Travel

“มาดามมอนทัวร์” เหินฟ้าไปแตะขอบฟ้าชมยอดเขาคินาบาลูอันเลื่องชื่อ บนเกาะบอร์เนียว

Pinterest LinkedIn Tumblr

ยอดเขาคินาบาลู ณ จุดชมวิว
>>นักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติและการผจญภัยจะต้องคุ้นกับชื่อ “โคตา คินาบาลู (Kota Kinabalu)” หรือ KK เมืองหลวงของรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ดินแดนที่รุ่มรวยระบบนิเวศ หลากภูมิทัศน์ หลายวัฒนธรรม ซึ่ง “มาดามมอนทัวร์” (MadameMonTour) แห่ง Celeb Online ได้มีโอกาสไปเยือน เป็นจุดหมายของนักปืนเขาทั่วทุกมุมโลก เพราะยอดเขาคินาบาลู สามารถพิชิตได้เพียง 2 วันโดยแทบไม่ต้องใช้อุปกรณ์ปีนเขา ว่ากันว่าเป็นด่านแรกที่ใครจะไปพิชิตเอเวอเรสต์ต้องผ่านที่นี่ก่อน

ออกเดินทางไปกับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางใหม่ของสายการบินไทยสมายล์ บินตรงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติโคตาคินาบาลู นั่งรถบัสจากสนามบินชมวิวยามเย็นของบ้านเมืองสองข้างทางไม่นานก็มาถึงพี่พักใจกลางเมืองหลวงที่อยู่ห่างจากสนามบินแค่ 8 กิโลเมตร
White Water Rafting
มาดามมอนทัวร์ ประเดิมวันแรกในรัฐซาบาห์ ด้วยการเดินทางจากตัวเมืองโคตาคินาบาลูไปยังแม่น้ำคาดามายัน (Kadamaian River) เพื่อเริ่มต้นการผจญภัยกับทาง Xtreme Paddlers ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีก็มายืนยังจุดเริ่มต้นของกิจกรรมล่องแก่ง “White Water Rafting” แต่งตัวใส่อุปกรณ์เซฟตี้ พร้อมเซ็นเอกสารยินยอมและยอมรับเงื่อนไขก่อนเริ่มกิจกรรมแล้ว สตาฟฟ์จะสอนวิธีเซฟตัวเอง ทั้งวิธีนั่ง เก็บขาเก็บเท้า จับไม้พาย พร้อมทั้งการช่วยเหลือหากตกน้ำ และขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อย ก็เริ่มต้นลงแพยางล่องลำน้ำคาดามายัน
White Water Rafting
“แม่น้ำคาดามายัน” ไหลมาจากเชิงเขาคินาบาลู เหมาะแก่การล่องแก่งในระดับ 1-2 เพราะลำน้ำกว้าง ระดับน้ำไม่ลึก กระแสน้ำไม่แรงมาก น้ำใสจนเห็นหินและพื้นทรายใต้ผืนน้ำ แถมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ มีสวนยางบ้างประปราย ทำให้มองเพลินไม่มีเบื่อ ยามพายฝ่าแก่งหินต่างๆ สตาฟฟ์ก็จะหาจังหวะให้ตกน้ำกันครบทุกคน มีจุดให้กระโดดน้ำเล่น และจุดพักเดินข้ามสะพานแขวนสำหรับคนไม่กลัวความสูง เมื่อล่องกันมาจนถึงปลายทางก็เป็นระยะทางถึง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง

“White Water Rafting” นี้เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่น เด็ก และผู้สูงวัย แต่ถ้าอยากท้าทายทดลองสมรรถภาพร่างกายก่อนปีนยอดเขาคินาบาลู ขอแนะนำให้ไปล่องแก่งที่แม่น้ำปาดาส (Padas) ซึ่งมีกระแสน้ำเชี่ยวกว่า มีโขดหินที่ต้องใช้ความชำนาญจึงเหมาะสำหรับนักล่องแก่งที่มีประสบการณ์ แถมเป็นการล่องแก่งที่ยาวที่สุดในบอร์เนียวเพราะยาวถึง 30 กิโลเมตร ความยากอยู่ในระดับ 3-4 แต่ไม่ว่าจะล่องแก่งที่แม่น้ำสายไหน อย่าลืมทาครีมกันแดดเด็ดขาด เพราะแสงแดดแรงมาก
Sutera Harbour
โบกมือลาแม่น้ำคาดามายันกลับเข้าเมืองโคตาคินาบาลูอีกครั้ง เพื่อไปที่ “Sutera Harbour” ลงเรือ North Borneo Cruise ล่องทะเลชมความงดงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า พร้อมดินเนอร์มื้อพิเศษเคล้าเสียงเพลง ถ้าใครอยากวาดลวดลายก็สามารถออกไปโชว์ลีลาบนฟลอร์ได้ หรือจะเดินชมวิวบนดาดฟ้าเรือที่มองได้แบบพาโนรามา แม้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนมืดมิด แต่ภาพแสงไฟจากบนฝั่งก็เป็นอีกความงดงามแปลกตา
วิวพระอาทิตย์ตกจากบนเรือ North Borneo Cruise
ตลาดซีฟูดริมทะเล
กว่าจะจบมื้อค่ำเวลาก็ล่วงเลยไปสองทุ่มกว่า ก่อนกลับที่พักมาดามมอนทัวร์ตัดสินใจเดินเล่นสำรวจตัวเมืองกันเสียหน่อย แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของเมืองโคตาคินาบาลู มีบาร์ คลับ เลานจ์ เหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วไป เมื่อเดินข้ามถนน Tun Fuad Stephens ไปริมฝั่งทะเลที่มีตลาดเล็กๆ ขายอาหารซีฟูด ทั้งผัด ต้ม ปิ้งย่างพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด บนแผงมีทั้งปลาทะเลสารพัดสี กุ้งล็อบเตอร์ตัวใหญ่ๆ กั้ง หอยหลากชนิดให้เราเลือกซื้อ เมื่อเดินผ่านจะมีพนักงานมายืนเรียกลูกค้าเข้าร้านตลอดทาง บรรยากาศคึกคักตลอดคืน
ตลาดซีฟูดริมทะเล
ตลาดซีฟูดริมทะเล
บรรยากาศกลางคืนเมืองโคตาคินาบาลู
เมื่อออกจากตลาด มาดามมอนทัวร์ตัดสินใจไปเดินเล่นบนถนน Gaya ซึ่งทุกเช้าวันอาทิตย์จะเป็นที่ตั้งของ Sunday Market ปิดถนนขายผลไม้ ของกิน งานฝีมือ ของแต่งบ้าน ดอกไม้ สินค้าจิปาถะมากมาย น่าเสียดายที่มาดามมาวันจันทร์จึงอดชอปปิ้ง แต่บรรยากาศยามค่ำคืนก็มีเสน่ห์ชวนมอง มีร้านอาหารเปิดประปราย เวลาท้องถิ่นประมาณ 3 ทุ่มท้องถนนก็ว่างจนเกือบจะไม่มีรถราวิ่ง จะมีก็แต่แท็กซี่รอให้บริการเป็นจุดๆ เดินวนไปวนมาแป๊บเดียวก็กลับมาถึงที่พักซะแล้ว
ยอดเขาคินาบาลู ณ จุดชมวิว
เช้าวันใหม่มาดามมอนทัวร์ออกนอกเมืองอีกครั้งมุ่งหน้าไปยัง “อุทยานคินาบาลู” (Kinabalu Park) อุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2543 ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 754 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์เสียอีก เป็นที่ตั้งของภูเขาคินาบาลู มีความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 4,095.2 เมตร แม้จะไม่ใช่ภูเขาที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็สูงสุดบนเกาะบอร์เนียว บริเวณภูเขาเป็นแหล่งที่พบกล้วยไม้ เฟิร์น มอส ไลเคน และพืชกินแมลงหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง มีให้เห็นเยอะมาก แต่ที่เป็นพระเอกของอุทยานคินาบาลูคือ “ดอกบัวผุด” หรือดอกแรฟเฟิลเซีย (Rafflesia arnoldii) พบได้มากถึง 16 สายพันธุ์
ร้านค้า ณ จุดชมวิว
นั่งรถบัสข้ามเขาที่สลับซับซ้อน ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงจุดชมวิว สามารถมองเห็นยอดเขาคินาบาลูแบบเต็มๆ ลูก แดดแรง ฟ้าสวย เมฆประปราย แต่สภาพอากาศของดินแดนใต้สายลมที่เปลี่ยนแปลงไวมาก เผลอแป๊บเดียวก็มีเมฆมาบดบังยอดเขาเสียแล้ว มาดามจึงไปเดินเล่นดูร้านค้าของชาวบ้าน ที่ตั้งขายผลไม้ และพืชผักซึ่งปลูกในท้องถิ่น ของฝากและของที่ระลึกก็มี
ร้านค้า ณ จุดชมวิว
ถนนทางเข้าด้านหน้าอุทยานคินาบาลู
จากจุดชมวิวเดินทางมาอีก 30 นาทีจะถึงที่ทำการอุทยาน ใครที่อยากมาพิชิตยอดเขาต้องแจ้งทางอุทยานคินาบาลู และสำรองที่พักบนเขาล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน เพราะที่นี่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อวันไม่เกิน 200 คน สำหรับเส้นทางการพิชิตยอดเขาคินาบาลู มีให้เลือกสองเส้นทางคือ เส้น Timpohon กับ เส้น Mesilau ทั้งสองเส้นทางจะเริ่มเดินคนละจุด แล้วจะมาบรรจบกันก่อนถึง Lanban Rata ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้จองมาหรือร่างกายไม่พร้อม ทางอุทยานก็มี “สวนพฤกษศาสตร์” (Mount Kinabalu Botanical Garden) และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จัดให้เราได้เดินชมหลายเส้นทาง อาทิ Silau Silau Trail ระยะทาง 3,057 เมตร ใช้เวลาเดินชมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

พรรณไม้ ณ ที่ทำการอุทยาน
พรรณไม้ ณ ที่ทำการอุทยาน

ส่วนบริเวณเชิงเขาของภูเขาคินาบาลู เป็นที่ตั้งของ “Desa Cattle Dairy Farm” ฟาร์มโคนมแบบครบวงจร โอบล้อมด้วยเนินเขาที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าเขียวๆ สุดสายตา สลับกับสีดำขาวของโคนมพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเชี่ยน (Holstein Friesian) มีภูเขาคินาบาลูตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง อากาศเย็นฉ่ำตลอดปี บรรยากาศฉบับย่อของนิวซีแลนด์แบบนี้เสียค่าเข้าชมประมาณ 5 ริงกิต ภายในฟาร์มมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถป้อนนม ป้อนหญ้า ลูกวัว ลูกแพะ มีโรงเรือนให้ชมวิธีการเลี้ยงและรีดนม รวมถึงร้านขายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จากฟาร์ม อาทิ โยเกิร์ต พุดดิ้ง ไอศกรีม เนย ชีส และพิซซ่า เดินเล่นกันสักพักฝนก็โปรยลงมาจนชุ่มฉ่ำ แม้จะอยู่บนที่สูงอุณภูมิประมาณ 20 องศา แต่เพราะสภาพอากาศแบบเขตร้อนชื้นทำให้ฝนอาจตกได้ตลอดเวลา อย่าลืมเตรียมร่มหรือเสื้อคลุมกันฝนติดมาด้วย
Desa Cattle Dairy Farm
Desa Cattle Dairy Farm

ไปหลบฝนชิมชากันต่อที่ “Sabah Tea Resort Restaurant” ล้อมด้วยบรรยากาศของไร่ชาบนที่สูง มีไอหมอกเคล้าคลออยู่เป็นระยะ จนเมื่อฝนซาก็ได้เวลาลงแม่น้ำ Moroli ไปให้อาหารปลาที่ “Tagal Sungai Moroli” ซึ่งอยู่ติดกันกับ Sabah Tea มีกรมประมงเป็นผู้ดูแล ในแม่น้ำมีปลาจำนวนมากกว่า 10 ชนิด มีอาหารเม็ดใส่ถุงเล็กๆ ขายราคา 0.2 ริงกิต เมื่อก้าวขาลงไปฝูงปลาก็จะเข้ามารุมตอดผิว เป็นการทำสปาปลาแบบธรรมชาติสุดๆ และที่นี่จำกัดเวลาให้นักท่องเที่ยวลงไปทำสปาปลาได้ครั้งละ 15 นาทีเท่านั้น

ขากลับเข้าเมืองมาดามนั่งรถผ่าน “Kota Kinabalu City Mosque” มัสยิดประจำเมืองโคตาคินาบาลู ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในรัฐซาบาห์ เป็นมัสยิดกลางน้ำที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัยสร้างตามแบบมัสยิดนาบาวี (Nabawi Mosque) มัสยิดขึ้นชื่อของประเทศซาอุดีอาระเบีย ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าว Likas เวลาถ่ายภาพจะเห็นเงาของมัสยิดสะท้อนบนผืนน้ำ โดยเฉพาะเวลาค่ำคืนแสงไฟที่กระทบให้ภาพที่สวยงามมาก
อาหารปลาที่ Tagal Sungai Moroli
ให้อาหารพร้อมทำสปาไปด้วยที่ Tagal Sungai Moroli
วิวเมืองโคตาคินาบาลู ณ จุดชมวิว Signal Hill Observatory Tower
ออกนอกเมืองโคตาคินาบาลูมาสองวัน เช้านี้ก่อนกลับประเทศไทย มาดามมีเวลาเดินเล่นซอกแซกในตัวเมือง จึงมุ่งหน้าไปทาง Signal Hill Observatory Tower จุดชมวิวเมืองมุมสูง สามารถมองเห็นอาณาเขตของเมืองโคตาคินาบาลูได้โดยรอบรวมไปถึงวิวของเขตทะเลจีนใต้ โดยใช้เส้นทาง Signal hill trail ระยะทางประมาณ 200 เมตรเพื่อเดินขึ้นไป มารู้ทีหลังว่าเค้ามีเส้นทางสำหรับให้รถยนต์รวมถึงจักรยานขึ้นไปได้ด้วย
Atkinson Clock Tower หอนาฬิกาเก่าประจำเมือง
จากจุดชมวิวเลี้ยวไปตามถนน Dewan จะเจอกับ Atkinson Clock Tower หอนาฬิกาเก่าประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1902 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ฟรานซิส จอร์จ แอทคินสัน (Francis George Atkinson) ผู้ว่าการเมืองคนแรก ด้านหน้าของหอนาฬิกามีตึกสำนักงานสีขาว ”Wisma Intiutama” โดดเด่นด้วยรูปทรงสามเหลี่ยมแบบเดียวกับ Flatiron Building ในนิวยอร์กแต่เล็กกว่า อาคารบ้านเรือนและถนนที่นี่สะอาดมาก มีสีสัน เป็นส่วนผสมของหลายวัฒนธรรม มีร้านกาแฟและเบเกอรี่เก๋ๆ ซ่อนตัวอยู่อย่างกลมกลืน
ตึกสำนักงานสีขาว ”Wisma Intiutama”
บรรยากาศเมืองโคตาคินาบาลู
บรรยากาศเมืองโคตาคินาบาลู
บรรยากาศเมืองโคตาคินาบาลู
บรรยากาศเมืองโคตาคินาบาลู
ส่วนใครอยากชิมอาหารพื้นเมือง ขอแนะนำให้ไปชิมที่ร้าน D'Place Kinabalu ที่มีบริการอาหารดั้งเดิมของชนเผ่า Kadazan และอาหารพื้นเมืองหลากหลาย เมนูที่พลาดไม่ได้คือ Ambuyat ทำจากแป้งสาคูกวนให้สุกจนใสทานคู่กับแกง Pinasakan หรือน้ำพริก Sambal นอกจากนั้นยังมี Hinapa do เป็นอาหารประเภทผัดผัก และปลา Basung ทอด ทานกับเครื่องดื่มอย่างชาตะไคร้หอมๆ
ร้านอาหารพื้นเมือง DPlace Kinabalu
ร้านอาหารพื้นเมือง DPlace Kinabalu
ร้านอาหารพื้นเมือง DPlace Kinabalu
Fact File

สายการบินไทยสมายล์ มีบินตรงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ สู่ท่าอากาศยานนานาชาติโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย โดยเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ให้บริการชั้นโดยสาร 2 คลาส ได้แก่ “Premium Economy Class” และ “Smile Class” ซื้อบัตรโดยสารในราคาเริ่มต้นที่ 3,435 บาทต่อเที่ยว (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) พร้อมทั้งสะสมไมล์กับ Royal Orchid Plus คลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaismileair.com/th

การท่องเที่ยวในรัฐซาบาห์ มีอีกหลากหลายสถานที่ ทั้งการล่องเรือชมริมฝั่งแม่น้ำดูลิงจมูกยาวสัตว์ประจำถิ่น ดำน้ำลึกที่เกาะสิปาดัน ไปดูการเก็บรังนกที่ถ้ำ Gomantong หรือเที่ยวชมหมู่บ้านวัฒนธรรมมาริมาริ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ www.malaysia.travel, www.sabahtourism.com

Comments are closed.

Pin It