

มาถึงวันนี้ ถ้าถามว่า KIKI Beauty Space มาไกลกว่าที่คิดหรือไม่ ก้องตอบชัดว่า ไม่ได้แปลกใจกับการเติบโตของธุรกิจ เพราะไม่ได้กดดันตัวเอง หรือตั้งเป้าว่าต้องไปถึงตรงไหน แต่ทุกอย่างเกิดจากเรียนรู้และการปรับปรุงแก้ไขเพื่อข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ

“เคล็ดลับในการทำธุรกิจของผมคือ เชื่อในกระบวนการคิดและลงมือทำ ผมพยายามคิดบวกเสมอ พยายามเข้าใจในทุกขั้นตอน และบอกตัวเองว่าไม่มีใครที่เพอร์เฟกต์ เราต้องเข้าใจปัญหา อย่าเอาปัญหามาเครียด แต่จงแก้ไขเพื่อทำให้ดีขึ้นดีกว่า” ก้องทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It