Event

ครบรอบ 45 ปี "แอตเตอลิเยร์ พิจิตรา" จัดแฟชั่นโชว์และนิทรรศการ บ่งบอกศิลปะแห่ง "การเปลี่ยนผ่าน"

Pinterest LinkedIn Tumblr

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรนิทรรศการ
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงกาล่า พรีเซนเทชัน และนิทรรศการแสดงผลงานของห้องเสื้อพิจิตรา ภายใต้แนวคิด “The Golden Metamorphosis” จัดโดย บริษัท แอตเตอลิเยร์ พิจิตรา จำกัด เพื่อถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูหัตถกรรมผ้าไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล และในวาระสำคัญแห่งการครบรอบ 45 ปี ของแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงระดับตำนานของไทย ในการนี้ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอตเตอลิเยร์ พิจิตรา จำกัด และ ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเดอะมอลล์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์

พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์
บรรยากาศภายในนิทรรศการมีการจำลองมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน และห้องทำงานของพิจิตรา ซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากประเทศต่าง ๆ ที่เก็บสะสมมาเป็นเวลานานหลายสิบปี ที่ทั้งสวยงาม และแปลกตา ทั้งยังมีเอกลักษณ์โดดเด่น พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวเริ่มตั้งแต่ยุคบุกเบิกของ อาจารย์ลำยงค์ บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งสถาบันสอนตัดเสื้อระพี สู่ยุคทองของ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่ผสมผสานความสง่างามแบบปารีสเข้ากับจิตวิญญาณแห่งศิลปะตะวันออก จนถึงการส่งไม้ต่อสู่ทายาทรุ่นที่สาม ฑาทิม รักษะจิตร ผู้สืบสานตำนาน


ไฮไลต์สำคัญของนิทรรศการคือการอัญเชิญ ฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 3 องค์ ที่ออกแบบและตัดเย็บโดยห้องเสื้อพิจิตรา ซึ่งหาชมได้ยากยิ่ง และเป็นหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์แฟชั่นไทย ประกอบด้วย ฉลองพระองค์ชุดกลางคืน ตัดเย็บด้วยผ้าไหมสีดำแต่งแขนด้วยผ้าชาวเขาเผ่าเย้า


ฉลองพระองค์ชุดกลางวันตัดเย็บด้วยผ้าไหมมัดหมี่ลายโคมห้าซึ่งออกแบบและตัดเย็บ โดยพิจิตรา บุณยรัตพันธุ์


และฉลองพระองค์ชุดกลางวัน ตัดเย็บด้วยผ้าไหมมัดหมี่ ปักฉลุเป็นลายลูกไม้สานเชื่อมเป็นตะแกรง องค์ในตัดเย็บด้วยผ้าไหมมัดหมี่ ออกแบบและตัดเย็บโดยอาจารย์ลำยงค์ บุณยรัตพันธุ์ โรงเรียนสอนตัดเสื้อระพี


รวมถึง ฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่ทรงในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ซึ่งได้อัญเชิญมาจัดแสดง 3 องค์ ประกอบด้วย ฉลองพระองค์ชุดไทยบรมพิมานสีน้ำเงิน เมื่อครั้งโดยเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา แห่งอังกฤษ ณ มหาวิหารเวสต์มินเตอร์, ฉลองพระองค์ชุดไทยจักรีสีส้ม เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงรับ พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และนางลินดา เฮอร์ลีย์ ภริยา และ ฉลองพระองค์ชุดไทยอมรินทร์ สีน้ำตาล เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมในงานถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน จัดถวาย ณ พระราชวังเดเชนโชลิง กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งฉลองพระองค์ทั้ง 3 องค์ ออกแบบและตัดเย็บโดย พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์พิจิตรา


พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเรกเตอร์ กล่าวถึงแก่นสำคัญคอลเลกชันที่เป็นเสมือนบทสรุปการเดินทางตลอด 45 ปี และเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตว่า “ดิฉันและแบรนด์ ATELIER PICHITA ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงฟื้นฟูและเผยแพร่ผ้าไทยจนเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล การที่ได้มีโอกาสถวายงานตัดเย็บฉลองพระองค์จากผ้าไทยที่ทรงพระราชทาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกผ้าไหมศิลปาชีพ ถือเป็นเกียรติสูงสุดและเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ในการทำงานของดิฉันและ แบรนด์ ATELIER PICHITA มาโดยตลอด


“คอลเลกชัน The Golden Metamorphosis จึงเปรียบเสมือนการเฉลิมฉลอง ‘ยุคทอง’ ของผ้าไทยที่พระองค์ท่านได้ทรงมอบไว้เป็นมรดก โดยเป็นการสร้างสรรค์ระหว่างรากเหง้าและการเกิดใหม่ สะท้อนถึงยุคทองบทใหม่ของแบรนด์ ที่ผสานอดีตอันทรงคุณค่ากับโครงร่างอันล้ำสมัยและกล้าแสดงออก งานออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามและความแข็งแกร่งเชิงสัญลักษณ์ของ “แมลงสีทอง” ถ่ายทอดการแปรสภาพ (Metamorphosis) โดยนำมาตีความถึงการวิวัฒนาการและการเกิดใหม่ของแบรนด์อย่างลึกซึ้ง หัวใจของคอลเลกชันนี้คือการหลอมรวมสองคู่ตรงข้ามที่ทรงพลัง ระหว่างโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่เฉียบคม และความอ่อนช้อยพริ้วไหวแบบเฟมินีน เข้าไว้ด้วยกัน”


ผลงานในคอลเลกชันนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงอันงดงาม สร้างเรื่องเล่าผ่านภาพของ “ดักแด้ที่กำลังคลี่ตัวออกสู่ชีวิตใหม่” การเกิดใหม่นี้เปรียบเสมือนความฝันอันแสนงดงาม การเดินทางเหนือจริงที่ทั้งให้เกียรติต่อประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และเปิดรับอนาคตที่เปี่ยมด้วยความงามและนวัตกรรม


ทุกชิ้นงานคือบทพิสูจน์ถึงหัตถศิลป์ชั้นสูงอันเป็นเอกลักษณ์ของห้องเสื้อ ATELIER PICHITA ผ้าไหมไทยอันเป็นเอกลักษณ์ได้รับการตีความใหม่ด้วยมุมมองร่วมสมัย เสริมด้วยงานปักทองอันประณีตและเทคนิคต่อผ้าชั้นสูงที่สะท้อนภูมิปัญญาช่างฝีมือของแบรนด์อย่างสมบูรณ์แบบ การใช้ “สีทอง” ที่แทรกอยู่ทั่วทั้งคอลเลกชันไม่ได้เป็นเพียงการเลือกสี หากแต่คือสัญลักษณ์ของ “ยุคทองแห่งความสำเร็จ” และ “อนาคตอันเจิดจรัส” ที่รออยู่ข้างหน้า


“คอลเลกชันนี้คือบทสรุปแห่งการเดินทาง 45 ปีของเรา และเป็นก้าวที่กล้าหาญสู่อนาคต นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่คือการเกิดใหม่ของตำนาน การผสานกันอย่างวิจิตรระหว่างศิลปะและแฟชั่น ที่ทั้งให้เกียรติอดีตและเปิดเส้นทางใหม่ที่สว่างไสวกว่าที่เคย”

นิทรรศการ 45th Year Anniversary Exhibition
ตำนาน 3 เจเนอเรชัน สู่ #WearableArt ที่ไร้กาลเวลา

เบื้องหลังความสำเร็จ 45 ปีของ ATELIER PICHITA คือเรื่องราวของสามเจเนอเรชันแฟชั่นที่ทรงอิทธิพลของไทย จาก อาจารย์ลำยงค์ บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งห้องเสื้อและโรงเรียนสอนตัดเสื้อระพี ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันสอนแฟชั่นแห่งแรกๆ ของประเทศไทย สู่ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และล่าสุดส่งไม้ต่อสู่ทายาทรุ่นที่สาม ฑาทิม รักษะจิตร ที่เข้ามาสานต่อวิสัยทัศน์ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่

นิทรรศการ 45th Year Anniversary Exhibition

นิทรรศการ 45th Year Anniversary Exhibition
การเดินทางนี้จะถูกถ่ายทอดผ่านนิทรรศการ “45th Year Anniversary Exhibition” ที่จะเปิดคลังสมบัติทางวัฒนธรรม จัดแสดงผลงานเก่าเก็บหาชมยาก เพื่อเจาะลึกเบื้องหลังเทคนิคอันเป็นหัวใจของแบรนด์ ตั้งแต่การทอผ้าไหมไทยด้วยเทคนิคพิเศษ รวมถึงสมุดสเก็ตช์ภาพที่วาดไว้ตั้งแต่อดีต และอุปกรณ์การตัดเย็บต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องราวความร่วมมือกับช่างฝีมือท้องถิ่นที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานที่เปรียบดั่ง “ศิลปะสวมใส่ได้” หรือ WearableArt

นิทรรศการ 45th Year Anniversary Exhibition

นิทรรศการ 45th Year Anniversary Exhibition
“หัวใจของ ATELIER PICHITA คือช่างฝีมือของเราและผ้าไหมไทย ทุกฝีเข็มคือเรื่องราวและจิตวิญญาณที่เราบรรจงใส่ลงไปในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ ซึ่งเราอยากให้ทุกคนได้เห็นว่า WearableArt ไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่คือความจริงที่จับต้องได้ คือมรดกทางวัฒนธรรมที่เราอยากให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัส” พิจิตรา กล่าวเสริม


เปิดตัวหนังสือ “PICHITA” บันทึกตำนาน 45 ปี

นอกเหนือจากแฟชั่นโชว์และนิทรรศการ ภายในงานยังมีการเปิดตัวหนังสือ “PICHITA” ซึ่งรวบรวมภาพผลงานการทำงานและชุดที่เคยถ่ายลงในนิตยสารทุกเล่มทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บรรจุในหนังสือความหนา 380 หน้า จัดพิมพ์จำนวนจำกัดเพียง 1,000 เล่ม จำหน่ายในราคา 3,500 บาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนสภากาชาดไทย พร้อมมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาศิลปะในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และจะมีการมอบหนังสือส่วนหนึ่งให้แก่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย


ก้าวต่อไปแห่งอนาคตที่ท้าทายกว่าเดิม

ในวาระครบรอบ 45 ปี ATELIER PICHITA ไม่เพียงเล่าขานถึงความสำเร็จอันเนิ่นนาน ทว่ายังประกาศวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เผยทิศทางการเติบโตของแบรนด์ที่ขยายขอบเขตจากโอต์กูตูร์ไปสู่การออกแบบยูนิฟอร์มระดับไฮเอนด์สำหรับองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของ แบรนด์ที่พร้อมปรับตัวและนำความประณีตชั้นสูงไปสู่บริบทใหม่ ๆ ในโลกธุรกิจ


“โลกของแฟชั่นไม่เคยหยุดนิ่ง และ ATELIER PICHITA ก็เช่นกัน ในวาระครบรอบ 45 ปีจึงไม่ใช่การมองย้อนไปข้างหลังเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเราพร้อมสำหรับก้าวต่อไป ที่จะนำความงามและความประณีตของโอต์กูตูร์ไปสู่บริบทใหม่ ๆ ที่ท้าทายกว่าเดิม” พิจิตรา กล่าวทิ้งท้าย


ทั้งนี้ หนังสือ “PICHITA” จะจัดจำหน่ายโดยพรีออเดอร์ ผ่านเว็บไซต์และ LINE Official สำหรับนิทรรศการ “45th Year Anniversary Exhibition” เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสัมผัสเรื่องราวตลอด 45 ปี และสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจในสายอาชีพช่างเสื้อไทย โดยสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้- 29 พฤศจิกายน 2568 ณ ชั้น 1 เอ็มไลฟ์สไตล์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook, Instagram ในชื่อ atelier_pichita และ Line@ ในชื่อ @Atelier_Pichita

Comments are closed.

Pin It