By Lady Manager
ปฏิบัติการตามติด Before & After สกู๊ฟการดูดไขมันต้นแขนครั้งนี้ เราใช้เวลาถึง 3 เดือนในการรอคอย เพื่อเห็นผลพัฒนาการชัดๆ ว่าดูดไขมันด้วยคลื่นความถี่วิทยุจะทำให้ต้นแขนกระชับเรียวจริงไหม แก้ปัญหาท้องแขนห้อยโตงเตงได้ขนาดไหน
“โดยส่วนตัว ผมจะเลือกการผ่าตัดคือ ทางเลือกสุดท้าย แต่คนไข้มักเลือกผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอะไรที่ไม่ใช่ผ่าตัด มันเหนื่อย มันนาน ต้องใช้เวลา” นพ.กฤต ศิริมหาราช ศัลยแพทย์จาก เดอมาสเตอร์ (Dermaster) สถาบันความงามและสุขภาพ พูดตรงๆ กับเราทันทีที่เห็น น้องเมย์ หรือ นันทนีย์ นราภินันท์ ทีมงานกองบรรณาธิการเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ วัย 26 ปี ตัวเล็กแต่รูปร่างค่อนข้างอวบด้วยกรรมพันธุ์ นางมีปัญหาต้นแขนใหญ่ย้อย เราจึงจีบนางมาเป็นเคสสำหรับสกู๊ฟข่าวชิ้นนี้
“อายุแค่นี้เล่นโยคะ 6 เดือนก็กระชับแล้ว แต่ต้องเล่นสม่ำเสมอนะครับ เล่นสัก 6 เดือน หายไปครึ่งแล้ว ซึ่งดีกว่าการผ่าตัดดูดไขมันแน่ เพราะได้ทั้งสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้น” ถึงกระนั้น หมอกฤตก็เข้าใจหัวอกสาวทำงานใจร้อน อยากใส่เสื้อแขนกุดโชว์ต้นแขนแล้วอ่ะ
“เข้าใจครับ มันไม่ง่าย ออกกำลังกายเองต้องใช้เวลา ขณะที่การผ่าตัด ใช้เวลาแค่ 3 เดือน”
เมื่อคนไข้ยืนยัน และหมอก็ตกลง ลำดับต่อไปน้องเมย์ต้องทำความเข้าใจถึงคอนเซ็ปต์การดูดไขมัน เงื่อนไขข้อจำกัด ข้อปฏิบัติทั้งก่อนและหลังผ่าตัด วิธีการดูดไขมันที่หมอกฤตเลือกใช้ ซึ่งปกติหมอกฤตจะอธิบายให้คนไข้ทุกคนเข้าใจตรงกันอย่างชัดเจนก่อนลงคิวนัดผ่าตัดค่ะ
หลังผ่าตัดดูดไขมัน 2-3 สัปดาห์แรกจะบวม
“มีคนไข้ถามหมอเยอะครับว่าทำไมใหญ่ขึ้นกว่าเดิม” หมอกฤต เล่าถึงคำถามยอดฮิตจากคนไข้ที่เพิ่งดูดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะใด
“ผมจึงต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่าในกระบวนการผ่าตัดดูดไขมัน มันจะสร้างการอักเสบข้างในอย่างมหาศาล” อาการอักเสบนี้ทำให้เกิดอาการบวมประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
“การดูดไขมัน ไม่ใช่อะไรที่เห็นได้ใน 7 วัน 10 วัน ถ้าจะเริ่มรู้สึกดี ก็ประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไป ทุกคนจะคิดว่าดูดแล้ว สองวันผอมเลย แขนเล็กเลย ทุกคนจะคิดอย่างนี้ ผมจะบอกคนไข้ให้เคลียร์เลยว่ามันจะบวมใหญ่กว่าเดิมประมาณ 3 สัปดาห์ อย่างคนดูดหน้าท้อง ผมจะบอกเลยว่าพี่จะอ้วนกว่าเดิมใน 3 อาทิตย์นี้ พี่ไม่ต้องโทรมาด่าผมนะครับ”
ดูดไขมันครั้งเดียว ไม่ใช่ผอมเล็กลงถาวรทั้งชีวิต
“อีกปัญหาที่ตามมาคือ การดูดไขมันไม่ใช่อะไรที่ถาวรทั้งชีวิต เพราะเราไม่สามารถดูดไขมันทิ้งทั้งหมด 100% ได้ เส้นเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังมาจากชั้นไขมัน ถ้าเราดูดไขมันเกลี้ยง เท่ากับเราทำลายเส้นเลือดทิ้งเลย” หมอกฤต บอกว่าหากดูดไขมันออกเยอะเกิน ผิวหนังจะขาดเลือด
“กรณีทำซ้ำ มีคนชอบทำซ้ำ อย่างทำบริเวณหน้าท้อง และมาทำซ้ำบริเวณสะโพก หมอจะดูดน้อยกว่าเดิม ถ้าดูดเกลี้ยงเลยนะ ผมว่าไม่สวยนะ เพราะผิวหนังมันจะขึ้นเป็นคลื่นเป็นมัดๆ เลย” ว่าแล้ว หมอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
“สมมติ เราเอาหมอนนอน หมอนข้าง วางเต็ม และเอาผ้านวมคลุม เราจะไม่รู้ข้างในเป็นไง แต่พอเราเอาผ้านวมออกปั๊บ มันจะโชว์เลยอันนี้เป็นหมอนนอน อันนั้นหมอนข้าง ตะปุ่มตะปั่มไม่เท่ากัน”
เทคโนโลยี Bodytite RFAL ทั้งดูดทั้งกระชับ
“ในกระบวนการทำ ผมฉีดน้ำเกลือเข้าไป ดูดออกมาครึ่งหนึ่ง มันก็เหลือครึ่งหนึ่ง” หมอกฤต อธิบายสาเหตุที่เหลือครึ่งหนึ่ง
“เพราะเมื่อเราดูดไขมันออกมาแล้ว พบว่าบริเวณที่ดูดไขมันออกไป ผิวหนังจะไม่กระชับ คือ ท้องแขนใหญ่ ดูดไขมันออกไป ผิวหนังตรงท้องแขนมันจะเหี่ยวยับ
ในการทำต้องใช้ตัวช่วยทางการแพทย์เรียกว่า RFAL (Radio Frequency Assisted Lipo Tightening) ใช้คลื่นวิทยุเข้ามาทำ liposuction (ดูดไขมัน) ตัวคลื่นวิทยุจะเข้าไปสร้างความร้อนที่ผิวหนังประมาณ 40 องศาเซลเซียส ข้อดีหนึ่ง-ช่วยเข้าไปละลายไขมัน ทำให้ไขมันที่เราต้องการดูดๆ ออกมาง่ายขึ้น สอง-เข้าไปทำให้เส้นเลือดหด ฟากเส้นเลือดฝอยเล็กๆ จะอุดตันไปเลย ก็ทำให้เลือดออกน้อยลง สาม-สำคัญมาก คือ ความร้อนที่ 40 องศาฯนี้จะกระตุ้นการหดกระชับของผิวหนัง
เป็นการดูดไขมันและกระชับผิวหนังในขั้นตอนเดียว”
BEFORE
RFAL คือ ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า อ่อนโยนกว่า และบอบช้ำน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการดูดไขมันแบบเดิม ซึ่งทำให้ผิวหนังบริเวณที่ได้รับการดูดไขมันดูไม่เรียบ เป็นก้อน
“ไม่เลือกใช้เลเซอร์ เพราะเลเซอร์ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ ต้องเดาเอาจากความชำนาญของหมอเองว่าตอนนี้อุณหภูมิห้องเท่าไร แตะผิวหนังคนไข้ประมาณเท่าไร หมอต้องกะเดาเอาเอง
ตัว RFAL ที่ผมใช้ เค้าจะมีตัววัดอุณหภูมิของผิวหนังตลอดเวลา ทุก 50 ส่วนพันของวินาที มันจะโชว์ขึ้นมาให้เราเห็น และเราสามารถตั้งอุณหภูมิได้ว่าต้องการ 38 องศาฯนะ เครื่องก็ตั้ง พอ 38 องศาฯปุ๊บ เครื่องมันจะตัดการทำงาน แต่เลเซอร์ไม่ใช่ ณ ปัจจุบันเลเซอร์ตัวล่าสุด ก็ยังไม่มีระบบคอนโทรลอุณหภูมิได้”
ปฎิบัติตนก่อนและหลังวันขึ้นเขียง
เนื่องจากเป็นการผ่าตัดและต้องมีวิสัญญีแพทย์ดมยา น้องเมย์ต้องงดน้ำอดอาหารล่วงหน้าหลังเที่ยงคืนก่อนวันนัดผ่าตัด งดวิตามินซีและอี เพราะทำให้เลือดหยุดยาก ที่สำคัญ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้สบาย ไม่เคร่งเครียด
วันดูดไขมันก็ใส่เสื้อติดกระดุมหน้า เนื่องด้วยผ่าตัดเสร็จ จะมีอาการปวดต้นแขน การใส่เสื้อติดกระดุมจะช่วยให้ใส่และถอดเสื้อสะดวก ไม่ต้องยกแขนสูง พยาบาลแนะน้องเมย์ว่าให้เตรียมเสื้อติดกระดุมไว้ใส่ตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัดดูดไขมัน
นอกจากนี้ MUST เลยค่ะ ผ้ายืดรัดแขนทั้งสองข้างเพื่อความกระชับ พยาบาลแนะว่าต้องใส่รัดไว้ 24 ชั่วโมงในช่วง 1 เดือนแรก ครั้นเข้าเดือนที่ 2 และ 3 ค่อยทิ้งช่วงใส่รัดเพียง 12 ชม. และ 6 ชม. ตามลำดับ
“ทางที่ดีในช่วงเดือนแรก อย่าเพิ่งออกกำลังกายตรงบริเวณที่ดูดไขมัน ลดความเร็วในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็น เกิดลิ่มเลือดหรือเลือดคั่ง แต่พอหายบวม ไม่ปวด และเห็นผล แขนค่อยๆ เล็กลงแล้ว ก็ค่อยออกกำลังกายเพื่อความฟิตแอนด์เฟิร์มนานๆ ค่ะ” พยาบาลคนสวยซึ่งผ่านการดูดไขมันมาแล้วเช่นกันแนะนำละเอียดมากค่ะ
เจาะรูดูดไขมันข้างละ 1 ซม. คนผิวคล้ำ แผลเป็นหายยาก
“โดยทฤษฎี ทุกโรคทำได้ ถ้าคุมมันได้ ที่ทำไม่ได้จริงๆ คือ กลุ่มโรคผิวหนังที่คุมไม่ได้ อย่าง SLE (โรคพุ่มพวง) เพราะมีความเสี่ยง แผลไม่หาย แผลติดเชื้อ และกลุ่มที่เป็นโรคเอดส์” หมอกฤต กล่าวถึงกลุ่มคนที่ไม่สามารถดูดไขมัน
โชคดีที่น้องเมย์ของเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนดังกล่าว จึงสามารถเข้ารับการดูดไขมันได้ ทว่าต้องทำใจเรื่องรอยคล้ำแผลเป็น
“ดูจากชนิดผิวและสีผิวแล้ว มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นค่อนข้างง่าย ผมจะใช้มีดกรีดเจาะเข้าไปประมาณ 1 ซม.ครับ มีโอกาสเกิดแผลเป็นตรงนั้น”
น้องเมย์ตอบขึ้นทันทีสไตล์สาวใต้สุดมั่น
“หนูไม่แคร์แผลเป็นค่ะ”
ในวันผ่าตัดดูดไขมันต้นแขนน้องเมย์ หลังจากหมอวิสัญญีดมยา น้องเมย์ซึ่งสลบหลับสนิท หมอกฤตทำการเจาะรูหลังต้นแขนดูดไขมันทั้งสองข้าง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
“ผมดูดแค่ข้างละ 100 CC.เองครับเคสนี้ เพราะไม่เยอะ ดูแล้วท่าทางเห็นผลชัดครับ” หมอกฤตพูดกับเราหลังผ่าตัด ขณะที่น้องเมย์ยังหลับอยู่ เดอมาสเตอร์จะให้คนไข้นอนพักฟื้นอีก 3 ชั่วโมงเพื่อความแน่ใจว่าตื่นเต็มแล้ว ถึงจะยอมให้กลับบ้านได้ค่ะ
“หนูหลับสนิทเลย ตื่นมารู้สึกปวดนิดๆ ค่ะ” น้องเมย์บอกเราหลังจากฟื้น
AFTER
:: 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด ใส่ผ้ายืดรัดกระชับแขน ไปทำงาน
“กระดิกนิ้วพิมพ์คอมพ์ ทำงานได้ปกติค่ะ แต่ปวดหนักๆ มันบวมมากเลย”
น้องเมย์อดกังวลกับอาการปวดบวมไม่ได้ ซึ่งเป็นธรรมดาของความรู้สึกหญิงสาวค่ะทั้งๆ ที่เตรียมใจมากก่อนแล้ว
:: ครบ 1 สัปดาห์ไปตัดไหมที่เดอมาสเตอร์
“ไม่ปวดแล้วค่ะ ไม่เครียดแล้ว” น้องเมย์บอกกับเราในวันที่ไปตัดไหม
:: ครบ 1 เดือนยังบวม
:: ครบ 2 เดือนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง
“แม่บอกว่าต้นแขนเล็กลงค่ะ” น้องเมย์พูด พร้อมกับยกแขนขึ้น และหันต้นแขนด้านหลังให้เราดู
“หมอเค้าคงดูดตรงนี้ ที่ย้อยๆ หายไปเลย”
:: ครบ 3 เดือน โชว์ต้นแขนฟรุ้งฟริ้ง
“มีรอยแผลเป็นนิดหน่อยค่ะ แต่ใส่เสื้อสายเดี่ยวได้ มองไม่เห็นค่ะ” น้องเมย์เผยกับเราด้วยความพอใจ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.