Gossip

โซเชียลระอุ!? เปิดศึกดราม่าระหว่างกลุ่มสามนิ้ว กับสายแฟชั่นไทยกลุ่มใหญ่

Pinterest LinkedIn Tumblr


มีเรื่องระอุโซเชียลมาอัพเดทเพราะเดี๋ยวจะคุยกับใครเขาไม่รู้เรื่อง เมื่อมีฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วงในอินสตาแกรมของคนสายแฟชั่น ที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อ มาเม้าท์มอยถึงพฤติกรรมต่างๆ ของไทยดีไซเนอร์ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจิกกัด นิตยสารหัวนอกที่ทรงอิทธิพลและใกล้ชิดราชวงศ์ โดยใช้ชื่อคล้ายกับแอคเคานท์ในอินสตาแกรมต่างประเทศที่คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวในโลกแฟชั่นคอยจับผิดพร้อมแฉเหล่าแฟชั่นดีไซเนอร์ที่แอบก็อบปี้ไอเดียของคนอื่นเอามาใช้อย่าง “Diet Prada” ส่วนเวอร์ชั่นไทยก็หยิบเอาชื่อของแบรนด์ไทยมาใช้ล้อเลียนแซ่บๆ เป็น “Diet Asava” หรือ “ไดเอท อาสาว่า”


ซึ่งถ้าเข้าไปดูเนื้อหา เรียกว่าสั่นสะเทือนวงการแฟชั่นไทยเลยทีเดียว ทั้งเป็นการเม้าท์มอยถึงไทยดีไซเนอร์แบบเรียงตัว ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง เรื่องผลงาน และลามไปถึงเรื่องความสนิทสนมใกล้ชิดกับราชวงศ์ ชนิดว่าโดนเม้าท์เบอร์แรงกันทุกแบรนด์ทั้งแบรนด์รุ่นใหญ่อย่าง Soda , Zenith , Issue หรือแบรนด์รุ่นใหม่มาแรงอย่าง Boyy , Moo ก็ถูกนำมาล้อเลียน ไม่เว้นกระทั่ง บก.สายแฟชั่น และ บก.นิตยสารหัวนอกที่ทรงอิทธิพลที่ทำงานใกล้ชิดกับแบรนด์แฟชั่นระดับราชวงศ์ ก็โดนขุด โดนมอยด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็น แบ่งปันเรื่องราวที่เคยประสบพบเจอกับการทำงานกับคนในวงการแฟชั่น ซึ่งเรียกว่าเป็นอีกขั้วหนึ่งของความคิดทางการเมืองที่อ่านไปเพลินๆ ก็สนุกขำขันกับความคิดเช่นนั้น


โดยทางแอคเคาน์ “Diet_asava” ก็มีคำชี้แจงให้เคลียร์กับการออกตัวแรงในแต่ละโพสว่า
“1. DA สนับสนุนการเอาเรื่องหลังไมค์มาพูดหน้าไมค์กันมาขึ้น
2. DA ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง เช่น การตบหน้ากระเพื่อมวงการแฟชั่น
3. DA ไม่แนะนำ ให้นำเนื้อหาที่เกิดขึ้นไปใช้ประกอบงานวิจัยเชิงวิชาการใดๆ
4. DA ให้ความสำคัญกับทุกความเห็นที่เป็น ANNONYMOUS นิรนาม
5. DA เชื่อว่า แฟชั่นสามารถเปลี่ยนแปลงในสังคมได้จริงๆ
6. DA ไม่ได้เกิดขึ้นจากโดนกะเทยแฟชั่นรุ่น ใหญ่ในวงการยุค 80 ทำร้ายจิตใจ
7. DA สร้างเนื้อหาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่มีอารมณ์ขัน และไม่มีอารมณ์ขัน
8. DA ไม่ใช่เสาหลักวงการแฟชั่นและไม่ใช่เรื่องชำในบ่ายวันหนึ่งของชีวิตใคร
9. DA เชื่อว่า การต่อสู้เพื่อความเหลื่อมล้ำเป็นหน้าที่ของทุกคนไม่มากก็น้อย
10. DA เชื่อว่าการจะมีความรับผิดชอบ ACCOUNTABILITY หรือความไม่ปลอม AUTHENTICITY หรือการออกมาเคลม ในรูปแบบใดก็ตาม นั่นควรเป็นหน้าที่ของบุคคลอื่นที่จะมาให้ค่า”


แม้หลังๆ จะเริ่มโดนฟาดกลับจากแบรนด์ที่ถูกตั้งประเด็นด่าไปหลายกรุบ และถูกตามหาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง Diet Asava เป็นใคร จนต้องมีการพูดคุยกันในกลุ่มคลับเฮ้าส์ โดยมีการตอบกลับจาก Diet Asava ว่า “กรุณาอ่าน ว่าด้วยเรื่อง : ใครใครก็เป็นไดเอทอาสาว่าได้ – Who who can all be #DietAsava เรื่องที่น่าเศร้า หลังจากฟังคลับเฮ้าส์ในหัวข้อ Diet Asava จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่แก! ก็คือ เรื่องที่ 1 การที่ทุกคนที่มีพื้นที่สื่อแฟชั่นในมือมานั่งคุยกัน ออกมาบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ อันนี้ไม่แปลกใจเพราะทุกคนก็มีราคาที่ต้องจ่าย #อยู่เป็น แต่อย่างที่บอกไปในโพสต์ที่แล้วใครจะออกมาประกาศว่าชั้นทำ duh!


เรื่องที่ 2 ทุกคนใน คลับเฮ้าส์ ยังคงเชื่อว่าการลุกขึ้นมาทำแบบ #ไดเอทอาสาว่า ต้องเป็นหนึ่งในลิสต์ที่เค้าแท็กกันไปมา ซึ่งก็ล้วนเป็นคนที่ทำงานในวงการแฟชั่นซึ่งจริงๆ แล้วใครๆ ก็ควรที่จะสามารถเป็นไดเอทได้ คนธรรมดาก็สามารถลุกมาตั้งคำถามกับเรื่องอะไรก็ได้ในประเทศโลกนี้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง


เรื่องสุดท้ายก็คือ @busypartyboy @dudesweetworld ตั้งคำถามว่าแฟชั่นสามารถหรือเคยสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในสังคมจริงๆหรือ? หนึ่งในผู้ฟังก็ได้ยกมือตอบคำถามประมาณนี้ “ถ้ายังจำกันได้เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วมีดารานักร้องรวมถึง บุคลากรในวงการแฟชั่นไทย ออกมาเป่านกหวีดและสนับสนุนการรัฐประหาร แบบนี้เรียกว่าแฟชั่นสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริงๆหรือยัง ” แล้วทุกคนในคลับเฮ้าส์ก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดวงสนทนาวาด้วยการตามหาไดเอทอาสาว่า อย่างไรก็แล้วแต่เราคิดว่าการได้มาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันก็ทำให้เราเข้าใจตัวเองและเข้าใจสังคมและวงการที่เราอยู่มากขึ้น can I get an Amen?”

นอกจากนี้ในแอคเคาน์นี้ก็ยังมีเรื่องแซ่บๆ ออกมาฟาดวงการแฟชั่นและนิตยสารหัวนอกที่ใครชิดราชวงศ์แบบรายวัน ชนิดที่อ่านแล้วต้องบอกว่า เบาได้เบา คริคริ

Comments are closed.

Pin It