ลมหนาวปลายปีเริ่มโชยมา หลายคนอาจจะกำลังวางแผนเดินทางไปพักผ่อน ให้รางวัลกับตัวเอง ถือเป็นการชาร์จพลังก่อนมาลุยงานต่อในปีหน้า โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเปิดโลกกว้าง คือ สิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันและหลายคนชื่นชอบ ที่ผ่านมาเรามักมุ่งไปยังประเทศ และเมืองที่คุ้นเคย จนปิดโอกาสที่จะได้สัมผัสเมืองและสถานที่แปลกใหม่ซึ่งมีอีกมาก โอกาสนี้ ขอนำเสนอ 10 ประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป ที่มีสถานที่น่าสนใจซ่อนอยู่…ไม่ไปไม่รู้ มานำเสนอให้พิจารณาก่อนเดินทาง เริ่มจากใกล้ๆ บ้านเรา บินเที่ยวแถบ “เอเชีย”
1.ญี่ปุ่น
เมื่อกล่าวถึงญี่ปุ่น หลายคนอาจนึกถึงเมืองท่องเที่ยวอย่าง โตเกียว, โอซากา, ฟุกุโอกะ, เซนได,
ซัปโปโร แต่อาจลืมว่า นาโกยา เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เสน่ห์แรงไม่แพ้เมืองไหน และน่าไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว ทั้งสถานที่ทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ช้อบปิ้ง ของกินแสนอร่อย อาทิ ปราสาทนาโกยา แลนด์มาร์คสำคัญ ดึงดูดด้วยศิลปะงดงามแบบโบราณสมัยเอโดะ ล้อมรอบไปด้วยความสวยงามธรรมชาติ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ชวนเก็บภาพสวยๆ สวนชิโรโทริ เทอิเอ็น ใครชอบสวนแบบศิลปะของญี่ปุ่นต้องห้ามพลาด เพราะนี่คือสวนแบบญี่ปุ่นขนานแท้ นอกจากความสวยงามของสวนแล้ว ยังสามารถเดินเล่นบนก้อนหินในสระน้ำได้ด้วย พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท่าเรือนาโกยา ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเท่านั้น แต่ยังมีห้างสรรพสินค้า สวนสนุก รวมถึงการจัดนิทรรศการของสัตว์น้ำทางทะเล และการแสดงของโลมาแสนรู้ให้ชมทุกวัน ปราสาทอินุยามะ เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีความสวยงาม สงบ และเหมาะกับใครที่ชอบเก็บภาพสวยๆ เพราะรายล้อมด้วยธรรมชาติสวยงาม เก่าแก่กว่า 500 ปี
2.เกาหลี
เมื่อไปเที่ยวเกาหลีใต้ หลายคนมักนึกถึงกรุงโซล หนาวๆ แบบนี้ อยากชวนไปสัมผัสเสน่ห์ของ
“ปูซาน” กันบ้าง เพราะเต็มไปด้วยแลนด์มาร์คน่าไปเช็คอิน อาทิ วัดแฮดงยงกุกซา (Haedong Yonggungsa Temple) เพื่อความเป็นสิริมงคล ควรเริ่มต้นกันที่วัดเก่าแก่อายุเกือบพันปีของปูซานแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาหันหน้าสู่ทะเล สร้างขึ้นราว ค.ศ.1376 ถือเป็นจุดยอดนิยม ที่หลายคนตั้งใจเดินทางมารับแสงแรกของปีใหม่ เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปีตามความเชื่อ และยังเป็นหนึ่งในจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดด้วย วัดโพโมซา (Beomeosa Temple) มีอายุมากถึง 1300 ปี สร้างราวปลายศตวรรษที่ 7 ในยุคอาณาจักรชิลลา เป็นสถานที่เต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับตั้งแต่ประตูทางเข้า นอกจากนี้ ยังมีงานศิลปกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์จำนวนมาก ชายหาดซองโด (Songdo Beach) มีป่าสนปลายหาดให้ได้เดินเล่นลัดเลาะไปชม นอกจากนี้ ยังมีทางเดินยื่นยาวลงไปในทะเล พื้นเป็นกระมองลงไปเห็นน้ำทะเลใสๆ แต่ถ้าอยากตื่นเต้นมากกว่านี้ ให้ลองขึ้นกระเช้าลอยฟ้านั่งข้ามจากหาดซองโด ไปเกาะยองโด
3.อินโดนีเซีย
สำหรับหน้าหนาวแบบนี้ ขอแนะนำให้รู้จักกับที่เที่ยวอินโดนีเซียหลากหลายแนว เริ่มจาก บาหลี (Bali) เป็นเกาะหนึ่งที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนให้มาเที่ยวในทุกๆ ปี นอกเหนือจากจะมีที่เที่ยวมากมาย และ เต็มไปด้วยอารยธรรมที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์จนถึงทุกวันนี้ บาหลียังมีที่เที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งวัดวาอาราม รวมไปถึงสถานที่สำคัญๆ เชิงวัฒนธรรมอีกมากมาย “พิพิธภัณฑ์อาร์มา” (Arma) ที่นี่จะทำให้เราเข้าถึงศิลปวัฒนธรรมของบาหลี ได้ชมมรดกทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และหาชมได้ยาก ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงภาพวาด และงานศิลปะของจิตรกรชื่อดัง นอกเหนือจากส่วนจัดแสดงศิลปะแล้ว ยังมีห้องสมุด โรงละคร และเวิร์กช็อปให้ได้ร่วมสนุก รวมถึงการแสดงดนตรีด้วย อุทยานวัฒนธรรมการูด้าวิสนูเควนนา (Garuda Wisnu Kencana Cultural Park – GWK) เป็นอุทยานวัฒนธรรมสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของบาหลี โดดเด่นด้วยรูปปั้นองค์ครุฑ (Garuda Wisnu Kencana) สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของที่นี่และยังมีรูปปั้นสวยๆ ให้ชมมากมาย วัดปรัมบานัน (Candi Prambanan) เป็นวัดของชาวฮินดูใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตาไปประมาณ 18 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1390 ก่อนจะมีการบูรณะขึ้นใหม่ จนได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลก
4.เวียดนาม
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวบินไม่ไกลไปเที่ยวง่าย ใช้เวลาไม่นาน แม้มีวันหยุดไม่มากก็ไปได้เพราะเวียดนามอยู่ใกล้เมืองไทยมาก แถมค่าครองชีพก็ไม่สูงมาก สถานที่น่าเที่ยว อย่างเช่น Nha Trang เมืองญาจางหรือเมืองนาตรัง เมืองตากอากาศติดชายทะเล อยู่ไม่ไกลจากโฮจิมินห์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงจากทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและชาวเวียดนามเอง เพราะมีวิวทิวทัศน์ชายหาดสวยงาม และหากอยากได้รูปถ่ายสไตล์สนุกสนาน เมืองดาลัด (Dalat) เมืองนี้อยู่ไม่ห่างไกลจากโฮจิมินห์มากนัก เป็นเมืองที่บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย โดดเด่นด้วยทุ่งดอกไม้ เหมาะกับการถ่ายรูป นอกจากนั้นก็ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ ให้นั่งชิลล์ๆ รวมไปถึงทะเลสาบสวยๆ เป็นเมืองที่ถ่ายรูปสวยทุกมุม และหากไปเยือนเมืองฮานอย ก็อยากให้ได้ไปเที่ยวแลนด์มาร์คอย่าง เมืองฮอยอัน (Hoi An) เมืองเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยบ้านเรือนสีเหลืองที่ยังคงความโบราณเอาไว้ มีที่เที่ยวมากมาย อาทิ วัด บ้านเก่า สะพานญี่ปุ่น และมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย รับรองเลยว่าคุณจะหลงรักเมืองเก่าแห่งนี้แน่นอน “เกาะฟู้โกว๊ก” (Phú Quoc) เป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ของเวียดนามที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน เป็นเกาะที่เน้นความเงียบสงบ และมีความเป็นส่วนตัวสูง ความโดดเด่นที่ดึงดูดให้ผู้คนมากมายมาเที่ยวที่เกาะนี้ เพราะว่าขึ้นชื่อเรื่องน้ำทะเลที่ใสสะอาด สามารถดำน้ำตื้นได้ และยังมีความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลอยู่มาก และอีกแห่งที่น่าเที่ยวคือ “เว้” (Hue) แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่เป็นเมืองมรดกโลกที่น่าสนใจ และเป็นเมืองเก่าของราชวงศ์เหงียน มีโบราณสถานสำคัญอยู่มาก ใครที่อยากเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เมืองเว้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี
5.จีน
หน้าหนาวนี้ขอแนะนำเป็นเมืองใหม่น่าเที่ยวของประเทศจีนนั่นคือ “กวางโจว” มีสถานที่ชวนไป
ชิลล์ ชม ช้อปฯ รับลมหนาวมากมาย อาทิ อนุสาวรีย์แพะห้าตัว (Yuexiu Park) ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมือง ตั้งอยู่ในสวน Yuexiu Park ใจกลางเมือง บริเวณโดยรอบเป็นสวนสาธารณะ มีต้นไม้เขียวขจี ชาวกวางโจวนิยมออกมาพักผ่อนหย่อนใจกัน แคนตันทาวเวอร์และตัวเมืองกวางโจว (Canton Tower and Guangzhou City) ตึกระฟ้าแสนทันสมัยในเขตเมืองใหม่ แคนตันทาวเวอร์ (Canton Tower) ที่สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมืองได้ วัดลิ่วหรงซื่อ หรือวัดไทรหกต้น (Liurong Temple or Temple of the Six Banyan Trees) ถือเป็นวัดเก่าแก่ของเมือง อายุนับพันปี มีจุดเด่นคือเจดีย์ขนาดใหญ่แบบจีน สูงถึง 9 ชั้น มีชื่อเรียกว่าเจดีย์ดอกบัว เจ้าแม่กวนอิมเขาเหลียนฮัวซาน (Guanyin of Lianhua Shan) เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่หล่อด้วยทองเหลืองผสมทองคำสูง 41 เมตร และมีเจดีย์ดอกบัวขนาด 9 ชั้นที่สูงไม่แพ้กัน คือ 50 เมตร นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล สวนเป่าม่อ (Baomo Garden) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ของกวางโจว หรือเรียกอีกอย่างว่า สวนเปาปุ้นจิ้น เพราะเล่ากันว่าสวนแห่งนี้ท่านเปาชอบมานั่งพักผ่อน ทั้งยังมีสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณงดงามและล้ำค่าให้ได้ชม ไฮไลท์ คือ สะพานมังกรและปลาคาร์ปที่มีอยู่มากกว่า 20,000 ตัว
เที่ยวเอเชียกันแล้ว คราวนี้บินไปยุโรป กันบ้าง มีหลายประเทศหลายเมืองยอดนิยม แต่ครั้งนี้ เราจะไปเยือนเมืองและสถานที่น่าสนใจ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ เริ่มที่
6.ออสเตรีย (Austria)
ใครที่หลงใหลดนตรีคลาสสิก ศิลปะ ความงดงามแห่งศิลปะ และสถาปัตยกรรม ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก ต้องนึกถึง เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ อันขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแสนสะอาดรายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา ทั้งเมื่อปี 2014 ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาทิ พระราชวังมรดกโลก-พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก สร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 17 หลังจากชมวังสวยๆ กันแล้ว ควรไปเดินเพลินๆ ที่ จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางกรุงเวียนนา ผู้คนมากมายนิยมมาเที่ยวที่จัตุรัสแห่งนี้ เพราะเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen) สัญลักษณ์ของเมืองและสำคัญที่สุดของออสเตรีย ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่อ่อนช้อยงดงามมาก จากนั้นมาต่อกันที่ บ้านดนตรี (House of Music) ก็ถือว่าพลาด ภายในบ้านดนตรีได้จัดสรรพื้นที่เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ทางดนตรีของเหล่าศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง บีโธเฟ่น (Ludwigvan Beethoven),โมสาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart), โยฮัน สเตราส (Johann Strauss) จากนั้น แวะไปผ่อนคลายที่ สวนสนุกพราเตอร์ (Prater) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย และมี ชิงช้าสวรรค์ (Riesenrad) ขนาดยักษ์สูงกว่า 200 ฟุต เป็นชิงช้าสวรรค์ที่อยู่คู่เวียนนามาตั้งแต่ ค.ศ.1879 เมื่อขึ้นไปนั่งจะได้ชมวิวแสนวิเศษ
7.เบลเยียม (Belgium)
แม้ว่า “เบลเยียม” (Belgium) จะโด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลต แต่ประเทศนี้ยังมีมนต์เสน่ห์อีกหลายอย่างรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ประเทศเล็กๆ แห่งนี้แสนสงบ อากาศก็ดี อุณหภูมิเฉลี่ย 5-18 องศาเซลเซียส ตลอดปี น่าไปชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ โดยเฉพาะ “กรุงบรัสเซลส์” (Brussels) เมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสหภาพยุโรป มีความงามเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย มีไฮไลท์อย่าง ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเเบบโกธิกตั้งแต่ยุคกลาง ตระหง่านมั่นคงมาถึงปัจจุบัน จุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆังที่สวยงามมาก จัตุรัสกรองด์ ปลาส (Grong Plas) สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียม อายุกว่า 400 ปี ถือเป็นจุดบังคับทุกกรุ๊ปทัวร์ต้องมา เพราะสวยงามติดอันดับต้นๆ ของทวีปยุโรป เเวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่สถาปัตยกรรมเเบบบาร็อก, โกธิก เเละนีโอโกธิก เเต่ละอาคารที่โอบล้อม ล้วนสูงตระหง่านสง่างาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1983 และอีกแห่ง มหาวิหารเซนต์ไมเคิล (Cathedral of St. Michael and St.Gudula) สถานที่สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ของเบลเยียม มีการขุดพบฐานรากของสิ่งก่อสร้างที่มีมาตั้งเเต่สมัยโรมัน เป็นสถาปัตยกรรมเเบบโกธิกที่สวยงามโดดเด่นเเปลกตา
8.นอร์เวย์ (Norway)
นอร์เวย์ (Norway) สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของนักเดินทางทั่วโลก ด้วยที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอลังการมากมาย ทั้งภูเขา น้ำตก ท้องทะเล และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการไปดูแสงเหนืออีกด้วย ใครที่อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่สวย ๆ สุดอลังการ บอกเลยว่านอร์เวย์เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับคุณมาก ๆ เริ่มที่เมืองหลวง ออสโล (Oslo) เอกลักษณ์ของที่นี่คือมีสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่สวยงามมากมาย มีทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และโรงละคร นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคลับบาร์ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ Nidaros Cathedral วิหารที่มีความเก่าแก่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ทั้งภายในและภายนอกออกแบบอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง ด้านในมีทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวด้านบนวิหารด้วย Reine หมู่บ้านชาวประมงบนเกาะ Lofoten มีบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบ บ้านเรือนเป็นแบบดั้งเดิมมีสีสันสดใส ชวนให้หลงใหล ยิ่งในฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมทั้งภูเขา และบ้านเรือน ยิ่งสวยงามราวกับดินแดนในฝัน Latefossen น้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของเมือง Hordaland เป็นสถานที่ต้องห้ามพลาด เพราะน้ำตกแห่งนี้มีความสูงประมาณ 165 เมตร มีลักษณะเป็นสายน้ำ 2 สาย ไหลลงมาบรรจบกันที่ทะเลสาบ Lotevatnet และอยู่ติดถนนสาย Norwegian National Road 13 ที่นี่จึงเป็นจุดแวะพักยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
9.รัสเซีย (Russia)
นับตั้งแต่ “รัสเซีย” หรือสหพันธ์สาธารณรัฐรัสเซียเปิดออก นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกก็หลั่งไหลเดินทางไปเยือนปีละหลายล้านคน เพื่อสัมผัสกับศิลปวัฒนธรรม และศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ “กรุงมอสโก” เมืองหลวง ที่วันนี้ได้พลิกโฉมเป็นมหานครทันสมัย รวมไว้ด้วยสถาปัตยกรรมสุดตระการตาผสานกับวัฒนธรรมที่โดดเด่น สถานที่สำคัญน่าชม อาทิ จัตุรัสแดง (Red Square) เป็นดั่งใจกลางเมืองมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด เพื่อชมความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่รายรอบ ต่อมา พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace) ถือเป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางดีที่สุดในยุโรป และเป็นเสมือนหัวใจของคนในกรุงมอสโก เพราะตามความเชื่อโบราณของชาวรัสเซียน สถานที่แห่งนี้เปรียบดั่งที่ทรงสถิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า อดีตเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์ ศูนย์การค้ากุม (GUM) เป็นศูนย์การค้าเก่าแก่ สวยงาม หรูหรา และใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโก สร้างเมื่อปี 1895 ตั้งอยู่บริเวณลานกว้างในย่านจัตุรัสแดง ใครตั้งใจจะมาช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมถือว่ามาถูกทาง เพราะมีช็อปแบรนด์ดังเปิดบริการมากมาย และพลาดไม่ได้ สถานีรถไฟใต้ดิน มอสโก (Moscow Metro) ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชาวรัสเซียนสามารถอวดชาวต่างชาติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นชาตินิยมและวัฒนธรรมประเพณีอันสวยงาม โดยเฉพาะสถานีกลางกรุงมอสโก ได้รับการโหวตว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก
10.สวีเดน (Sweden)
เป็นที่รู้จักในนามดินแดนดวงอาทิตย์เที่ยงคืน และดินแดนแห่งไวกิ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปราถนาจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองหลวงอย่าง กรุงสต็อกโฮล์ม โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก (Baltic Sea) ทะเลสาบมาลาเร็น (Lake Malaren) ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ต้องไปเยือน อาทิ พระราชวังหลวง (Stockholms slott) เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์สวีเดน กล่าวกันว่า ที่นี่คือพระราชวังที่งดงามที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของทวีปยุโรป “ย่านเมืองเก่า” (Gamla Stan) ย่านเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อีกหนึ่งแลนมาร์กที่น่าตื่นตา เพียงย่างเท้าเข้าไปในย่านนี้ ก็เหมือนหลุดมิติไปอยู่ในช่วง ศตวรรษที่ 13 ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบสวีเดน ที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม (Stockholm City Hall) มีการตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาราวกับพระราชวัง ด้วยศิลปะอาร์ตนูโว หลังคาฝ้าเพดานของห้องประชุมออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับท้องเรือไวกิ้ง เสมือนกำลังแล่นไปบนผืนน้ำทะเลสีฟ้า สถานีรถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม (Stockholm Metro) ได้รับการยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ยาวที่สุดในโลก และติดอันดับ 1 ใน 7 ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก มีจำนวน 100 สถานี 10 เส้นทาง รวมระยะทางยาว 110 กิโลเมตร ทุกสถานีมีเอกลักษณ์น่าตื่นตาตื่นใจ
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวที่ต่างประเทศกันแล้ว และวันนี้สายการบินแห่งชาติ “การบินไทย” ทำให้การบินไปเที่ยวทั่วโลกช่วงหน้าหนาวนี้นั้น แสนง่าย สะดวกสบาย กับโปรโมชั่นต้อนรับฤดูหนาว “Hello Winter” ชวนเที่ยวเอเชีย ราคาบัตรโดยสาร ไป-กลับ/ท่าน ราคาเริ่มต้นเพียง 6,280บาท และเที่ยวยุโรป ไป-กลับ ราคาบัตรโดยสาร/ท่าน เริ่มต้นเพียง 22,410 บาท จองบัตรโดยสารได้แล้วตั้งแต่ วันนี้ ถึง 31 ม.ค. 63 เริ่มเดินทางตั้งแต่ วันนี้ ถึง 31 ก.ค. 63 (หมายเหตุ : บัตรโปรโมชั่นนี้ ขอสงวนสิทธ์ไม่อนุญาตให้เดินทาง ช่วงวันที่ 25-31 ธ.ค. 62/1-3 ม.ค.63/3-6,10-14 เม.ย. 63/1-5 พ.ค. 63/3-6 ก.ค.63) พร้อมบริการแบบ Full Serveries สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม สนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพียงคลิก https://bit.ly/2S7qCll
Comments are closed.