Travel

เช้าสบาย สายสนุก สุขพอดี ต้องที่เกาะทะลุ

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>บอกลาการเดินเล่นชิลๆ ริมหาดตามแหล่งท่องเที่ยวริมทะเลไปได้เลย ทริปนี้เซเลบออนไลน์จัดเต็ม จะพาสาวๆ ไปติดเกาะกันยกแก๊ง สำลักความสุขสนุกกันแบบสุดๆ รับซัมเมอร์ที่ “เกาะทะลุ” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดื่มด่ำอากาศสดชื่นบนหาดทรายขาว ทะเลใสแจ๋วที่มองไม่รู้เบื่อ แหวกว่ายชมปะการังพร้อมฝูงปลาน้อยใหญ่ พร้อมร่วมกิจกรรมสุดเฮลตี้อีกมากมาย ถ้าพร้อมแล้วก็จัดกระเป๋า สะพายกล้อง แล้วไปท่องทะเลกัน

สาวๆ ออกเดินทางกันแต่เช้าด้วยรถตู้ ณ. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเป็นผู้ชวนเราไปสัมผัสกับกิจกรรมในโครงการ “ผู้หญิงเที่ยวไทย 2017” ซึ่งเป็นแพ็กเกจท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค มีให้เลือกถึง 35 เส้นทาง โดยกลุ่มเป้าหมายซึ่งแน่นอนว่าเป็นผู้หญิง ไม่ต้องบอกบอกก็รู้ว่าสาวๆ อย่างพวกเรามีอำนาจในการตัดสินใจแค่ไหน โดยเส้นทางแรกในคราวนี้มุ่งหน้าลงใต้สู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเราก็แวะพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่ “ร้านเรือริมธาร” อ.หัวหิน ร้านอาหารรูปทรงเรือสำราญจอดเทียบท่าอย่างสงบริมคลองหลังเขาตะเกียบ มีวิวเป็นบรรยากาศวิถีชีวิตของชาวประมง พร้อมเรือประมงลำน้อยๆ ที่ทอดสมอจอดเรียงกันเป็นเครื่องเคียงให้ชม ระหว่างที่สาวๆ จัดการกับปลากระพงทอดน้ำปลาที่ทานคู่กับน้ำยำอร่อยๆ หรือจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น แกงจืดสาหร่าย หอยตลับผัดฉ่า เรียกได้ว่าอาหารอร่อยทุกอย่าง แถมห้องนํ้าก็สะอาด เป็นจุดแวะพักเติมพลังได้อย่างดีเยี่ยม

นั่งรถจากร้านอาหารต่ออีก 2 ชั่วโมงเราก็มาถึงท่าเรือเกาะทะลุ บ้านมะพร้าวรีสอร์ท เพื่อลงเรือ Speed Boat ข้ามไปยัง “เกาะทะลุ” ใช้เวลาอีกประมาณ 20 นาที ตอนนี้ต่อให้แดดจะร้อนสักเพียงใดสาวๆ ก็ไม่หวั่นถ่ายภาพเก็บบรรยากาศความสวยงามกันอย่างสนุกสนาน และเสียงรัวชัตเตอร์ก็ยิ่งระรัวเมื่อเราเข้าใกล้เกาะ เพราะน้ำทะเลที่เห็นนั้นเริ่มใสขึ้นๆ จนเห็นพื้นทรายและฝูงปลาตัวน้อยๆ จำนวนมาก

เกาะทะลุ เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่กลางอ่าวไทย ความกว้างของเกาะประมาณ 500 ม. ยาว 2.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่เศษ อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 11 กิโลเมตร เกาะมีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ หันด้านหน้าชายหาดเข้าหาฝั่งแผ่นดินใหญ่ ด้านหลังเป็นหน้าผาสูง แนวสันเขาทอดยาวจากทิศเหนือจรดใต้ มีหาดทรายขาว 3 อ่าว ได้แก่ อ่าวใหญ่ อ่าวมุก และอ่าวเทียน เคยเป็นพื้นที่ทำการเกษตรสวนมะพร้าว บริเวณรอบๆ เกาะเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรทางทะเลสูง พื้นที่ส่วนใหญ่มากกว่า 90% เป็นป่าที่สมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ด้วยหลายชนิด อาทิ งู ค้างคาวแม่ไก่

เบื้องหน้าบนเกาะคือที่ตั้งของ เกาะทะลุ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท (Koh Talu Island Resort) รีสอร์ทแห่งเดียวบนเกาะนี้ ที่สร้างได้กลมกลืนกับธรรมชาติ มองจากบนเรือเราจะเห็นเรือนไทยเรียงรายเคียงคู่กับทิวมะพร้าวอยู่ลิบๆ ทอดแนวยาวสวยงาม เมื่อเทียบท่าเราก็ทิ้ง Speed Boat ไว้ด้านหลัง เดินลากกระเป๋าไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวสู่จุดต้อนรับแรกที่สร้างความประทับใจด้วย Welcome Drink แสนอร่อย

ก่อนจะรับกุญแจห้องพัก ก็ได้คำแนะนำว่า รีสอร์ทปั่นไฟใช้เองดังนั้นจะมีช่วงปิด-เปิดไฟเป็นเวลา รอบแรกปิดไฟตอน 09.00 – 11.00 น. รอบสองคือ 15.00 – 17.00 น. และเนื่องจากเกาะทะลุเป็นเกาะขนาดเล็กจึงไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำที่ใช้ส่วนใหญ่ได้จากการผลิตขึ้นเองบนเกาะ ก็จะเป็นน้ำกร่อย ใครแพ้น้ำกร่อยอาจจะต้องระมัดระวัง

ห้องพักของเราในค่ำคืนนี้เป็นห้องแบบ Deluxe Chalet ตั้งอยู่ในส่วนของ อ่าวใหญ่ เปิดมาปุ๊ปก็ต้องอุทานเลยว่า ห้องใหญ่มาก พื้นที่เหลือเฟือจริงๆ มีเตียงหลัก และมีเตียงเล็กเสริมมาให้ด้วย ห้องสุขาแยกกันกับห้องอาบน้ำแบบเอ้าท์ดอร์พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น และริมระเบียงมีเก้าอี้นวมให้นั่งเล่นมองวิวสวนสวยเพลินๆ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบครันทั้งกาต้มน้ำ เครื่องไล่แมลง ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ โทรทัศน์และเครื่องปรับอากาศ แต่อย่าลืมว่าไฟและน้ำนั้นเปิดเป็นช่วงเวลา ที่สำคัญทางรีสอร์ทมีป้ายแปะไว้ในห้อง งดใช้ไดร์เป่าผมนะคะ


ส่วนห้องพักอีกแบบที่เราเห็นเป็นเรือนไทยตอนนั่งเรือมองขึ้นมาบนเกาะ เป็นแบบ Thai Style Ocean Villa แบ่งเป็น 2 ห้องนอนมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเช่นกัน ห้องน้ำแบ่งเป็นเป็นสัดส่วนโซนเปียกโซนแห้งได้ดี ซึ่งตอนนี้แอบคิดในใจว่าอย่างน้อยห้องวิวสวนของเราก็อาบน้ำเอาดอร์นะ แต่เมื่อเปิดประตูออกมาริมระเบียงนอกจากชุดนั่งพักผ่อนแล้ว ยังมองเห็นหาดทรายขาวและผืนน้ำสีครามใส โอ้! นี่มันวิวหลักล้านชัดๆ


เมื่อพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการนั่งรถต่อเรือแล้ว สาวๆ ก็เปลี่ยนชุดพร้อมทำกิจกรรมแรกที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ นั่นคือการปลูกปะการังเขากวาง เราเดินไปขึ้นแพเพื่อพบกับ ครูบอย ผู้มีหัวใจของการอนุรักษ์เต็มเปี่ยม ครูบอยเล่าให้เราฟังว่า อดีตแนวปะการังรอบเกาะแห่งนี้ เคยเสื่อมโทรมและถูกทำลาย จากการทำประมงแบบผิดวิธี ด้วยการระเบิดปลา เพียงโยนระเบิดไดนาไมท์ลงไปในทะเล รัศมีการทำลายที่ 5 ถึง 10 เมตร เมื่อปลาที่ว่ายโดยรอบตายชาวประมงก็ใช้สวิงตัก โดยไม่มีใครสนใจว่าผลกระทบที่ได้ไม่ใช่แค่ปลาที่ตาย แต่เป็นปะการังที่ถูกทำลายไปด้วย

ครูบอย อธิบายต่อว่า “ปะการังเขากวางชนิดนี้จะมีชีวิตอยู่บนอากาศได้ไม่นาน ไม่เกิน 15 นาที เป็นประการังที่เปราะบาง แค่เอานิ้วดีดก็หักได้แล้ว หากินโดยการดูดจับแพลงตอน ทุก 15 ค่ำจะปล่อยไข่สีส้มๆ ออกมาให้พัดพาไปตามกระแสน้ำ เมื่อนักดำน้ำไปโดนเข้าอาจจะเกิดอาการคันได้ แต่ถ้าเรารอให้ปะการังขยายพันธุ์เองอาจจะช้าไป เราจึงต้องช่วยด้วยการขยายกิ่งพันธุ์”

ส่วนวิธีการปลูกกิ่งพันธุ์ครูบอยสาธิตให้เราดู ว่าจับกิ่งใส่ลงในท่อพีวีซี ใช้ไขควงขันน๊อตเพื่อยึดกึ่งพันธุ์ให้แน่น แต่ไม่ต้องแรงมากเพราะกิ่งจะแตก เมื่อเสร็จแล้วก็นำท่อพีวีซีแต่ละกิ่งเสียบลงในแปลงและก็นำไปวางใต้ทะเล กิจกรรมนี้สาวๆ ทุกคนสนุกและสนใจกันเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการสัมผัสปะการังแบบถึงเนื้อถึงตัว (ปกติเราไม่ควรสัมผัสปะการังในท้องทะเล) แล้ว ทุกคนมีความภูมิใจว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรทางทะเล แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่เมื่อทุกคนช่วยกันผลที่ได้จะยิ่งใหญ่เสมอ


จากนั้นทุกคนก็สวม snorkel แล้วโดดลงทะเลเพื่อตามไปดูปะการังฝีมือพวกเราในจุดที่จะเป็นบ้านถาวรให้เขากวางของเราเติบโต ซึ่งบนพื้นใต้ทะเลที่เราดำดูกันจะเห็นผลงานของครูบอย และเหล่านักอนุรักษ์ที่ช่วยกันปลูกปะการังตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นกอปะการังเขากวางที่กำลังเติบโต พร้อมกับเป็นแหล่งอาศัยของเหล่าปลาน้อยใหญ่ เป็นภาพที่ประทับใจที่สุดในทริปครั้งนี้ทีเดียว

เมื่อขึ้นจากน้ำเราก็ไปรีแล็กซ์กับกิจกรรม “ห่มทรายบำบัด” ที่ช่วยปรับระบบการทำงานของร่างกาย ปรับเกลือแร่ให้สมดุล เลือดไหลเวียนดีขึ้น ขับของเสียในรูปของเหงื่อมากขึ้น แถมยังผ่อนคลายทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิอีกด้วย แนวคิดนี้เกิดจาก นพ.เรเน่ ควินตัน จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนประกอบของเกลือแร่ในเลือดคนมีสัดส่วนที่เหมือนกันกับน้ำทะเล ถ้าสัดส่วนของเกลือแร่ผิดเพี้ยนไปก็จะเจ็บป่วย ดังนั้นการชุบตัวในน้ำทะเลจะมีการแลกเปลี่ยนเกลือแร่ระหว่างตัวเรากับน้ำทะเลได้ จึงทำให้เกิดศาสตร์บำบัดด้วยน้ำทะเล Thalassotheraphy ขึ้น

วิธีการก็ง่ายแสนง่ายทางรีสอร์ทขุดหลุมเตรียมฝั่งกลบสาวๆ ไว้ให้พร้อม ไปถึงก็ลงนอนได้ทันที แล้วก็ช่วยกันกลบทรายใส่พวกเรา ขั้นตอนนี้ดูจะสนุกสนานมากสำหรับคนทำ แต่คนโดนกลบเริ่มรู้สึกได้ถึงความหนัก เมื่อกลบเสร็จก็เอาน้ำทะเลมารดให้ชุ่ม ช่วงเวลานี้ทำอะไรไม่ได้ ก็นอนไปค่ะ ขยับตัวไม่ได้เอียงคอได้เท่านั้น แนะนำให้หลับตาฟังเสียงคลื่นไปด้วยจะดีมาก คราวนี้เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่สัมผัสทรายกระตุกเป็นจังหวะ ตุ๊บๆ ทั่วร่าง ไม่ได้หน้ากลัวแต่รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า เมื่อกลบได้ 20 นาทีเราโดดไปล้างตัวกันในทะเล แล้วขึ้นมาซดน้ำสมุนไพรเย็นๆ เพื่อปรับสมดุลร่างกาย โดยส่วนตัวแล้วติดใจน้ำมะตูมที่สุด รสหวานซ่านลิ้นหน่อยๆ ดื่มแล้วสดชื่นจริงๆ


จบกิจกรรมห่มทรายก็มาถึงช่วงไฮไลท์ของวัน เรากลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเดินไปขึ้นแพกันอีกรอบ เพราะจะไปชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันในทะเล โดยกิจกรรมสนุกๆ บนแพก็มีให้ทำทั้งการตกหมึก ปิ้งอาหารทะเลและบาร์บีคิว ซึ่งแน่นอนว่าสาวๆ ต้องปิ้งกันเองนะคะถึงจะสนุก จากนั้นก็แกะและทานไปพร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศรอบตัว ที่รายรอบด้วยท้องทะเล มองไปทางฝั่งแผ่นดินใหญ่จะเห็นแสงสีเล่นระดับสลับกับทิวเขาที่ลดหลั่นกัน เป็นภาพที่งดงาม เรานั่งมองพระอาทิตย์ค่อยๆ ตกลงจนลับขอบเขาตะนาวศรี เข้าสู่ราตรีที่มีดาวเต็มท้องฟ้า ได้อารมณ์โรแมนติกไปอีกแบบจริงๆ คนมีคู่เซเลบออนไลน์ขอบอกว่ากิจกรรมนี้พลาดไม่ได้ต้องมาลองสักครั้ง




ในระหว่างที่สาวๆ กำลังอินกับบรรยากาศ หนุ่มๆ ก็มันส์กับการเป็นนักล่าปลาหมึกอย่างเอาเป็นเอาตาย ใครตกได้ทางรีสอร์ทมีบริการแล่เป็นซาชิมิปลาหมึกให้ทานกับวาซาบิ หรือจะเอามาปิ้งทานก็หวานอร่อย แต่ใครจับได้ตัวเล็กๆ ก็ปล่อยเค้ากลับลงทะเลอีกครั้ง กิจกรรมนี้มีข้อควรระวัง 2 อย่าง หนึ่งคือระวังปลายตะขอเหยื่อปลอมซึ่งคมมาก และสองระวังปลาหมึกที่ตกได้ปล่อยพลังหมึกดำๆ ใส่



เมื่อเรือเทียบฝั่งก็ได้เวลาดินเนอร์กันที่ห้องอาหารซึ่ง เกาะทะลุ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท มีบริการอาหาร 3 มื้อเป็นแบบบุฟเฟต์ที่อลังการงานสร้างมาก ไม่เคยเจออาหารเยอะแบบนี้มาก่อน แถมยังอร่อยมากทุกเมนู เครื่องดื่ม กดได้ตามใจแถมมีให้เลือกมากมาย อาทิ น้ำส้ม ชา กาแฟ น้ำกีวีมะนาว แต่เสียดายน่าจะมีน้ำมะตูมสมุนไพรตามมาบริการในช่วงอาหารหลัก 3 มื้อด้วย ชิมทีเดียวติดใจจริงๆ



ตื่นเช้าวันใหม่มาพบกับกิจกรรมเรียกความสดใสอย่าง “โยคะ” ริมชายหาด เป็นการปรับสมดุลภายในร่างกาย ลดความตึงเครียด ลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อทั่วร่าง แต่พอทำไปทำมารู้สึกว่าร่างกายจะเครียดหนักกว่าเดิม บางท่าถ้าใครทำไม่ได้ตามครูก็ไม่ต้องฝืนเพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ ส่วนสาวๆ ในแก๊งเรานั้นไม่มีใครยอมใครค่ะ ทำได้ทุกท่า แถมไปโพสท่าสวยๆ กันต่อริมทะเลอีกรอบด้วย



นอกจากนั้นการได้เอาเท้าสัมผัสน้ำทะเล และสัมผัสทรายอันขาวละเอียด เป็นการกระตุ้นประสามสัมผัสของร่างกายในยามเช้าได้ดีอีกด้วย เรียกว่าเป็น Barefoot exercise & water therapy อีกแบบหนึ่ง


จบจากคลาสโยคะเราเดินชิลกันไปชม สัตว์ทะเลที่หายากอีกหนึ่งชนิด นั่นคือ “เต่ากระ” บนเกาะทะลุแห่งนี้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น “โครงการปกปักษ์อนุรักษ์เต่าทะเล” ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระเทพฯ ร่วมกับทางกองทัพเรือ เมื่อเต้ากระขึ้นมาวางไข่ เจ้าหน้าที่จะขุดแล้วนำไข่เต่ามาฟัก จากนั้นอนุบาลเลี้ยงให้โต แล้วปล่อยคืนสู่ทะเล เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับบรรดาเต่าตัวน้อยๆ

จากนั้นเราก็มารับประทานอาหารเช้าพร้อมกับการเข้าสู่กิจกรรมสุดท้ายนั่นคือ “Green cooking class” ทำอาหารว่างจากวัตถุดิบที่หาได้บนเกาะและในท้องถิ่น วัตถุดิบหลักในเมนูของเราคราวนี้คือ “สาหร่ายพวงองุ่น” ที่ทางรีสอร์ทเพาะเลี้ยงไว้มากมาย เพื่อเป็นอาหารของเต่าทะเล อ้าว! แบบนี้เราก็แย่งอาหารเต่าสิคะ


โดยเมนูแรกเป็น “ยำสาหร่ายพวงองุ่น” มีส่วนผสมเป็นปลาหมึกและกุ้งสดที่หาได้ง่าย จากนั้นก็ผสมกับเครื่องและน้ำยำ นำมาจัดใส่จานที่วางสาหร่ายเตรียมรอไว้ งานนี้สาวๆ สนุกสนานเพราะได้อวดฝีมือกันเป็นครั้งแรก ง่ายแสนง่ายแค่เททุกอย่างใส่ชามผสมแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน สังเกตจากสีหน้าวิทยากรของเราได้ว่า แลดูกังวลนิดๆ ซึ่งต้องบอกว่ารสชาติของเมนูนี้ เมื่อตักเข้าปากกลมกล่อมมากเพราะรสเปรี้ยวเผ็ดของน้ำยำ เข้ากันได้ดีกับสัมผัสกรุบๆ พร้อมรสเค็มเล็กๆ ของสาหร่าย

ไปล้างมือเตรียมทำเมนูที่สอง ที่สนุกกว่า คือ “สลัดโรล” ที่ห่อด้วยแผ่นแป้ง ไส้ในเป็นผัก 5 สี ที่มีสารพฤกษาเคมีให้ประโยชน์กับร่างกายต่างกันไป อาทิ คลอโรฟิลด์จากผักสีเขียว ไลโคปีนและเบตาไซซีน จากผักสีแดง แอนโทไซยานินจากผักสีม่วงเป็นต้น ทานคู่กับน้ำสลัดสูตรเด็ดของรีสอร์ท อร่อยจริงๆ

เกาะทะลุ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท ยังมีบริการนวดไทย นวดผ่อนคลายตัว หรือนวดเท้า ไว้ให้บริการ ส่วนกิจกรรมสุดสนุกยังไม่หมด ถ้าเบื่อการดำน้ำดูปะการัง จะเลือกปีนเขาเดินป่าไปชมจุดชมวิว หรือออกไปพายคายัคลัดเรียบขอบเกาะ จะเล่นวอลเลย์บอลชายหาดเค้าก็มีให้บริการเช่นกัน นอกจากนี้แล้วยามค่ำคืนก็มี Beach Bar ที่ให้บริการจนถึงห้าทุ่มสำหรับคนรักจะฟังเสียงเพลงบรรเลงเคล้าเสียงคลื่น

ส่วนใครรักการถ่ายรูปก็สบายใจได้ที่นี่มีสารพัดมุม ให้เลือกระรัวชัตเตอร์ เก็บภาพบรรยากาศสวยๆ กลับบ้าน แต่เซเลบออนไลน์และสาวๆ ทุกคนนอกจากภาพถ่ายแล้ว พวกเรายังหอมความรู้, ประสบการณ์ใหม่ๆ และความประทับใจกับกิจกรรมสนุก สุขพอดี ณ เกาะทะลุ กลับมาฝากทุกๆ คนด้วย ก็บอกแล้วว่าจะเที่ยวทั้งที ต้องเที่ยวแบบเซเลบออนไลน์ ทั้ง Healthy และ Happy ที่สุด


การเดินทางมายังเกาะทะลุ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้นมีหลายเส้นทางให้เลือกได้แก่

รถส่วนตัว : ใช้ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้า อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากถนนเพชรเกษมเลี้ยวซ้ายไป 10 กิโลเมตร เจอตลาดสด พอเห็นสัญญาณไฟจราจร เลี้ยวขวาไปอีก 10 กิโลเมตร ถึงท่าเรือ บ้านมะพร้าวรีสรอ์ท

รถทัวร์ : ขึ้นที่สายใต้ใหม่ รถทัวร์ของ บริษัทบางสะพานทัวร์ แจ้งว่า ขอรอบที่เดินทางไปบางสะพานน้อย แล้วแจ้งพนักงานบนรถว่า ขอลงที่บ้านมะพร้าวรีสอร์ท รถจะจอดหน้าทางเข้ารีสอร์ทเลย สามารถเดินเท้าเข้ามาด้านในเพื่อขึ้นเรือ Speed Boat ข้ามไปยังเกาะ

รถไฟ : ถ้าเดินทางมาด้วยรถไฟ จากกรุงเทพฯ สามารถลงที่สถานีบางสะพาน หรือ บางสะพานน้อย แล้วเรียกรถรับจ้างมาส่งที่ท่าเรือเกาะทะลุ บ้านมะพร้าวรีสรอ์ท ได้เช่นกัน

เครื่องบิน : ใครที่นั่งเครื่องบินสามารถมาลงที่สนามบินชุมพร จะใกล้ที่สุด แล้วเรียกรถรับจ้างมาส่งที่ท่าเรือเกาะทะลุ บ้านมะพร้าวรีสรอ์ท ใช้เวลาเดินทางที่สนามบินมา ท่าเรือ ประมาณชั่วโมงกว่าๆ

อื่นๆ : สามารถเดินทางมาลงหัวหิน แล้วจองไปกับบริษัทฯ ที่หัวหินได้ ชื่อว่า บริษัท สาริกา ทราเวล

ยัง…ยังไม่จบเราเดินทางกลับขึ้นฝั่งกันก่อนเที่ยงเพื่อจะมาแวะสถานที่สุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพฯ นั่นคือ “อำไพฟาร์มรีสอร์ท” รีสอร์ทท่ามกลางขุนเขาสามร้อยยอด แวะอิ่มหนำเติมพลังงานกันด้วย เมนูหาทานยากอย่างใบชะครามผัดไข่ ปลาทอด แกงคั่วปูหน่อไม้ดอง กุ้งราดซอสมะขาม พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศของภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านโอบล้อมไว้แทบทุกด้าน

สนใจไปเที่ยวแพ็กเกจผู้หญิงเที่ยวเกาะ :  Happy Healthy ที่เกาะทะลุแบบเซเลบออนไลน์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.taluisland.com หรือ https://www.facebook.com/kohtaluvillage 

หรือเข้าไปดู แพ็กเกจท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ เที่ยวทางธรรม, เที่ยวแบบBlogger, เที่ยวแบบมาดาม ฯลฯ ของโครงการผู้หญิงเที่ยวไทย2017 ได้ทาง www.traveligo.com ตั้งแต่วันนี้ – สิงหาคม 2560
สอบถามรายละเอียดได้ที่ เบอร์โทร : 02-187-1008

Comments are closed.

Pin It