ใครจะไปคิดว่า จากชายหนุ่มที่หลงใหลและโลดแล่นบนถนนสายดนตรีมาร่วม 20 ปี ในวัยที่เพิ่งพ้นหลักสี่มาหมาดๆ จะเป็นจุดที่พลิกผันให้ “บิ๊พ-ณัติกร เทียบเทียม” ลูกชายของ “ชัยรัตน์ เทียบเทียม” นักร้อง นักแต่งเพลง ชื่อดังในอดีต ได้เปิดประตูไปเรียนรู้ในโลกธุรกิจ ด้วยการเปิดคลินิกที่ชื่อว่า Raya ที่เน้นด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเสริมความงาม (Anti-Aging and Aesthetics) ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า คนละขั้ว แต่เจ้าตัวกลับมองว่า เป็นแพสชั่นที่เข้ามาเติมเต็มอีกครึ่งของชีวิต
ก่อนจะเฉลยว่า ทำไมถึงมีแพสชั่นกับธุรกิจนี้ บิ๊พอัปเดตเส้นทางชีวิตให้เห็นภาพก่อนว่า เขาเริ่มต้นจากการเป็นนักเปียโน ปกติเล่นอยู่ที่โรงแรมแกรนด์เชอราตัน สุขุมวิท ควบคู่ไปกับการรับงานออร์แกไนเซอร์ มีไปแสดงตามงานต่างๆ บ้าง จนกระทั่งเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้งานที่เคยทำมาร่วม 20 ปี หายวับไปกับตา รายได้ที่เข้ามาแทบจะเป็นศูนย์
“ช่วงแรกๆ ยอมรับว่าเครียด หดหู่อยู่เหมือนกัน เพราะจากที่เคยมีงาน มีรายได้ กลายเป็นว่าหายไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง เพราะผมคิดบวกว่า ในวันที่เราบอกว่าเราลำบาก ไม่มีเงิน ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราอีกมาก เพราะฉะนั้น แทนที่จะท้อแท้ เราต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งที่ผ่านมา ผมชอบดนตรีมากก็จริง ส่วนหนึ่งอาจเพราะได้ดีเอ็นเอมาจากคุณพ่อ แต่อีกด้านผมก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ ซึ่งเป็นนักธุรกิจ เลยมีความฝันลึกๆ ว่า วันหนึ่งอยากจะสร้างธุรกิจของตัวเอง ตอนแรกก็คิดอยู่หลายอย่าง จะทำแบรนด์กระเป๋า รองเท้า หรือ แม้แต่น้ำพริกก็เคยคิด แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง จนกระทั่งมาถึงธุรกิจคลินิก”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ผู้ชาย นักดนตรี กับคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยและความงาม ไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่น่าโคจรมาเจอกันได้ แต่ทำไมถึงลงตัวสำหรับบิ๊พ
งานนี้เจ้าตัวเฉลยว่า เพราะตั้งแต่อายุมากขึ้น ก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องสุขภาพ ชอบเข้าไปค้นคว้า ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองจนรู้สึกอิน และอยากต่อยอดความรู้นี้ให้เกิดประโยชน์กับคนรอบข้าง และทำให้คิดจะเปิดคลินิก แต่เพราะจังหวะไม่ค่อยเป็นใจ เปิดมาช่วงโควิด-19 พอดี ปีที่แล้วเลยต้องเปิดๆ ปิดๆ จนปีนี้ เพิ่งได้ทีมแพทย์ที่เก่งเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัยมาเสริมทัพ เลยคิดว่าน่าจะเป็นอีกก้าวสำคัญให้กับธุรกิจได้
ไหนๆ ก็เปิดทางว่าเป็นหนุ่มรักสุขภาพแบบนี้ เลยต้องขอล้วงเคล็ดลับดูแลสุขภาพของบิ๊พสักนิดว่า มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร บิ๊พบอกว่าไม่ได้เป็นสายเคร่งหรือวินัยจัด จะโฟกัสหลักๆ ที่การกินและการนอนเป็นหลัก
“ผมพยายามไม่กินของมัน กินแป้งให้น้อย ลดของหวาน อย่าง กาแฟดื่มแบบไม่ใส่น้ำตาลมาเป็น 10 ปี ของหวานอาจจะมีบ้างแต่ก็กินล้างปาก แค่คำสองคำ เน้นกินพวกผักสดๆ ให้ความสำคัญกับการนอน ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ผมพยายามคุมตัวเองไม่ให้นอนเกินเที่ยงคืน ตื่น 8 โมงเช้า ซึ่งพอทำเป็นกิจวัตร รู้สึกได้เลยว่าตื่นเช้ามาแล้วสดชื่น ส่วนเรื่องออกกำลังกาย ที่ผ่านมา อาจจะทำบ้างแต่ไม่สม่ำเสมอ แต่จากนี้ตั้งใจว่าจะหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ก็คงจะหันมาปั่นจักรยาน ยกเวท”
อย่างไรก็ตาม แม้จะเบนเข็มมาทำธุรกิจ แต่บิ๊พย้ำหนักแน่นว่า ยังไม่ทิ้งดนตรีที่เป็นมากกว่าความชอบ หรือแพสชั่น เพราะบิ๊พมองว่า ดนตรีคือจิตวิญญาณ
“ตอนนี้ผมยังอยากทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะให้เวลากับธุรกิจมากกว่าหน่อย ส่วนดนตรี ผมเล่นเปียโนมาเกือบ 20 ปี สำหรับผมการเล่นดนตรีเป็นเหมือนจิตวิญญาณ ไม่เคยรู้สึกเบื่อ หรือทำเพราะเป็นงาน แต่ยังรู้สึกท้าทายเสมอ เพราะเราไม่ได้เล่นเพลงเดิม หรือใช้เทคนิคเดิมตลอด ที่ทำให้อาจจะรู้สึกเบื่อ แต่การเล่นดนตรี เราสามารถเลือกจากเพลงเป็นล้านเพลงๆ สามารถเรียนรู้และหาเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ได้ตลอด เหมือนกับการได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ยิ่งสมัยนี้มีอินเตอร์เน็ต มียูทูบให้เข้าไปหาความรู้ได้ง่ายๆ สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทุกวัน”
และถ้าถามว่าอะไรคือเสน่ห์ของเปียโน บิ๊พตอบว่า “จริงๆ คุณพ่อส่งผมไปเรียนตั้งแต่เด็ก แต่ตอนแรกไม่ชอบ เพราะคิดว่าเราน่าจะเหมาะกับกีตาร์ กลอง อารมณ์แบบสายร็อกมากกว่า แต่พออายุ 18 ปี ได้มีโอกาสไปฟังดนตรีแจ๊ซ พอฟังแล้วชอบมาก เลยตัดสินใจเปลี่ยนสายไปเรียนต่อปริญญาด้านดนตรีที่มหาวิทยาลัยมหิดล เพราะผมเป็นคนที่ถ้าชอบอะไรก็ต้องไปให้สุด อย่างตอนนี้ชอบเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัยก็เต็มที่ เพราะคิดว่าคนเราเกิดมาครั้งหนึ่ง ถ้าจะทำอะไรก็ต้องไปให้สุด”
พูดถึงความสุด บิ๊พยังบอกว่า ด้วยความชอบในดนตรี เพราะฉะนั้น ของสะสมสุดรักของเขาก็หนีไม่พ้นเครื่องดนตรี อย่าง กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด “เงินเก็บผมหมดไปกับเครื่องดนตรีเยอะเหมือนกับครับ (หัวเราะ) แต่ถึงจะบอกว่าสะสม ผมใช้จริงทุกชิ้น เพราะรู้สึกว่า นอกจากจะสวยแล้วเรายังได้ใช้ประโยชน์ด้วย”
เห็นความหลงใหลทั้งในแง่ธุรกิจ ความรักในดนตรีไปแล้ว ปิดท้ายด้วยมุมมองความรักของหนุ่มนักดนตรี ที่หลายคนอาจจะจินตนาการว่า ต้องเป็นหนุ่มโรแมนติก แต่บิ๊พออกตัวก่อนเลยว่า “ผมไม่ใช่คนโรแมนติกครับ มุมมองความรักสำหรับผมคือ คนที่รักกันต้องพร้อมเปิดใจ คุยกันได้ทุกเรื่อง ช่วยกันคิด แก้ปัญหา และเป็นกำลังใจให้กัน ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องสร้างแพสชั่นให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ รู้ว่าเขาชอบอะไร ใส่ใจกัน อย่าให้ยิ่งคบยิ่งลืมว่าวันแรกเรารักกันได้อย่างไร”
Comments are closed.