World Celeb

"ฮอลลี แบรนสัน" ลูกสาวมหาเศรษฐี "ริชาร์ด แบรนสัน" ทิ้งอาชีพหมอมาสานต่อธุรกิจเวอร์จิน

Pinterest LinkedIn Tumblr


เกิดมาในครอบครัวมหาเศรษฐี อาจจะมีภาษีดีกว่าคนอื่นอยู่บ้าง แต่ ฮอลลี แบรนสัน ลูกสาวของนักธุรกิจคนดัง ริชาร์ด แบรนสัน ชอบที่จะใช้ชีวิตแบบเงียบๆ มากกว่า รวมทั้งชื่นชอบชีวิตอบบเรียบง่าย หากคุณไม่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

กระนั้นก็ไม่ใช่ว่า ฮอลลี จะอยู่ว่างๆ เธอทำทั้งดารเป็นนักเขียน ดูแลองค์กรการกุศล รวมทั้งยังเป็นผู้บริหารของเวอร์จิน กรุป และเวอร์จิน ยูไนต์ ยังไม่นับบทบาทการเป็นคุณแม่ลูกสาม และเป็นภรรยาของเฟรดดี แอนดรูว์ส

ชีวิตของเธอย่อมไม่ธรรมดา เมื่อเกิดมาเป็นลูกสาวคนโตของมหาเศรษฐีคนหนึ่งของโลก โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเธอมีบริษัทในเครือถึง 400 แห่ง


สำหรับ ฮอลลี พ่อแม่ของเธอ (ริชาร์ด แบรนสัน และโจแอน เทมเพิลแมน) ทำทุกอย่างที่จะทำให้ลูกๆ กลายเป็นจุดสนใจ ต่างจากสถานะของผู้เป็นพ่อ

ฮอลลี เรียกพ่อแม่ด้วยชื่อต้นมาตั้งแต่อายุ 11 รวมทั้งเล่นวิดีโอเกมในห้องนั่งเล่นข้างๆ วงโรลลิง สโตนส์มาตั้งแต่เด็ก

เธอเติบโตมาโดยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชาย เธอเคยเปิดเผยในพอดแคสต์ของ นาตาลี พิงค์แฮม ว่า “ฉันตอนอายุ 4 ขวบ คิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ใช่ว่าอยากเป็นเด็กผู้ชายนะ แต่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายจริงๆ ฉันเชื่อว่าอย่างนั้นจริงๆ ฉันยืนฉี่ แล้วก็แต่งตัวแบบเด็กผู้ชาย ถึงขนาดที่มีชื่อผู้ชายของตัวเองด้วย คิดแบบนั้นจนเกือบอายุ 11 ขวบแน่ะ”


ในบล็อกส่วนตัวของฮอลลี เวอร์จิน มีส่วนในชีวิตที่บ้านและครอบครัวอย่างแยกไม่ได้ แม้แต่เนิร์สเซอรีของเธอสุดท้ายก็กลายเป็นบริษัทในเครื่องเวอร์จิน “พ่อของฉันเป็นคนเปิดเผย จริงใจ และไม่กลัวที่จะถามคำถาม หรือหาคำปรึกษา แม้แต่กับลูกๆ”

เธอเพิ่มเติมว่า “เราเห็นท่านฟังมากกว่าพูด ท่านสอนให้เราเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งฉันรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าท่านเสียใจเยู้บ้างที่สอนให้เราเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะเวลาที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของพวกเรา หรือให้พวกเราตัดสินใจอะไร เพราะมันไม่เคยไปในทางเดียวกันเลย”


ฮอลลี ศึกษาด้านแพทย์ศาตร์ ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน และจบออกมาทำงานเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลเชลซีและเวสต์มินสเตอร์

พ่อของเธอต้องตื่นเต้น เมื่อเธอเลิกเป็นหมอกลับมาทำงานที่เวอร์จิน และสิบปีต่อมา ฮอลลี ก็นั่งเป็นประธานของเวอร์จิน ยูไนต์ (มูลนิธิเวอร์จิน) และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บิ๊ก เชนจ์ บริษัทในเครือเวอร์จินอีกด้วย

แม้การทำงานที่เวอร์จิน จะไม่ได้เป็นแผนการชีวิตของผู้บริหารวัย 40 แต่เธอเชื่อว่า เป็นโชคชะตาที่กำหนดไว้แล้ว แม้ว่าเธอจะศึกษามาเพื่อเป็นแพทย์ผ่าตัด แต่ก็ต้องกลับมาทำงานให้ครอบครัว


ฮอลลี บอกกับ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ในปี 2018 ว่า “พ่อบอกฉันว่า ทำไมไม่ลองขอพักการเป็นหมอสักปีหนึ่ง แล้วมาทำงานที่เวอร์จินดูล่ะ? ฉันไม่เคยคิดจะเข้ามาทำธุรกิจครอบครัวมาก่อนเลย แต่ก็เห็นว่า เป็นโอกาสที่ดีที่น่าจะลองดู ฉันก็เลย โอเค เดี๋ยวมาลองทำสักปี แล้วจะกลับไปเป็นหมอต่อ จนตอนนี้ผ่านมาสิบปีแล้ว”

เธอบอกว่า การบาลานซ์ระหว่างชีวิตส่วนตัวแบะชีวิตงานเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเธอต้องการให้พนักงานของเธอเป็นอย่างนั้นด้วย “ในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา เรามั่นใว่าจริงจังกับการทำงาน เราพยายามผลักดันให้การลางานไม่มีข้อจำกัดในสหราชอาณาจักร แต่เราได้มา 18 เดือนตามกฎหมาย เราพยายามให้พนักงานมีวันหยุดเพิ่มขึ้น พอทำอย่างนี้ พนักงานก็อยากอยู่กับคุณ ไม่ลาออกไปไหน”


นอกจากนี้ ฮอลลี ยังออกแบบนโยบายการลาคลอด ทั้งคุณแม่และคุณพ่อ โดยเธอเชื่อว่า ผู้ชายก็ควรมีสิทธิ์ลาไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกเมื่อแรกคลอดด้วย

ทุกวันนี้ เธอเป็นผู้บริหารของมูลนิธิเวอร์จินโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น เวอร์จิน ยูไนต์ บิ๊ก เชนจ์ วี เดย์ ยูเค และเวอร์จิน มันนี กีฟวิง และยังรับผิดชอบการขยายงานให้กลุ่มเวอร์จินเติบโตไปเรื่อยๆ

ฮอลลี อาจแตกต่างจากพ่อของเธออยู่บ้าง แต่พวกเขาต่างก็ชอบกิจกรรมที่ท้าทายต่างๆ พ่อและลูกสาว ชื่นชอบการเล่นไคต์เซิร์ฟ การปีนเขา หรือแข่งวิ่งมาราธอน โดยฮอลลีเคยไปปีนเขามงต์บล็องกับเจ้าหญิงบีทริกซ์มาแล้ว รวมทั้งเคยลงแข่งวิ่งมาราธอนระดับประเทศด้วย


ในปี 2010 ฮอลลี ฉลองวันเกิดพ่อด้วยการพยายามเล่นไคต์เซิร์ฟ ณ ช่องแคบอังกฤษ เธอบอกว่า สันเป็นเรื่องท้าทายมากๆ แม้ว่าเธอจะไม่สามารถเล่นได้ เนื่องจากมีพายุเฮอร์ริเคนเข้ามาในตอนนั้นพอดี แต่เธอและน้องชาย แซม ก็ได้ลองอีกครั้งในปีถัดมา จนได้บันทึกเป็นสถิติโลก ในฐานะที่สามารถข้ามช่องแคบอังกฤษได้เร็วที่สุด แถมพ่อของเธอยังได้ชื่อว่าเป็นคนที่อายุมากที่สุดที่เล่นไคต์เซิร์ฟข้ามช่องแคบอังกฤษ

การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับครอบครัวแบรนสัน คือการส่ง ริชาร์ด แบรนสัน ไปในอวกาศ ฮอลลี โพสต์ในอินสตาแกรมว่า “นับถอยหลังกับ แซม แบรนสัน และแม่ของเรา โจแอน ตอนที่พ่อ และเวอร์จินกาแลคติก กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์!”

ฮอลลี อาศัยอยู่กับครอบครัวในกรุงลอนดอน แม้ว่าบ้านและการใช้ชีวิตของเธอจะเรียบง่ายมาก และไม่สะท้อนฐานะของพ่อมหาเศรษฐี 5 พันล้านดอลลาร์เลยก็ตาม

Comments are closed.

Pin It