เชื่อว่าทุกสายตาของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในเมืองไทย ต่างจับตามอง โมเดล “Phuket Sandbox” ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนไข่มุกอันดามันของไทย ซึ่งถูกจัดเป็นพื้นที่นำร่องเตรียมการเปิดประเทศ ทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ซบเซาอย่างหนัก จากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งหากการทดลองเวลา 3 เดือน ประสบความสำเร็จ จะเป็นต้นแบบขยายไปสู่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งนับเป็นทางรอดสำคัญ ที่จะมาช่วยต่อท่อหายใจให้เศรษฐกิจของประเทศได้เดินหน้าต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่านักธุรกิจที่มีกิจการในท้องที่ภูเก็ตเอง ก็กำลังเร่งมือเตรียมการอย่างหนัก ดังเช่น “แวว-ธีรวัลคุ์ ปังศรีวงศ์” บอสสาวคนเก่งแห่งโรงแรมเคปพันวา รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว บนแหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต ที่บอกว่า ทางโรงแรมพร้อมเต็มร้อยสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ตามรูปแบบภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพราะที่ผ่านมา ทางโรงแรมก็ไม่เคยปิดการให้บริการ และได้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ดังนั้น นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงมั่นใจในความปลอดภัยของโรงแรมได้ทุกตารางนิ้ว
“โรงแรมของเราได้รับใบประกาศนียบัตรและตราสัญลักษณ์ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย “Amazing Thailand Safety & Health Administration: SHA Plus+” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นการการันตีถึงสถานประกอบการแห่งนั้นว่า บุคลากรได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมากกว่า 70% ซึ่งพนักงานของเราทุกคนฉีดวัคซีนครบหมดแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว อีกทั้งเรายังมีมาตรการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด พร้อมบริการอาหารเป็นเซ็ตให้แก่ลูกค้าแทนบุฟเฟ่ต์ที่ต้องมีการสัมผัสอุปกรณ์ร่วมกัน”
“ที่ผ่านมาเราเปิดให้บริการลูกค้าเป็นปกติ แม้จะมีลูกค้าไม่มาก แต่ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ดูแลอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในโรงแรมตลอดเวลา อาทิ ตรวจสอบระบบแอร์ภายในห้องพักว่ามีน้ำหยดหรือไม่ ดูแลน้ำในชักโครกเมื่อกดมาแล้วมีสีหรือไม่ เพื่อให้ช่างได้ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ได้ทันท่วงที แม้แต่สระว่ายน้ำเราก็ดูแลความสะอาดบริเวณภายในสระและรอบๆตลอดเวลา ดังนั้น จึงมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน ท่ามกลางความปลอดภัยอย่างเต็มร้อย จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19”
นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับโรงพยาบาลในพื้นที่ เผื่อในกรณีฉุกเฉินที่นักท่องเที่ยวอาจมีภาวะเสี่ยง ระหว่างที่มาพักภายในโรงแรม
“เราต้องดูแลทุกด้านภายในโรงแรม แม้แต่ในยามที่นักท่องเที่ยวป่วยกะทันหัน หรือแม้แต่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เราก็ได้ประสานกับทางโรงพยาบาลไว้แล้ว สำหรับการมารับตัวผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที รวมไปถึงการซ้อมแผนการทำความสะอาดภายในโรงแรมเมื่อต้องเผชิญเหตุไม่คาดฝันไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราต้องทำให้ผู้เข้ามารับบริการทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยของโรงแรมเราให้มากที่สุด”
ส่วนแผนการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาพักที่โรงแรม ได้จัดทำโปรโมชัน PHUKET SANDBOX PACKACES ห้องพักราคาพิเศษพร้อมแพกเกจสุดคุ้ม รวมถึงบริการให้เช่าห้องประชุม ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ที่มีแผนกไอทีคอยให้บริการตลอดเวลา
“เราเตรียมแพ็กเกจไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทั้ง Half Board และ Full Board เรามีเรทราคาตั้งแต่ 7 วัน 14 วัน หรือแม้แต่ 30 วัน ไว้ให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ และด้วยความที่โรงแรมของเราตั้งอยู่บนหาดส่วนตัว มีทางเข้าออกทางเดียว จึงมั่นในในเรื่องของความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้น เราจึงมีบริการเสริม อย่าง การรับฝากดูแลบุตรหลาน ให้กับผู้ปกครองที่ออกไปทำงานหรือกิจกรรมนอกโรงแรม และอีกไฮไลต์สำคัญคือ เรามีบริการให้เช่าห้องประชุมสำหรับการทำงานทางไกล ซึ่งมีพนักงานไอทีที่ทำงานเสมือนเลขาฯ ส่วนตัว คอยให้การดูแลในเรื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องพริ้นเตอร์ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรมทางน้ำบนหาดส่วนตัว ที่มีไว้บริการอย่างครบครัน เรียกว่าตลอดเวลาที่พักผ่อนอยู่ในโรงแรม จะมีกิจกรรมทำอย่างไม่มีเบื่อเลยค่ะ”
แววยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยเห็นเกาะภูเก็ตเงียบเหงาขนาดนี้ ตอนที่ไวรัสซาร์สระบาดภายในประเทศไทย ยังไม่ซบเซาถึงขั้นที่ทั่วทั้งเกาะไม่มีแม้แต่นักท่องเที่ยวเลยแม้แต่คนเดียว
“แววมาไม่ทันยุคต้มยำกุ้ง จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับยุคนั้นได้ แต่เรามาทันในช่วงที่ไวรัสซาร์สระบาดทั่วโลก ตอนนั้นก็ว่าแย่แล้วไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แต่ก็แค่ไม่กี่เดือน แต่พอมารอบนี้เราปิดประเทศกันเป็นปี เกาะภูเก็ตจากที่มีนักท่องเที่ยวหนาตา กลายเป็นเมืองร้างขึ้นมาในทันที เรียกว่าแย่กว่ายุคที่ไวรัสซาร์สระบาดหลายเท่านัก”
เมื่อถูกถามว่าคาดหวังอะไรจากการเปิดเกาะภูเก็ตในครั้งนี้ ผู้บริหารคนเก่งแห่งเคปพันวา บอกด้วยน้ำเสียงใสว่า นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีของการก้าวไปข้างหน้า ขณะเดียวกัน ภาครัฐควรมีการกำหนดแผนที่ชัดเจนล่วงหน้ายาวนานกว่านี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมพร้อมดูแลนักท่องเที่ยว แต่โดยภาพรวมแล้วทุกอย่างล้วนเป็นนิมิตหมายที่ดีของประเทศ แต่ควรอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวและชาวไทยด้วยกัน
“เป็นทางออกที่ดีสำหรับการที่จะเปิดประเทศ เพราะถ้าเราปิดประเทศแบบนี้ตลอดไป เศรษฐกิจก็คงจะดำเนินต่อไปได้ยาก แต่ภาครัฐเองก็ควรมีการวางแผนที่ดี เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาบริหารภายในองค์กร เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุด แต่เมื่อเปิดเกาะแล้ว รัฐเองก็ควรมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเช่นกัน ไม่ควรปล่อยปะละเลยให้มีการทำกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสได้อีก ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เมื่อมีการเริ่มต้นแล้วย่อมเห็นแสงสว่างที่รออยู่เบื้องหน้าเสมอ” แววกล่าวปิดท้าย
Comments are closed.