Travel

ขับเชฟโรเลตตะลุยธรรมชาติแบบหรูๆ ในสไตล์ Glamping

Pinterest LinkedIn Tumblr


สำหรับคนกรุงทั้งหลายการได้มีวันหยุดและได้ออกเดินทางท่องเที่ยว นับเป็นการชาร์ตพลังที่วิเศษสุด ซึ่งการท่องเที่ยวอะไรเหมาะไปกว่าการขับรถเที่ยวเอง ที่สามารถแวะตระเวนเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย การเลือกใช้รถเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ จึงช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นรถซิตี้คาร์ขับแบบโก้ๆ ในช่วงวันทำงาน และแปลงร่างเป็นรถลุยๆ ขับท่องเที่ยวได้แบบพร้อมรับทุกสถานการณ์


และเพื่อให้ได้ลองสัมผัสกับคุณสมบัติสุดพิเศษนี้เชฟโรเลต ประเทศไทย จึงได้จัดทริปพิเศษชวน Celeb Online ไปแกลมปิ้ง(Glamping) สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติในแบบหรูๆ และลุยๆ ไปพร้อมกันที่ หินตก ริเวอร์ เเคมป์ จังหวัดกาญจนบุรี ในแบบ “The Ultimate Life”

โดยตลอดระยะทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่จังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้สัมผัสกับการใช้งานของรถเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ที่มีพลังขับเครื่องสูง เร่งความเร็วได้อย่างราบรื่น พร้อมความนุ่มนวลที่ตัดมีระบบลดเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน ให้นั่งได้อย่างสบาย มีระบบนำทางอำนวยความสะดวกผู้ขับ และการดีไซน์ออกแบบภายในที่ตอบสนองการใช้งาน แถมยังสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 7 ที่นั่ง สามารถยกขโยงไปได้แบบครอบครัวใหญ่

และก่อนจะถึงยังที่หมายทางเชฟโรเลตยังได้จัดให้ทดลองสมรรถนเครื่องยนตร์แบบเต็มสูบกับเวิร์กชอปการขับขี่แบบออฟโรดและการลากจูง ที่ได้ใช้รถลุยทางสมบุกสมบันด้วยการขับเคลื่อนสี่ล้อที่ ได้ทดลองระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ขณะออกตัวและทางโค้ง ระบบป้องกันการไหลของรถ เมื่อขึ้นทางชัน และระบบควบคุมความเร็ว ขณะลงทางชัน ซึ่งล้วนอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับและช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณในทุกการเดินทาง


ในค่ำคืนนั้นก็ได้มีการจัดดินเนอร์รอบกองไฟพร้อมกับความสนุกสนานของกิจกรรม ให้บรรยากาศของการออกแคมป์ และการตอนในเต้นท์แบบทันสมัย และในยามเช้าก็ได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษอย่างเวิร์คช็อปการถ่ายภาพเอาท์ดอร์กับช่างภาพคนดัง “ชัชวาล จันทโชติบุตร” ที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของไลก้า ประเทศไทย ที่มาแนะนำถึงเทคนิคการถ่ายภาพที่ช่วยให้ภาพออกมาดูโดดเด่นและแตกต่าง

เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ได้สัมผัสครบทุกอารมณ์ทั้งความหรูหราในการเดินทาง ความเร้าใจของการลุยขับรถแบบออฟโรด และความสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ ของทริป Chevrolet Glamping The Ultimate Life นี้

เทคนิคการขับรถออฟโรด
1. วิธีจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง
วางมือของคุณบนพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ 9 นาฬิกา จับพวงมาลัยให้กระชับโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชี้ขึ้น ไม่ควรสอดนิ้วโป้งเข้าไปในพวงมาลัยเมื่อต้องขับขี่แบบออฟโรด เพราะเมื่อรถยนต์ชนกับหินหรืออุปสรรคอื่นๆ พวงมาลัยจะหมุนอย่างรวดเร็วและอาจจะทำให้นิ้วโป้งหรือข้อมือของคุณได้รับบาดเจ็บ

2. การเพิ่มแรงฉุดลาก ในการตะลุยบนเส้นทางออฟโรด
เมื่อต้องขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ไม่แน่น ลาดชัน หรือเปียกลื่น: อย่าเหยียบคันเร่งมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้รถเสียการทรงตัวบนถนนที่พื้นผิวไม่แน่น ทำให้ควบคุมรถได้ยาก
ใช้เกียร์ต่ำ และขับช้าๆ หากเป็นไปได้ ทั้งในขณะขึ้นและลงเขา
ชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงยอดเขา
ห้ามลงเขาด้วยเกียร์ว่างในตำแหน่ง N (Neutral)
เมื่อต้องขับรถลงเขา บังคับพวงมาลัยให้ตรง และใช้เกียร์ต่ำ เพราะกำลังเครื่องจะส่งไปยังเบรก เพื่อชะลอความเร็วและช่วยให้สามารถควบคุมรถยนต์ได้


3. วิธีออกตัวอีกครั้ง เมื่อเครื่องยนต์ดับ
เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ เปลี่ยนเกียร์ให้อยู่ที่ตำแหน่ง P (Park) จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง
หากรถดับเมื่อกำลังขับขึ้นเขา ให้เปลี่ยนเกียร์ไปที่ R (Reverse) ปล่อยเบรก และถอยตรงลงมา อย่าพยายามกลับรถ ถ้าเนินลาดชันมากจนทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ก็สามารถทำให้รถคว่ำได้เช่นกัน
หากรถดับเมื่อกำลังขับลงเขา ให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำ ปล่อยเบรก และขับตรงลงเขา
หากไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งได้ ให้ดึงเบรกมือ เปลี่ยนเป็นเกียร์ P (Park) และดับเครื่อง ลงจากรถและขอความช่วยเหลือ

4. การขับขี่ผ่านน้ำลึก
ถ้าน้ำไม่เชี่ยวและระดับน้ำไม่ลึก ให้ขับผ่านอย่างช้าๆ ถ้าขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป จะทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ และสามารถทำให้เครื่องยนต์ดับได้
ก่อนที่จะขับลงไปในน้ำ ให้ปิดแอร์และเปิดกระจกทั้ง 4 บาน
ค่อยๆ ขับลงน้ำด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเพิ่มความเร็วเป็น 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่ออยู่ในน้ำ
เมื่อขับรถพ้นจากน้ำ ให้เหยียบเบรกหลายๆ ครั้ง เพื่อรีดน้ำออกจากผ้าเบรค

Comments are closed.

Pin It