นับเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้ยลโฉมผลงานการออกแบบจากดีไซเนอร์ระดับโลก อย่าง ลี ซาง บอง (Lee Sang Bong) ดีไซเนอร์ชาวเกาหลีที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก และวันที่ 27 กันยายน นี้ เขาได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงในงาน “สยามพารากอน อินเตอร์ชั่นแนล กูตูร์ แฟชั่น วีค 2012” ที่สยามพารากอนร่วมมือกับฟิเด มัลติมีเดีย ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกันจัดขึ้น ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5
“ผมกำลังเตรียมงานแฟชั่นวีกที่ ฝรั่งเศส ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ และมีต่อที่ โซล แฟชั่น วีกและที่อินโดนีเซีย แต่ที่เมืองไทยครั้งนี้ ผมเป็นเกียรติและคาดหวังมากที่ได้นำเสื้อผ้าของผมมาร่วมจัดแสดง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่เร่งรัด และผมต้องรีบกลับไปปารีสเลยหลังจากที่การแสดงแฟชั่นโชว์เสร็จเลย ผมหวังว่าผลงานของผม โดยเฉพาะผลงานการออกแบบผ้าไทยจะออกมาดีที่สุดครับ”
หากใครที่ได้ติดตามแฟชั่นวีกในประเทศเมืองแฟชั่น คงคุ้นเคยกับชื่อโชว์ ลี ซาง บอง เป็นอย่างดี ดีไซเนอร์คนดังคนนี้จบการศึกษาจากวิทยาลัยศิลปะกรุงโซล สาขาวิทยุโทรทัศน์ และเคยเป็นนักแสดงละครเวที แต่สุดท้ายก็ผันตัวเองมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างการออกแบบเสื้อผ้าโดยเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันแรกในปี 1983 และสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ผลงานของเขาได้อวดโฉมคอลเลกชันเต็มรูปแบบบนรันเวย์ โซล แฟชั่น วีค ในปี 1993 และได้รับตำแน่งดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 1999 จากรัฐบาลเกาหลี จนตอนนี้เขาได้เป็นที่ปรึกษาให้แก่รัฐบาลเกาหลีและเป็นประธานสมาคมดีไซเนอร์เกาหลี (CFDK) และได้นำผลงานไปจัดแสดงที่แฟชั่นวีก หลายแห่ง
“ตอนเด็กๆ ผมมีความฝันหลายอย่าง และผมก็พยายามทำความฝันให้ได้ ตอนแรกผมฝันอยากเป็นนักแสดง แต่ก็มีมุมหนึ่งที่ผมไม่กล้า เห็นเวทีแล้วผมร้องไห้ ก็เลยผันมาทำงานออกแบบซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันของผม โดยเริ่มต้นจากการเป็นดีไซเนอร์ให้กับบริษัทเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจเปิดแบรนด์ของตัวเองจนถึงทุกวันนี้”
ผลงานการออกแบบของเขา โดดเด่นด้วยความเป็นศิลปะที่ไม่ซ้ำแบบใคร โดยนำรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจที่หลากหลาย ตั้งแต่เรื่องราวความรักระหว่างนโปเลียนและโจเซฟิน, บทกวีและศิลปะการเขียนพู่กันเกาหลี, ศิลปะคิวบิสม์, สถาปัตยกรรมแนวโมเดิร์นสไตล์ Bauhaus รวมถึงเหล่านางเอกในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดขาวดำสุดคลาสสิก ยุค 30s ผลงานของเขาเน้นความซับซ้อนงดงาม และสวมใส่ได้จริง จนเซเลบริตีหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเลดี้ กาก้า, รีฮานน่า, บิยอนเซ่, ลินด์เซ่ โลฮาน และคนดังอีกมากมายต่างชื่นชอบผลงานของเขา
“ผมไม่มีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่จะเปลี่ยนสไตล์ไปตลอด เพราะคิดว่าผลงานออกแบบไม่ควรยึดติดอยู่กับแบบใดแบบหนึ่ง งานศิลปะควรจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีการอิงตามเทรนด์ความต้องการของผู้คนบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากแรงบันดาลใจที่ผมสร้างขึ้นเอง” ลี ซาง บอง เล่าถึงเอกลักษณ์การออกแบบของตัวเอง
สำหรับผลงานที่นำมาจัดแสดงในงานกูตูร์ แฟชั่น วีก ในเมืองไทยครั้งนี้ เขานำผลงานกว่า 30-35 ชุดในคอลเลกชันสปริง / ซัมเมอร์ 2013 ในชื่อคอลเลกชัน “Discourse of the Body” มาจัดแสดง โดยแรงบันดาลใจของคอลเลกชันนี้เกิดจากความงดงามของผีเสื้อที่มีสีสันสวยงามในสไตล์ตะวันออกผสานกับลาย Houndstooth ในสไตล์ตะวันตก ที่สำคัญเขาได้นำผ้าไหมมาออกแบบเป็นชุดกูตูร์ในสไตล์ของเขาด้วย
ลี ซาง บอง กล่าวถึงผ้าไหมไทยอย่างน่าสนใจว่า “ผ้าไหมไทยสวยงามมาก แต่น่าเสียดายที่ยังนำมาใช้งานจริงได้ยาก โดยเฉพาะลายผ้า หากมีการออกแบบให้ใช้ง่ายขึ้น คงเป็นที่นิยมมากกว่านี้ ส่วนตัวผมคิดว่าแฟชั่นของไทยโดดเด่นด้านแฟชั่นชั้นสูงและสามารถนำไปเผยแพร่ยังเมืองแฟชั่นต่างๆ เพราะผ้าไหมเป็นไฮเอ็นด์ของแฟชั่นอยู่แล้ว”
ดีไซเนอร์คนดังเล่าถึงความตั้งใจในอนาคตไว้ว่า“ก่อนหน้านี้ผลงานของผมจะเป็นสไตล์ตะวันออกอย่างเดียว และต่อจากนี้ผมจะนำความเป็นตะวันตกมาผสมผสานกับความเป็นตะวันออก หรือแม้แต่ในประเทศตะวันออกด้วยกันเอง ทุกประเทศมีความเป็นกูตูร์ของตัวเอง ผมจึงอยากสร้างความเป็นกูตูร์ของเอเชีย นำจุดเด่นและเอกลักษณ์อันงดงามของประเทศในเอเชียมาผสมผสานกันบ้าง”
แม้จะเป็นกูรูดีไซเนอร์ แต่ ลี ซาง บอง ยังถ่อมตัวเสมอว่าเขายังไม่มีชื่อเสียง และยังต้องพัฒนาฝีมืออยู่ตลอดเวลา “ยากที่สุดของการเป็นดีไซเนอร์ในส่วนตัวของผมคือ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในทุกๆ คอลเลกชัน มันกดดันมาก เพราะทุกอย่างต้องใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นธีม หรือคอนเซ็ปต์ เพื่อให้คนอื่นได้เห็นความแปลกใหม่ของแบรนด์เรา โดยจัดแสดงผ่านแฟชั่นโชว์ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งไม่เหมือนพวกนักร้องที่ดังแค่เพลงเดียวแล้วใช้หากินได้ตลอด หรือจิตรกรที่มีภาพสวยภาพเดียวก็ดังได้ตลอด แต่ดีไซเนอร์ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงอยากฝากให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่มีความสามารถ อย่ายอมแพ้กลางคัน ต้องเปิดใจยอมรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ดนตรี นำมาผสมผสานกับสิ่งที่มีอยู่ในหัวแล้วสร้างสรรค์มันออกมา หรือแม้แต่ของเก่าของใหม่ก็สามารถนำมารวมกันเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ได้” ดีไซเนอร์คนดังแนะนำ
และคำถามสุดฮิตที่ไม่ว่าเขาจะไปเยือนประเทศไหน ก็มักจะมีสื่อมวลชนถามคำถามเดียวกันทุกครั้ง ว่า ทำไมทั้งดนตรี ศิลปะ และแฟชั่นของเกาหลีถึงรุดหน้าอย่างรวดเร็ว “รัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่พัฒนาแค่ด้านเศรษฐกิจ วงการแฟชั่นในเกาหลีจึงก้าวคู่ไปกับศิลปะและดนตรีเสมอ อย่างคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ที่จัดขึ้น ก็จะมีแฟชั่นโชว์ไปร่วมแสดงด้วยตลอด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนทั่วโลกจึงเห็นพัฒนาการทั้งด้านดนตรีและแฟชั่นของเกาหลีอย่างรวดเร็ว”
เราคนไทยก็คงหวังเพียงว่ารัฐบาลเราจะหันมาสนับสนุนและเผยแพร่ศิลปะ วัฒนธรรม และแฟชั่น ดั่งที่ดีไซเนอร์คนดังจากเกาหลียอมรับว่า ศิลปะของไทยก็ไม่เป็นรองใคร ให้คนทั่วโลกเห็นบ้าง ส่วนคนไทยที่สนใจไปยลโฉมแฟชั่นโชว์คอลเลกชันล่าสุดของลี ซาง บอง ก็จับจองฟร้อนท์โรว์ได้ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เวลา 20.30 ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
Comments are closed.