เมื่อเราพูดถึงประเทศแถบยุโรปหลายคนก็มักจะนึกถึงบรรยากาศแห่งการกิน ดื่ม ชอป ไลฟ์สไตล์แบบเมืองๆ แต่การท่องเที่ยวครั้งนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นการเที่ยวในชนบทที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์มากมาย ในประเทศกลุ่มบอลติก ได้แก่ ลัตเวีย เอสโตเนีย และฟินแลนด์ ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมขาวพิสุทธิ์แทบทุกอณู
:: ลัตเวีย (Latvia)
จุดมุ่งหมายแรกของการเยือน คือ ที่คฤหาสน์มาซเมซอตเน (Mazmezotne Manor) ซึ่งเป็นสถานที่ที่สวยงาม ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งที่พัก ร้านอาหาร สถานที่จัดเลี้ยงสำหรับจัดงานสัมมนา ปั่นจักรยาน พายเรือ และเดินป่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ที่นี่รีโนเวตมาจากคอกม้าและโรงนา มีห้องโถงกว้างขวางสำหรับจัดงานเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน สัมมนา คอนเสิร์ต และนิทรรศการ
และหนึ่งในบ้านบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของสปาคอมเพล็กซ์ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงห้องซาวน่า และอ่างน้ำร้อนกลางแจ้ง เหมาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่จะได้มาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ใกล้ๆ กันเป็นบ้านปล่องไฟแบบเปิด มีนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการปลูกหัวผักกาด และอุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาลในลัตเวีย (Note : คฤหาสน์มาซเมซอตเน ตั้งอยู่ที่ Rundāle parish, Bauska region LV3921 โทรศัพท์ +371 257 722 69 อีเมล info@mazmezotne.lv หรือคลิก Mazmezotne Manor )
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง “Ķiploku pasaule” หรือ โลกของกระเทียม ซึ่งเป็นบ้านในชนบทที่ทำฟาร์มปลูกกระเทียมและผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งดอกกระเทียมดอง น้ำพริกกระเทียมแบบยุโรป เพสโต้กระเทียม คาราเมลกระเทียม รวมถึงเบียร์ที่ผลิตมาจากกระเทียมอีกนั่นเอง รสชาติดีไม่เบา และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการได้ลิ้มรสชาติขนมปังจิ้มกับกระเทียมที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วอย่างเอร็ดอร่อย (Note : ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ Annas, Uzvaras līdums, Olaines pagasts, Olaines novads, LV-2127 โทรศัพท์ +371 29 206 015 อีเมล kiplokupasaule@gmail.com หรือคลิก Ķiploku pasaule )
ในชนบทของลัตเวียอีกเขตหนึ่งยังมี “คฤหาสน์บรันตู” (Brantu Manor) ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันเป็นของ “อิลเซ เบรียด” ชาวลัตเวีย ที่มีชื่อเสียงในการทำขนมปังของลัตเวีย และ “นอริส ซูติส” เจ้าของ “โรงเรียนซาวน่า” ซึ่งเขาซื้อคฤหาสน์สองหลังเมื่อปีที่ผ่านมาและอยู่ในช่วงกำลังปรับปรุง โดยส่วนที่ทำมาก่อนแล้วภายในเปิดให้มีการเวิร์กชอปทำขนมปัง อาหาร ทัศนศึกษา และลิ้มลองอาหารลัตเวียแบบดั้งเดิม และที่ประจำใจที่สุดก็เห็นจะเป็นการได้มีโอกาสชิมน้ำจากเบิร์ช (Birch) ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งใบบางผลัดใบในช่วงฤดูหนาว ที่เติบโตได้ดีในประเทศแถบนี้ เพราะมีความทนต่ออากาศหนาวเย็นได้เป็นอย่างดีและเติบโตในช่วงฤดูร้อน (Note : Brantu muiža, Brantu pagasts, Smiltenes novads, LV-4708, Latvia โทรศัพท์ +371 29168314 อีเมล info@pirtsskola.lv หรือคลิก Brantu Manor )
4 กิโลเมตรจากที่นี่เป็นฟาร์มชื่อ “บีร์ซี” (Birzi) ซึ่งปกติถ้ามาในช่วงฤดูร้อนจะได้มีโอกาสเดินทัวร์ในไร่ แต่ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะอากาศข้างนอกหิมะปกคลุมไปทั่วบริเวณ และยากต่อการเดินชม ซึ่งในฟาร์มแห่งนี้มีต้นเมเปิล ต้นเบิร์ช และวอลนัต มากกว่า 300 ชนิด หลายปีที่ผ่านมาครอบครัวลาบานอฟสกีส์ (Labanovskis) ได้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากต้นเบิร์ชและเมเปิลหลากหลายชนิดให้เป็นที่นิยม ทั้งไวน์ น้ำผลไม้ และไซรัป ที่ได้รับแนวคิดการผลิตมาจากแคนาดา จนสร้างเป็นธุรกิจขายน้ำผลไม้และไวน์ชั้นดีในชื่อ “เออร์วินส์” (Ervins) ซึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากครอบครัวเกี่ยวกับการสะกัดน้ำที่อยู่ภายในต้นไม้ออกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอันทรงคุณค่า (Note : ตั้งอยู่ที่ “Kainaiži” Brant parish, Smiltene region, LV-4708 โทรศัพท์ + 371-291-999-82 อีเมล birzi@birzi.lv หรือคลิก Birzi )
:: เอสโตเนีย (Estonia)
ขึ้นเหนือมายังประเทศเอสโตเนีย สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทยังดินแดนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาวนั้น ประเพณีเกี่ยวกับซาวน่าจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะซาวน่าควัน ที่ “โวโรมา วิลล่า” (Võromaa) ซึ่งถือปฏิบัติมานานในเอสโตเนียตอนใต้ จนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรม จากยูเนสโก ที่ “มูสกา ฟาร์ม” (Mooska Farm) ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมของเอสโตเนียเหล่านี้ได้ ด้วยทำเลที่ตั้งอันทรงพลัง ณ เชิงเขาวัลลาแม (Vällamäe) ที่อยู่ท่ามกลางชนบททางตอนใต้ของเอสโตเนียอันสวยสดงดงาม และเชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืนกับวิถีชีวิตในไร่นากับสัตว์ป่าและมรดกของบรรพบุรุษ โดยครอบครัวของ “วีโรจา” (Veeroja) ได้แบ่งปันประสบการณ์และค่านิยมในการดำเนินชีวิต รวมถึงแนะนำมรดกท้องถิ่นแก่ผู้มาเยือนอันภาคภูมิ รวมถึงอาหารท้องถิ่นดั้งเดิมอีกด้วย (Note : มูสกา ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ Haanja village, Haanja parish Võrumaa 65601 Estonia โทรศัพท์ +372 503 2341 หรือคลิก Mooska Farm )
จากนั้นในช่วงกลางคืนได้เช็กอินเข้าพักที่ “โอบิคุโอรุ วิลล่า” (Ööbikuoru Villa) ที่พักสุดโรแมนติกตั้งอยู่ติดทะเลสาบท่ามกลางหมู่มวลหิมะอันขาวพิสุทธิ์ทางตอนใต้ของเอสโตเนีย ซึ่งที่นี่นอกจากจะมีอาหารท้องถิ่นเลิศรสและซาวน่าเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้แก่ร่างกายแล้ว ถ้ามาในช่วงฤดูร้อนที่นี่จะเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น กีฬากลางแจ้งทั้งบนบกและในทะเลสาบ งานแต่งงานอันโรแมนติก และคอนเสิร์ตสุดเพริศพริ้ง (Note : ที่พักตั้งอยู่ที่ Villa Nightingale, Tiidu village, Rõuge vald, Võrumaa county, 66296 Estonia โทรศัพท์ +372 509 9666 อีเมล villa@oruvilla.ee หรือคลิก Ööbikuoru Villa )
ไฮไลต์อีกแห่งหนึ่งที่มาเยือนเอสโตเนียแล้วไม่มาไม่ได้นั่นก็คือ ฟาร์มชีส ที่ “อังเดร ชีส ฟาร์ม” (Andre Cheese Farm) ตั้งอยู่ใน “ตาร์ทูมา” (Tartumaa) ซึ่งเขาเป็นผู้ผลิตรายย่อย แต่ขนาดของพื้นที่และขั้นตอนการผลิตนั้นเทียบเท่ากับผู้ผลิตขนาดใหญ่เลยทีเดียว โดยจุดเริ่มต้นเมื่อ 24 ปีก่อน “อังเดร” และภรรยา “เอริกา ปาบัส” (Erika Pääbus) ได้ไปเรียนรู้การผลิตชีสที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่จะกลับมาเตรียมความพร้อมและสรรพกำลังในการที่จะมุ่งมั่นทำฟาร์มชีส โดยเริ่มจากวัว 20 ตัว จนปัจจุบันมีมากกว่า 360 ตัว
พร้อมประสบการณ์อันเต็มเปี่ยมที่จะตอบได้ว่า นมกลายมาเป็นชีสได้อย่างไร?, ชีสเอสโตเนียที่ดีที่สุดในโลกทำอย่างไร? ทั้งหมดนี้คำตอบอยู่ในฟาร์มของอังเดรหมดแล้ว! จากนั้นจึงโฉบหลังห้องผลิตและห้องเก็บชีสไปทักทายกับเจ้าลูกวัว พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ชั้นดี พร้อมด้วยอาหารอันโอชะที่พวกมันโหยหา ก่อนจะปิดท้ายด้วยการแวะไปชิมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของอังเดร ชีส ฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นชีสหลากหลายรสชาติ ผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นของใช้ และบริโภคมากมาย (Note : ฟาร์มตั้งอยู่ที่ Valvikese Village, Kambja Parish 62026 Tartu, Estonia อีเมล Erika@andrefram.ee หรือคลิก Andre Cheese Farm )
เดินทางต่อมาอีกก็มีเรื่องให้ทำสนุกๆ ที่พิพิธภัณฑ์นมเอสโตเนีย (Estonian Dairy Museum) ซึ่งเป็นเวิร์กช็อปทำขนมจากนมเคลือบช็อกโกแลต เมื่อย่างก้าวเข้ามาภายในมิวเซียมก็จะพบกับมัคคุเทศก์สาวที่แต่งองค์ด้วยชุดพื้นเมืองสไตล์เอสโตเนียน ก่อนที่จะพาเดินชมห้องหับต่างๆ ที่จัดแสดงที่มาที่ไปและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการรีดนมและการเก็บนมของชาวเอสโตเนียนในอดีตเพื่อเตรียมไว้บริโภคทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวที่ต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ
ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทำขนมจากนมแล้วนำไปเคลือบช็อกโลแต ที่เริงร่าสุดก็ตอนที่มัคคุเทศก์เอสโตเนียนเธอบรรเลงเพลงดั้งเดิมด้วยหีบเพลงบายันสไตล์รัสเซียนแต่ชวนเต้นรำไม่หยุดหย่อน (Note : มิวเซียม ตั้งอยู่ที่ H. Rebase str. 1, Imavere Järvamaa, Estonia, 72401 โทรศัพท์ +372 389 7533, +372 503 3886 อีเมล info@piimandusmuuseum.ee หรือคลิก Estonian Dairy Museum )
เปลี่ยนบรรยากาศจากภายในมิวเซียมที่เต็มไปด้วยเรื่องราว มายังซาฟารีสุดหฤหรรษ์ที่ “ตูซิกันนู ไวลด์ไลฟ์ ปาร์ก (Toosikannu Wildlife Park) ซึ่งการจะมาท่องซาฟารีที่นี่จะต้องมาเริ่มต้นที่จุดสตาร์ทเพื่อวอร์มอัพร่างกายด้วยชาและกาแฟ ก่อนจะมีชายหนุ่มเอสโตเนียมรูปงามขับรถมินิมัสสีเหลืองสุดวินเทจราวกับรถโรงเรียนมารับ เพื่อขับมุ่งหน้าไปยังเขตป่าสงวนส่วนตัวของเอกชนรายหนึ่งซึ่งมีพื้นที่หลายพันเอเคอร์ ซึ่งระหว่างที่ท่องซาฟารีก็จะได้พบสัตว์ป่าที่มีลักษณะเฉพาะของเอสโตเนีย อาทิ กวางแดง กวางมูส กวางโร หมาจิ้งจอก และกระต่าย เป็นต้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ส่วนใหญ่ตัดสลับกันระหว่างแมกไม้กับมวลหิมะอันขาวพิสุทธิ์ ( Note : ติดต่อเกี่ยวกับการเข้าชมซาฟารี คลิก Toosikannu Wildlife Park)
ตกค่ำเลยขึ้นมาเช็กอินที่พักที่โรงแรมเรดิสสัน คอลเลกชั่น ทาลลินน์ (Radisson Collection Hotel, Tallinn) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงทาลลินน์ ของประเทศเอสโตเนีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลบอลติกทางด้านเหนือของประเทศ อยู่ห่างจากกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เพียง 80 กิโลเมตร เรดิสสัน คอลเลกชั่น ทาลลินน์ เป็นโรงแรมแบบฮิปๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ การบริการที่พักที่มีมากถึง 287 ห้อง พร้อมห้องอาหารเช้าและอาหารค่ำ ที่จอดรถส่วนตัว ห้องออกกำลังกาย และบาร์ ตกแต่งแบบร่วมสมัย สามารถเดินชมเมืองอันโรแมนติกได้อย่างสะดวกสบาย (โรงแรมตั้งอยู่ที่ Vabaduse Väljak 3, 10141 Tallinn, Estonia โทรศัพท์ +372 502 5001 คลิก Palace Hotels )
:: ฟินแลนด์ (Finland)
มื้อเย็นนี้ที่ฟินแลนด์ ได้ฝากท้องไว้กับครอบครัวเลน (Laine Family) ที่ประกอบไปด้วย ผู้หญิงเก่งของบ้านอย่าง “ริตตา เลน” (Riitta Laine) ที่มีอาชีพเป็นจัดสวนชื่อดังของฟินแลนด์ และ “เจอร์รี เลน” (Jerri Laine) สามีของเธอที่เป็นอดีตนักการทูต ประจำสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยลูกชายวัยรุ่นสองคน ปัจจุบันเธอได้เปิดบ้านริมทะเลสาบโลห์จันจาร์วี (Lohjanjärvi) ในเมืองโลห์จา (Lohja) ที่ห่างออกมาจากเมืองหลวงเฮลซิงกิ (Helsinki) ราว 70 กิโลเมตร เพื่อรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบกาณ์แบบชนบทของฟินแลนด์
บรรยากาศรอบบ้านของเธอโรแมนติกเหนือคำบรรยาย โดยเฉพาะในช่วงก่อนพระอาทิตย์ลับขอบปุยหิมะยามเย็น ก่อนอื่นเลยเธอชวนไปนั่งชมวิวริมทะเลสาบในห้องกระจกซึ่งให้ความอบอุ่นระดับหนึ่ง เธอชวนเขียนโปสการ์ดภาพถ่ายมุมสวยๆ ของฟินแลนด์เพื่อส่งกลับมายังประเทศไทย ความรู้สึก ณ เวลานั้นเหมือนเราได้นั่งชมวิว จิบไวน์ และนั่งรำพันถึงคนที่เราคุ้นเคยอย่างเพลิดเพลิน จนถึงเวลาที่ต้องเคลื่อนตัวขึ้นมายังห้องอาหารที่เปิดโล่งเชื่อมกันระหว่างห้องครัวกับโต๊ะอาหารมื้อค่ำ
การได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน พลันนั้นก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือในการปรุงอาหารได้สร้างอรรถรสของการดินเนอร์แบบผสมผสานระหว่างความเป็นชาวฟินแลนด์กับชาวไทยได้อย่างเต็มเปี่ยม หลายเรื่องราวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเหมือนเราคุ้นชินกันมานมนาน ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงอาหารมื้อค่ำอันมีเรื่องราว ประกอบด้วย ซุปเห็ด สลัดผักสด ปลาชนิดต่างๆ กับมันฝรั่ง และซอส สำหรับของหวานอย่างพายบลูเบอร์รี่กับวิปปิ้งครีมนั้นตบท้ายได้ดีก่อนจะจบที่กาแฟหรือชา
แน่นอนว่า ถ้ามาครั้งหน้ามีเวลามากพอจะขอครอบครัวเลนเข้าซาวน่าระหว่างวัน เพื่อเติมพลังให้กับร่างกายในการรับมือกับความหนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย ส่วนรอบต่อไปถ้ามาในช่วงฤดูร้อนมีหวังคงได้สลัดเสื้อผ้าตัวหนาเป็นกางเกงบ็อกเซอร์แล้วกระโดดลงทะเลสาบเล่นน้ำให้ชุ่มฉ่ำเป็นแน่ (Note : สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ +358 449 778 855 อีเมล riitta.maria.laine@gmail.com )
นั่งลิฟต์ดิ่งพระสุธาไปใต้พื้นดินราว 100 เมตร เพื่อตามติดประวัติศาสตร์ของนักขุดแร่ที่ “ไทไทรี มายน์ เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Tytyri Mine Experience) หรือศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับหินและแร่ต่างของฟินแลนด์ ซึ่งการทำเหมืองหินและการขุดแร่ยังคงเป็นส่วนสำคัญของการดำรงชีวิตในชนบท และการต่อยอดเพื่อนำวัตถุไปแปรรูปเป็นสินค้าอุปโภคมากมาย จนสร้างชื่อเสียงและรายได้เป็นกอบเป็นกำ ยังนำความเจริญไปสู่ประเทศฟินแลนด์จนนับไม่ถ้วน
โดยภายในได้นำอุโมงค์มาแบ่งสรรเป็นห้องต่างๆ เพื่อเรียบเรียงบอกเล่าเรื่อง และประติดประต่อเรื่องราวอย่างน่าสนใจ ตั้งแต่การค้นพบเหมือนแห่งนี้ จนนำไปสู่การแปรรูปวัตถุเพื่อผลิตเป็นสินค้าต่างๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการแสดงศิลปะดนตรีแสง สี เสียง แบบ 3D ที่ยิงฟาดไปมาภายในอุโมงค์ขนาดใหญ่ ที่อิงจากเรื่อง Finlandia โดย Jean Sibelius สุดตื่นตาและประทับใจ (Note : สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ “วีร์เว ฮาห์ตี” (Virve Haahti) ไกด์คนเก่งของที่นี่ +358 400 777 710 อีเมล virve.haahti@live.com หรือคลิก Tytyri Mine Experience )
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการรับประทานอาหารกลางวันข้างแคมป์ไฟ ที่ฟาร์ม “เกตตูกัลลิโอ เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Kettukallio Experience) ที่ห่างจากเมืองโลห์จาราว 17 กิโลเมตร ซึ่งที่นี่มีทั้งห้องพัก แคมป์ไฟ อาหาร เครื่องดื่ม และซาวน่ากลางแจ้ง ให้บริการ พร้อมด้วยการเรียนรู้ประสบการณ์เดินป่า จากนั้นก็เริ่มกิจกรรม “การอาบน้ำในป่า” (Forest bathing) เพื่อสัมผัสความเป็นอยู่ที่ดีจากป่าฟินแลนด์ และดำรงค์ความเป็นอยู่ที่ดีของเราด้วยการนำจิตใจและร่างกายเข้าไปพักผ่อนในธรรมชาติ ลืมชีวิตในเมืองหลวงอันแสนวุ่นวาย แล้วเข้ามาเพลิดเพลินยังดินแดนอันสงบท่ามกลางหมู่มวลหิมะอันขาวพิสุทธิ์ยามเย็น ซึ่งการได้สัมผัสกับความเงียบสงบและความบริสุทธิ์ของผืนป่าฟินแลนด์ถือเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง
แค่ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติเพียงแค่น้อยนิด เราก็จะได้รับประโยชน์ด้านสุขภาพมากมาย เช่น ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ และลดระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย สุขภาพดีขึ้นได้จากการเจริญสติและการหายใจอย่างนุ่มนวลขณะออกกำลังกายเบาๆ หลังจากการสรงน้ำในป่าแล้ว จิตใจจะปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย และคืนความชุ่มชื่น กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น (Note : ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “เกตตูกัลลิโอ เอ็กซ์พีเรียนซ์” อีเมล kettukallio.korpijaakko@gmail.com หรือคลิก Kettukallio Experience Farm)
Fact File
:: การเดินทางกรุงเทพฯ ไปยัง 3 ประเทศในกลุ่มบอลติก แนะนำให้นั่งเครื่องบินของสายการบินฟินแอร์ จากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ จากนั้นนั่งเครื่องจากกรุงเฮลซิงกิ ย้อนมาลงที่กรุงริก้า ประเทศลัตเวีย จากลัตเวียขึ้นมายังกรุงทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย แนะนำให้โดยสารโดยรถบัส
:: จากนั้น แนะนำให้นั่งเรือข้ามฟาก จากท่าเรือทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย ข้ามมายังกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเรือข้ามฟากมีเกือบทุกชั่วโมง สามารถคลิกเช็กตารางการเดินเรือได้ที่ Port of Tallinn
:: สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในกลุ่มบอลติก ติดต่อ Baltic Country Holidays ตั้งอยู่ที่ LAUKU CELOTAJS Kalnciema Street 40, Riga, LV-1046 โทรศัพท์ +371 292 857 56 อีเมล asnate@celotajs.lv หรือคลิก celotajs.lv
Comments are closed.