จากการประกาศลงจากราชบัลลังก์แบบช็อกโลก ไปเมื่อวันขึ้นปีใหม่ของ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งจะมีผลในวันที่ 14 มกราคมนี้ นับเป็นวันครบรอบ 52 ปีของการครองราชย์ของพระองค์ โดยให้เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสและพระชายาแมรีขึ้นสืบทอดตำแหน่งแทน
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พสกนิกรชาวเดนมาร์กทั้งหลาย นับถอยหลังสู่วันก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ของเจ้าชายและพระชายาที่กำเนิดจากสามัญชน ก่อนก้าวเข้าสู่ราชวงศ์อย่างเต็มตัวและได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยพระนามใหม่ของทั้งสองพระองค์คือ H.M. King Frederik X และ H.M. Queen Mary
จากการสำรวจของสถานีโทรทัศน์ DR ของเดนมาร์ก เจ้าชายเฟรเดอริกและพระชายาได้รับความนิยมพอๆ กับสมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธเอง โดยชาวเดนมาร์กมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มีทัศนคติเชิงบวกต่อทั้งสองพระองค์ นอกจากนั้น เจ้าชายเฟรเดอริกก็ถือว่าเตรียมตัวมาอย่างดีเช่นกัน พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยอาร์ฮุสของเดนมาร์ก หลังจากได้รับปริญญาโท พระองค์ทรงงานชั่วคราวเป็นนักการทูต ให้กับคณะผู้แทนสหประชาชาติของเดนมาร์กประจำนครนิวยอร์ก และที่สถานทูตเดนมาร์กในกรุงปารีส
ในกองทัพ เมื่อพระชันษา 20 ปีกลางๆ พระองค์ทรงเคยผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก จนกลายเป็นนักว่ายน้ำต่อสู้ในกองทัพเรือ อีกทั้งยังทรงมีชื่อเสียงในด้านความทะเยอทะยาน และความเป็นนักกีฬาอย่างยิ่ง ทรงเคยวิ่งมาราธอนหลายครั้ง เข้าร่วมในการเล่นสกีข้ามประเทศที่คลาสสิกของสวีเดนหลายครั้ง และพระองค์ยังทรงได้รับความเคารพ เมื่อทรงขับรถเลื่อนสุนัขเป็นระยะทางเกือบ 2,800 กม. ผ่านเกาะกรีนแลนด์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า หัวข้อข่าวเรื่องชู้สาวนอกลู่นอกทางของพระองค์ ทำให้ราชวงศ์ต้องตกตะลึง ชื่อเสียงของพระองค์ได้รับความเสียหาย แต่มันจะมีผลต่อเนื่องไปถึงอนาคตข้างหน้าหรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้
ในช่วงพระชันษา 20 ปี มกุฎราชกุมารเฟรเดอริก ทรงเคยมีภาพลักษณ์เป็นเจ้าชายสายปาร์ตี้ เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการเกี้ยวพาราสีและความชื่นชอบรถสปอร์ต มักเป็นหัวข้อในคอลัมน์ซุบซิบ แต่แล้วจู่ๆ ข่าวก็เริ่มเงียบหาย ในปี 2000 เจ้าชายเฟรเดอริกทรงพบรักกับ “แมรี โดนัลด์สัน” ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ซิดนีย์ ทั้งสองหมั้นหมายกันในปี 2003 และฉลองสมรสกันในปี 2004 นับตั้งแต่นั้นมาชีวิตสมรสของแมรีและเจ้าชายเฟรเดอริก ก็ถือเป็นแบบอย่าง แมรีต้องรับมือกับข่าวเชิงลบในปัจจุบันอย่างอดทน
ไม่เพียงแต่ พระยศของเจ้าชายเฟรเดอริกและแมรีเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง หากยังรวมถึงพระยศของ “เจ้าชายคริสเตียน” พระโอรสชันษา 18 ปีด้วย ที่ถูกเลื่อนจากเจ้าชายเป็นมกุฎราชกุมารโดยปริยาย และต้องรับหน้าที่ทางการหลายอย่าง นอกจากนี้ พระองค์ยังได้เป็นสมาชิกของสภาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษาของกษัตริย์แห่งเดนมาร์กด้วย ซึ่งหมายความว่าพระองค์จะเป็นอันดับสอง และรับหน้าที่เป็นประมุขเมื่อพระบิดาเสด็จไปต่างประเทศ
ส่วนใครที่รอติดตามงานพระราชพิธีราชาภิเษกอันโอ่อ่า อย่าง สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลานั้น เห็นทีจะต้องผิดหวัง เพราะจะไม่มีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่เช่นนั้น ดังที่ “เซซิลี นีลเสน” ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาบันกษัตริย์ เคยทำนายไว้กับสถานีโทรทัศน์ DR ของเดนมาร์กว่า “เราไม่ได้ทำพิธีราชาภิเษกกันในเดนมาร์ก จะมีก็แต่ประกาศวันที่ 14 มกราคม มกุฎราชกุมารเฟรเดอริก จะทรงได้รับการประกาศให้เป็นกษัตริย์โดยนายกรัฐมนตรี”
ในความเป็นจริงแล้ว ที่เดนมาร์กไม่มีการสวมมงกุฎกษัตริย์ นับตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อปี 1849 แล้ว การขึ้นครองราชย์ในครั้งนี้ จึงอาจไม่ได้ตระการตา เต็มเปี่ยมไปด้วยพิธีรีตองในแบบของชาติอื่นๆ ที่จัดขึ้นเมื่อยามผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน แต่เชื่อได้ว่าการรับตำแหน่งในครั้งนี้ของเจ้าชายเฟรเดอริก จะเต็มไปด้วยความสง่างาม และการสานต่อภาระหน้าที่ของพระราชมารดา ได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด
ด้านฝั่งพระชายา “เจ้าหญิงแมรี” ที่รับภารกิจของราชวงศ์มาเนิ่นนานหลายปีแล้ว และได้ชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ทรงทำงานหนักที่สุดพระองค์หนึ่ง เธอจะได้ก้าวขึ้นเป็นพระราชินีพระองค์แรก ที่มาจากประเทศออสเตรเลีย ด้วยคุณสมบัติที่แม้จะไม่ได้เกิดมามีสายเลือดสีน้ำเงินแท้ แต่เธอก็มีโปรไฟล์ที่น่าประทับใจ แถมด้วยการตั้งใจเรียนภาษาเดนนิชอย่างแข็งขัน การให้ประสูติพระทายาทหลายพระองค์ การดูแลครอบครัว ทั้งพระสวามีและลูกๆ ได้อย่างดี และที่สำคัญ การแต่งกายของพระองค์ที่ไม่ว่างานไหนก็ไม่เคยพลาด เต็มเปี่ยมไปด้วยความเรียบหรูแบบคลาสสิก ทั้งถูกกาลเทศะ เสริมบุคลิกภาพ แลดูสง่างาม โดยไม่โอเวอร์ แถมยังมีการหยิบจับมาใช้ซ้ำ จับคู่เดรส สลับโค้ท หรือปรับลุคเสื้อผ้าชิ้นต่างๆ ใช้ได้อย่างคุ้มค่า ทำให้เธอชนะใจชาวเดนส์ทั้งหลายได้ในที่สุด
รวมลุคเก๋ของว่าที่พระราชินีแมรีแห่งเดนมาร์ก
Comments are closed.