>>ตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นเปิดให้คนไทยท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า อีกทั้งปัจจุบันสายการบินโลว์คอสต์เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น เลยทำให้มีผู้คนสนใจไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ด้วยมนต์เสน่ห์ของญี่ปุ่นเองที่มีหลายภูมิภาคและแต่ละภูมิภาคสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี อย่าง ฮอกไกโด, คันโต, คันไซ, ชูโงะคุ, ชูบุ, ชิโกะคุ, คิวชู และโทโฮคุ ที่มีเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยแห่ไปชมความงดงามของเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความเจริญของภาคโทโฮคุ ทั้งยังเป็นเมืองแห่งธรรมชาติเต็มไปด้วยต้นไม้ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้น ก่อนเที่ยวเซนไดฉบับเต็ม 2 ผู้บริหาร มร.คิโยโยชิ โอบะ และ คุณอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ แห่งโตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) ขอเอาใจแฟนแดนปลาดิบจัดเทศกาล “โตโยสึ เจแปน เฟสติวัล 2018” เทศกาลสินค้าไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวและอาหารคุณภาพจากญี่ปุ่น ภายใต้ธีม วันซ์ อิน เซนได เดสติเนชันแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไปปักหมุดกันเพียบ ดังนั้นเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย เลยขอแนะนำ 11 ไฮไลต์เมื่อไปเยือนเซนได เริ่มที่ ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle) ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 100 เมตร จึงเป็นจุดชมวิวแบบพานอรามาของเมืองเซนไดแบบเต็มๆ และสามารถเดินไปที่อนุสาวรีย์ท่านดาเตะ มะซะมุเนะ ผู้ก่อตั้งปราสาทอาโอบะซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเซนไดและญี่ปุ่น, สุสานซูอิโฮเดน (ZUIHODEN MAUSOLEUM) ตัวอาคารสุสานออกแบบสไตล์หรูหราในช่วงยุคโมโมยามะ (Momoyama Period) โครงสร้างหลักเป็นงานไม้สีดำตกแต่งด้วยการแกะสลักและทาสีสันสดใส ทางเดินในพื้นที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้สนซีดาร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ของตระกูล ดาเตะ ไฮไลต์การมาเที่ยวที่นี่คือการขึ้นบันได 62 ขั้น เพื่อไปสักการะพระพุทธรูปที่เปรียบเสมือนการเดินทางขึ้นไปสัมผัสสวรรค์ และเชื่อว่าการลูบหัวมังกร หน้าทางเข้าจะทำให้มีชื่อเสียง จึงมีเหล่าเซเลบ ดารา นักร้องชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอพรที่นี่
ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังกุ (OSAKI HACHIMANGU) สร้างขึ้นในปี 1607 โดยดาเตะ มะซะมุเนะ เพื่อบูชาเทพฮาจิมัง (Hachiman) ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามของชินโต จึงเป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในการขอพรเรื่องชัยชนะและความร่ำรวย, ฟุตะฮะชิระ จินจะ (FUTAHASHIRA SHRINE) เป็นศาลเจ้าที่มีความขลังในการขอพรเรื่องความรัก ซึ่งหนุ่มสาวญี่ปุ่นนิยมไปขอพรและส่วนใหญ่จะสมหวัง ทำให้มีผู้มาขอพรเรื่องความรักที่ศาลเจ้านี้กันเยอะมาก, เซนได ไดแคนนอน (SENDAI DAIKANNON) รูปปั้นขนาดใหญ่เจ้าแม่กวนอิม มีความสูง 100 เมตร และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ภายในองค์เจ้าแม่กวนอิมมีจำนวน 12 ชั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลิฟต์และเดินลงมาชมพระพุทธรูปที่จัดแสดงในแต่ละชั้นได้
หมู่บ้านหัตถกรรมเมืองอะคิอุ (AKIU KOGEI NO SATO) หมู่บ้านหัตถกรรมของช่างฝีมือ 9 ครอบครัวที่ผลิตงานฝีมือพื้นบ้าน เช่น งานทอผ้า งานไม้ ตุ๊กตาไม้โคเคชิ ซึ่งบ้านของช่างฝีมือนั้นจะเปิดหน้าบ้านเป็นสตูดิโอและมุมขายสินค้า ซึ่งผู้ที่มาเที่ยวชมจะได้เห็นการทำงานฝืมือไปด้วย เสน่ห์ของหมู่บ้านนี้อีกอย่างคือเราสามารถเพนต์ลวดลายตุ๊กตาโคเคชิได้ด้วยตัวเอง เป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นไปในตัว,หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกแห่งซาโอะ (Zao Fox Village) หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวให้ได้มาสัมผัสความน่ารัก ขี้อ้อนของจิ้งจอก ส่วนความฟินของที่นี่คือ ช่วงฤดูหนาวจะได้เห็นหิมะสีขาวปกคลุมเต็มพื้นที่และความน่าเอ็นดูของเจ้าขนฟูที่ออกมาวิ่งเล่น, สวนสาธารณะฟุนาโอกะ โจชิ (FUNAOKA JOSHI KOEN) จุดชมดอกซากุระติดอันดับ 1 ใน 100 ที่ชาวญี่ปุ่นยกนิ้วให้เป็นสถานที่สวยงามที่สุด เมื่อมาชมซากุระบานไฮไลต์เด็ดของที่นี่คือ นั่งรถราง Slope Car ซึ่งรถรางจะค่อยๆ ขึ้นเขาผ่านต้นซากุระที่ปลูกเต็มสองข้างทาง เปรียบเป็นอุโมงค์ซากุระที่มีความยาว 305 เมตร เหมาะกับการเก็บภาพสวยในดินแดนซากุระ
อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดห้ามพลาด ร่วมชมความอลังการในเทศกาล เซนได ทานาบาตะ (Sendai Tanabata Matsuri) ที่มีการประดับตกแต่งไม้ไผ่สูงกว่า 10 เมตร ด้วยกระดาษหลากสีสัน หลากหลายรูปแบบตามถนน ร้านค้า และสถานที่ต่างๆ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนแห่มาชมเทศกาลสุดยิ่งใหญ่และอลังการที่จัดขึ้นติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพร้อมใจแต่งชุดยูกะตะมาเดินชมงานและถ่ายรูป
เซนไดนอกจากมีแหล่งท่องเที่ยวชิกๆ แล้ว เรื่องอาหารก็ไม่น้อยหน้า มีแหล่งร้านอาหารอร่อยมาเอาใจสายกินที่ตรอก บุงกะ โยโคโช (BUNKA YOKOCHO ) เป็นแหล่งร้านอาหารแนวอิซากายะหรือร้านกินดื่มมีกลิ่นอายย้อนยุค มีร้านให้เลือกชิมมากกว่า 50 ร้านเรียงรายเต็มสองข้างทางเดิน เช่น ร้านเกี๊ยวซ่า ร้านอาหารตะวันตกสไตล์ญี่ปุ่น จุดแลนด์มาร์กของตรอกนี้คือ บ่อน้ำแห่งแรกของเมืองเซนได ปิดท้ายทริปเซนไดให้เพลินๆ กับการชอปปิ้งที่ ถนนคลิสโรด (CLIS ROAD) เรียกว่าเป็นถนนสายชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองเซนได เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สินค้าแบรนด์เนมให้เลือกชอปมากมาย
เร็วๆ นี้ เหล่าเจแปนเลิฟเวอร์เตรียมพบกับเมืองเซนไดเดสติเนชันแห่งใหม่ ที่ได้ยินว่าจะยกเมืองเซนไดมาไว้ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/ToyotsuJapanFestival
Travel
Comments are closed.