Travel

“มาดามมอนทัวร์” บินเดี่ยวเที่ยวปักกิ่ง

Pinterest LinkedIn Tumblr

>>เคยได้ยินกิตติศัพท์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ไปเยือนประเทศต่างๆ ทั่วโลก แล้วไปสร้างวีรกรรมแปลกๆ มากมาย ทั้งความไร้ระเบียบวินัย ไร้มารยาท มีความมักง่าย ฯลฯ ทำให้ “มาดามมอนทัวร์” (MadameMonTour) อดไม่ได้ที่จะขอมาเยือนจีนสักครั้ง เพื่อสัมผัสถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ว่าแท้จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นดั่งคำสบประมาทนั้นหรือไม่

จนได้คำตอบแล้วว่า ในความจริงส่วนใหญ่ผู้คนชาวจีนมีระเบียบวินัย สะอาดสะอ้าน ฯลฯ และหลายเรื่องมีดีมากกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ๆ ของไทยเราซะอีก ขนาดห้องน้ำสาธารณะยังมีให้บริการฟรีแบบทุกซอกซอยเลยทีเดียว

และนับจากนี้คือประสบการณ์จริงตลอด 1 สัปดาห์ ที่มาดามมอนทัวร์ได้ใช้ชีวิตแบบเดี่ยวๆ ในกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

ในช่วงบ่ายแก่ๆ มาดามมอนทัวร์ได้เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติในกรุงปักกิ่ง ชื่อ สนามบินนานาชาติปักกิ่ง หรือ Beijing Capital International Airport

จากนั้นมาดามมอนทัวร์ก็เลือกใช้บริการรถไฟ Beijing Airport Express จากสนามบินเพื่อเข้าไปยังตัวเมืองปักกิ่ง ที่ห่างกันประมาณ 28 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที ราคา 25 หยวน หรือประมาณ 120 บาท มีความสะดวกและรวดเร็วมาก สะอาด และผู้คนส่วนใหญ่ก็น่ารัก ซึ่งถ้าไม่มั่นใจเรื่องเส้นทางก็สามารถถามคนพื้นเมืองได้ บางคนอาจจะผู้ภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ

ในบัตรโดยสารรถไฟจากสนามบินจะมีบอกว่ารถไฟจะจอดรับส่งที่สถานีใดบ้าง ซึ่งที่สนามบินนานาชาติปักกิ่งมีทั้งหมด 3 เทอร์มินอลด้วยกัน เมื่อวิ่งเข้าสู่ตัวเมืองจะจอดแวะรับส่งที่สถานีแรก คือ Sanyuanqiao และที่สถานีสุดท้ายคือ Dongzhimen จากนั้นจึงนั่งรถไฟเชื่อมต่อไปยังจุดมุ่งหมายที่ต้องการ โดยมีสีแสดงเป็นสัญลักษณ์ในแต่ละเส้นทาง และสามารถดูได้จากแผนที่เส้นทาง ณ สถานีรถไฟทุกแห่ง

มาดามมอนทัวร์เลือกที่พักย่าน Dongsi เนื่องจากเป็นย่านเมืองเก่า ใกล้กับพระราชวังมากมาย และบ้านเรือนแบบจีนโบราณ เมื่อนั่งรถไฟเชื่อมต่อมาจากสนามบินก็มาลงที่สถานี Dongsi สะดวกมาก จากนั้นก็เดินเข้าซอยเพื่อไปยังที่พัก และนี่คือ บรรยากาศภายในซอย Dongsi 4

เมื่อเดินเข้ามาประมาณ 500 เมตร ก็จะพบกับโรงแรมที่พัก ชื่อ Double Happiness Beijing Courtyard Hotel โดยจองผ่านเว็บไซต์จองโรงแรม Booking.Com/ ซึ่งให้ข้อมูลไว้ละเอียดยิบ แถมราคาก็ดีโดนใจอีกด้วย

Beijing Double Happiness Courtyard Hotel ตั้งอยู่ในหมู่อาคารรูปสี่เหลี่ยมที่มีประวัติเก่าแก่กว่า 200 ปี เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่นำเสนอประสบการณ์แบบดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของที่พักอาศัยแบบจีนในพื้นที่ประวัติศาสตร์หูท่ง (Hutong) อยู่ห่างจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน และ Forbidden City เพียง 3 กิโลเมตร มีบริการฟรีอินเตอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) ทั่วบริเวณ แต่อย่างที่ทราบกันดีคือในจีนไม่สามารถใช้โซเชียลมีเดีย พวก Facebook และ Instagram ได้

โรงแรม Beijing Double Happiness Courtyard ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านชอปปิ้งวังฟูจิง (Wangfujing Street) ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย สามารถเดินไปได้ด้วยเท้าไม่นาน

การตกแต่งภายในโรงแรมที่มาดามมอนทัวร์ได้จองผ่านเว็บไซต์ Booking.Com/ ซึ่งจากรูปภาพในเว็บไซต์กับสถานที่จริง ไม่มีความแตกต่างกันเลยค่ะ

ห้องพักทุกห้องที่โรงแรม Beijing Double Happiness Courtyard แห่งนี้ ได้มีการตกแต่งและจัดวางแบบโบราณ มีผ้าจีนสีแดงประดับ และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีชุดน้ำชาจีนให้บริการ ซึ่งในบางห้องพักมีวิวลานภายในที่เขียวชอุ่มและระเบียงส่วนตัวอีกด้วย

ห้องอาหาร Happy Restaurant ให้บริการบุฟเฟต์อาหารเช้าแสนอร่อยทุกวัน ทั้งอาหารจีนและอาหารตะวันตก ในขณะที่บาร์ให้บริการเครื่องดื่มที่หลากหลาย

วันรุ่งขึ้นมาดามมอนทัวร์เริ่มออกไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของปักกิ่ง โดยมุ่งหน้าไปที่หอสักการะฟ้าเทียนถัน โดยนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Yongdingmen

บริเวณหน้าห้องจำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชมหอสักการะฟ้าเทียนถัน

ระหว่างทางเดินเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอสักการะฟ้าเทียนถัน จะมีทางเดินเชื่อมมุงหลังคาที่มีการตกแต่งด้วยลวดลายแบบจีนโบราณ ในยุคสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง

หอสักการะฟ้าเทียนถัน เป็นหอบูชาที่สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง จักรพรรดิองค์ที่ 3 (หย่งเล่อ) เมื่อปี ค.ศ. 1420 โดยใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 14 ปีเลยทีเดียวค่ะ ในช่วงเวลาเดียวกับการก่อสร้างพระราชวังหลวง สิ่งปลูกสร้างสำคัญต่างๆ ในเทียนถัน เช่น หยวนชิว หรือแท่นบวงสรวงฟ้า, ฉี่เหนียนเตียน หรือตำหนักสักการะ และตำหนักหวงฉุงยูว์ หรือหอเทพสถิต เป็นต้น

“หยวนชิว” หรือ “แท่นบวงสรวงฟ้า” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “หอสักการะฟ้าเทียนถัน” หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Temple of Heaven” มีลักษณะทรงกลม เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีเซ่นไหว้ฟ้าในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้สามารถขอฝนในช่วงฤดูร้อนได้ ดังนั้น จักรพรรดิของเมืองจีนจึงจะต้องเสด็จมา ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอบคุณสวรรค์ที่ช่วยบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขแห่งพืชผลมาตลอดปี

“แท่นบวงสรวงฟ้า” มีฐานทั้ง 3 ชั้น ได้มีการสร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ซึ่งมีความสูงกว่า 5 เมตร เมื่อยืนอยู่จากจุดของแท่นบวงสรวงฟ้าแล้ว เมื่อมองไปทั้ง 4 ทิศ จะสามารถมองเห็นท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ไพศาลแบบไร้ขอบเขตเลยทีเดียว ส่วนจุดของพื้นที่เท้ากำลังสัมผัสอยู่นั้นเป็นฐานหินสีขาวอมเทา ทำให้รู้สึกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางมวลหมอกในท้องทะเลกว้างหรือเหมือนอยู่บนชั้นอวกาศค่ะ

ตัวอาคารแบบจีนโบราณใช้เป็นทางออก เพื่อมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะด้านข้าง


ของที่ระลึกบริเวณใกล้ๆ กับหอสักการะฟ้าเทียนถัน ซึ่งก็ยังแสดงให้เห็นถึงลวดลายและสีสันตามความเชื่อโบราณของจีน

ร้านจำหน่ายหนังสือที่ระลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีน และหอสักการะฟ้าเทียนถัน

เมื่อเดินชมสถานที่สำคัญของจีนภายในกรุงปักกิ่งแล้ว มาดามมอนทัวร์จึงแวะกินอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นร้านบุฟเฟต์ก๋วยเตี๋ยว

ร้านนี้ประทับใจตรงที่เป็นร้านบุฟเฟต์ก๋วยเตี๋ยว คือ คุณจะกินมากหรือกินน้อยก็แล้วแต่ความจุของแต่ละคน เมื่อเลือกวัตถุดิบเสร็จแล้วก็จะให้พนักงานเอาไปชั่ง แล้วคำนวณเป็นราคาออกมา จากนั้นจึงจะนำมาเสิร์ฟ มีให้เลือกหลายรสชาติ โดยเฉพาะรสชาติต้มยำอันถูกปาก

เลือกเนื้อตามที่คุณต้องการเลยค่ะ มีทั้งลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นปลา เครื่องในหมู เครื่องในวัว เต้าหู้ทอด ไข่นกกระทา และอีกมากมาย

ส่วนเส้นก็มีให้เลือกตามความชอบ ทั้งเส้นบะหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ หรือเส้นหมี่ เป็นต้น

หน้าตาของก๋วยเตี๋ยวต้มยำบุฟเฟต์ค่ะ

วันถัดมามาดามมอนทัวร์มุ่งหน้าไปยังพระราชวังต้องห้ามเทียนอันเหมินอันเลื่องชื่อ (Forbidden City)

การเดินทางมายังจัตุรัสเทียนอันเหมิน สามารถนั่งรถไฟใต้ดินแล้วมาลงที่สถานีเทียนอันเหมิน (Tiananmen Station) ได้เลยค่ะ สะดวกและรวดเร็วมาก


พระราชวังต้องห้าม เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิง จนถึงราชวงศ์ชิง ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในนามพิพิธภัณฑ์พระราชวัง ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง และมีพระที่นั่ง 75 องค์ หอพระสมุด ห้องหับต่างๆ อีกมาก รวมทั้งยังมีสวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมกันโดยตลอด มีคูและกำแพงที่สูงถึง 11 เมตร ล้อมรอบ ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ 14 ปี

พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัสเทียนอันเหมิน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามได้ทางจัตุรัสนี้ ผ่านประตูเทียนอันเหมิน บริเวณรอบจัตุรัสเทียนอันเหมิน เรียกว่า อาณาเขตหลวง โดยมีสิ่งก่อสร้างสำคัญอยู่โดยรอบ เช่น มหาศาลาประชาคม ในอดีตพระราชวังแห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามไม่ไห้ประชาชนเข้า แม้ข้าราชการชั้นสูง ยังต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จึงเรียกพระราชวังนี้ว่า “พระราชวังต้องห้าม”

จักรพรรดิจะทรงประทับอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ กั้นพระองค์จากโลกภายนอก โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต เพื่อความสำราญของจักรพรรดิ ในวังจะมีวิเสท 6,000 คน ประกอบพระกระยาหาร มีสนมกำนัล 9,000 นาง ซึ่งมีขันที 70,000 คน คอยดูแลให้ มีคำเล่าลือกันว่า พระนางซูสีไทเฮา เวลาเสวยก็จะมีพระกระยาหารถึง 148 ชุด และทรงส่งขันทีไปเสาะหาชายหนุ่มซึ่งเข้าวังแล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย

ด้านข้างของพระราชวังต้องห้ามมีสวนสาธารณะอันร่มรื่น

อาคารโบราณภายในบริเวณด้านข้างของพระราชวัง ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพระราชวัง

ทางเดินเชื่อมแต่ละอาคาร เพดานมีลวดลายที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวจีนในอดีต

ประตูบริเวณสวนสาธารณะข้างพระราชวัง

บริเวณด้านข้างพระราชวังต้องห้ามรายล้อมไปด้วยคูคลองต่างๆ

เมื่อเดินข้ามถนน West Chang An ตรงข้ามกับพระราชวังต้องห้าม จะพบกับลานกว้าง และที่นี่คือ “จัตุรัสเทียนอันเหมิน” ที่แปลว่า “ประตูของสันติภาพอย่างสวรรค์” มีความสำคัญในทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจีน เพราะว่าจัตุรัสแห่งนี้คือที่ตั้งของเหตุการณ์สำคัญมากมายในประวัติศาสตร์จีน และที่เห็นอยู่นี้คือ “อนุสาวรีย์วีรชน” (The Monument to the People’s Heroes) สร้างแบบเสาหินแกรนิตรูปทรงโอบิลิสต์ ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัสเทียนอันเหมิน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1952 โดยมติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในขณะนั้นเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของประชาชนชาวจีนในการรวมเป็นสาธารณรัฐจนสำเร็จ บริเวณรอบๆ ฐานมีภาพสลักเรื่องราวการปฏิวัติจีนและมีลายมือประธานเหมาสลักเอาไว้บนเสาอีกด้วย

ด้านหน้าของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน ที่อยู่ด้านหนึ่งของจัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 2003 ปัจจุบันสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ 4 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่เท่าๆ กัน ภายในได้รวบรวมและจัดแสดงผลงานที่ค้นพบทางประวัติศาสตร์ทั้งโบราณวัตถุ โบราณคดี รวมถึงให้ความรู้แก่คนที่เข้ามาชม อีกส่วนหนึ่งจัดแสดงเรื่องราวเหตุการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์และการปฏิวัติให้แก่คนรุ่นหลังโดยเฉพาะเยาวชนของจีน ได้เรียนรู้และตระหนักถึงความยากลำบากของการรวบรวมประเทศจนเป็นปึกแผ่นเหมือนในปัจจุบัน

จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ 880 เมตร ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก 500 เมตร พื้นที่ทั้งสิ้น 440,000 ตารางเมตร สามารถจุประชากรได้ถึง 1,000,000 คน ปัจจุบันจัตุรัสเทียนอันเหมินนับเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1417 ในสมัยราชวงศ์หมิงมีชื่อเดิมว่า “เฉิงเทียนเหมิน” ต่อมาในสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิง มีการซ่อมแซมใหม่ในปี ค.ศ. 1651 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เทียนอันเหมิน” ซึ่งคำว่า “เทียน” หมายถึง “ฟ้า” คำว่า “อัน” หมายถึง “ผาสุก” ส่วนคำว่า “เหมิน” หมายถึง “ประตู”

เมื่อเดินทะลุผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมิน สุสานของประธานเหมา และหอประตูเฉียนเหมิน เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์การรถไฟของจีน (China Railway Museum) ซึ่งภายในได้มีการแสดงผลงานนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การรถไฟของจีน

ภายในพิพิธภัณฑ์นี้มีหัวรถจักรอันเป็นประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 ไว้ให้ชมด้วย รวมถึง โมเดลแผนที่เส้นทางรถไฟ ภาพถ่าย และเรื่องราวเกี่ยวกับการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟของจีนทั้งในอดีตและปัจจุบัน

Comments are closed.

Pin It