>>ช่วงนี้หากถามถึงเคล็ดลับการดูแลผิวจากสาวๆ ก็จะพบว่าหลายๆ คนหันมาใส่ใจกันตั้งแต่ขั้นตอนการอาบน้ำกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะจริงๆ แล้วการดูแลผิวให้ครบวงจรนั้นไม่ควรจะใส่ใจเฉพาะการบำรุงผิวด้วยครีมหรือโลชั่น แต่ควรให้ความสำคัญตั้งแต่การอาบน้ำ โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของสาวไทยรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่อการสูญเสียความชุ่มชื่นที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เพราะนอกจากการอาบน้ำจะเป็นการชำระล้างร่างกายขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่างๆ แล้ว ยังเป็นกระบวนการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปเพื่อให้เซลล์ใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน ทำให้ผิวเรียบเนียน อย่างไรก็ตาม การอาบน้ำบ่อยเกินไปหรือการเลือกใช้สารทำความสะอาดบางชนิด ก็อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น สมดุลของโปรตีนและลิพิดตามธรรมชาติในผิวถูกทำลายจนทำให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดการระคายเคืองได้ วันนี้เราชวน “คุณหมอแวว – พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ จากรมย์รวินท์คลินิค มาเผยเคล็ดลับเรื่องการดูแลผิวระหว่างอาบน้ำ รวมถึงไขข้อสงสัยว่าน้ำนมคือที่สุดของการดูแลผิวจริงหรือไม่
Q :: สำหรับผู้หญิงไทย โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต้องทำงานในห้องแอร์สลับกับการเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนภายนอกอาคาร ส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับปัญหาผิวอย่างไรบ้าง?
คุณหมอแวว :: ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในห้องแอร์ หรือการต้องผจญกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวภายนอก ล้วนทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นด้วยกันทั้งคู่ ผู้หญิงทำงานส่วนใหญ่จึงมักพบปัญหาผิวแห้งกร้าน ระคายเคือง ซึ่งลำพังแค่การอาบน้ำอาจช่วยแค่ชำระล้างฝุ่นละออง ทำให้ผิวสะอาด แต่ไม่ช่วยทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นได้
Q :: สาวๆ หลายคนมีความเชื่อว่า การอาบน้ำด้วย “น้ำนม” คือที่สุดของการดูแลผิวให้นุ่มชุ่มชื่น จริงๆ แล้วข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คืออะไร?
คุณหมอแวว :: การอาบน้ำนมสามารถช่วยบำรุงและทำให้ผิวชุ่มชื่นได้จริง เนื่องจากน้ำนมอุดมด้วยวิตามินและโปรตีนที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว รวมถึงช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันให้แก่ผิวได้ ซึ่งระยะเวลาในการอาบน้ำนมนั้นก็มีหลายสูตรหลากตำรา แต่โดยเฉลี่ยต้องใช้เวลาราวๆ 10-30 นาที ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้หญิงในปัจจุบันสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ ถึงแม้การอาบน้ำด้วย “น้ำนม” จะขึ้นชื่อว่าเป็นวิธีการบำรุงผิวที่ดีที่สุดตั้งแต่สมัยคลีโอพัตราเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว แต่จริงๆ แล้วโมเลกุลของโปรตีนในน้ำนมมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าโมเลกุลของสารบำรุงผิวในธรรมชาติ ดังนั้นผิวเราจึงไม่สามารถซึมซับสารบำรุงผิวจากน้ำนมได้เต็มที่ โดยในปัจจุบัน “น้ำนม” ก็อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายอีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมีนวัตกรรมที่สามารถนำสารบำรุงที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมในครีมอาบน้ำ ซึ่งจะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งมีการทดสอบอย่างเป็นทางการแล้วว่า ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นยิ่งกว่าการอาบน้ำนมอย่างเห็นได้ชัด
Q :: ดังนั้นสาวๆ ควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้างในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ เพื่อให้ได้ครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวตามธรรมชาติ?
คุณหมอแวว :: ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่กลิ่น เนื้อสัมผัส ส่วนผสม ไปจนถึงความรู้สึกหลังการใช้ แต่จริงๆ แล้วควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำร้ายผิว หรือทำให้ผิวแห้งกร้าน แต่ต้องช่วยรักษาสมดุลของโปรตีนและลิพิดในผิวไว้ รวมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ป้องกันการระเหยน้ำของผิว ทำให้ผิวชุ่มชื่นสุขภาพดี ซึ่งหากครีมอาบน้ำมีส่วนผสมเหล่านี้แล้วก็สามารถทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นได้โดยไม่ต้องอาบน้ำนมแต่อย่างใด โดยส่วนผสมสำคัญได้แก่ กรดลิพิด, กลีเซอรีน และกรดสเตียริก ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื่นที่พบได้ในผิวตามธรรมชาติ และเนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารที่มีอยู่แล้วในผิวตามธรรมชาติ ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่เกิดอาการแพ้ พร้อมเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวอย่างเห็นผล
รู้แบบนี้แล้วสาวๆ ลองมองหาครีมอาบน้ำที่มีสารให้ความชุ่มชื่นที่พบได้ในผิวตามธรรมชาติตามคำแนะนำของคุณหมอแววกันดูนะจ๊ะ :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/
Comments are closed.