Travel

โฉมใหม่ของดุสิตธานี หัวหิน ซ่อนเสน่ห์ของเมืองหัวหิน

Pinterest LinkedIn Tumblr

โรงแรมดุสิตหัวหินยามเย็น
หลายคนที่ไปเที่ยวหัวหินอาจจะไม่ได้สังเกตว่าโรงแรมดุสิตธานี หัวหินในเวลานี้ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว ถ้าสังเกตให้ดีเมื่อขับรถผ่านชะอำมาได้สักระยะหนึ่งทางซ้ายมือจะเห็นป้อมยามที่สง่างามซึ่งสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมของพระราชวังในสมัยรัชกาลที่ 6 อันเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่า โรงแรมดุสิตธานีแห่งนี้ได้ปรับโฉมใหม่จากลุคผู้ดีอังกฤษกลายมาเป็นมนตร์เสน่ห์ของเมืองหัวหินอย่างแท้จริง
โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ถือเป็นส่วนหนึ่งของตำนานอันคลาสสิกแห่งเมืองนี้ก็ว่าได้ เพราะเป็นโรงแรมทันสมัยยุคแรก ๆ ที่เปิดตัว ณ ชายหาดแห่งนี้
ลอบบี้ที่ตกแต่งแนวไทยโมเดิร์น
วิคเตอร์ สุขเสรี ผู้จัดการทั่วไป ดุสิตธานี หัวหัว ลูกหม้อเก่าแก่ของเครือดุสิตธานีที่ถูกส่งให้มาบุกเบิกโรงแรมแห่งนี้เมื่อกว่า 20 ปีก่อนจนกลายมาเป็นพลเมืองหัวหินไปแล้ว เขาเล่าย้อนกลับไปเมื่อช่วงแรกที่มีการก่อสร้างโรงแรม ซึ่งถือเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีอยู่พียง 3 แห่งเท่านั้นของเมืองหัวหินในตอนนั้น
บนพื้นที่ร้อยกว่าไร่ถูกเนรมิตให้เป็นโรงแรมในรูปลักษณ์ของผู้ดีอังกฤษ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรงแรมในยุคแรกเริ่มดุสิต รีสอร์ต แอนด์ โปโลคลับ ชะอำ-หัวหิน
“ ตอนแรกที่ผู้บริหารมีความคิดที่จะมาสร้างโรงแรมที่หัวหินนั้น เราคิดว่าจะทำโรงแรมออกมาในรูปแบบไหนดี ก็มาคิดกันว่าเมื่อนึกถึงหัวหิน ภาพละครคลาสสิกเรื่องปริศนาก็ผุดขึ้นมาทันที มีท่านชายพจน์ที่งามสง่าเหมือนผู้ดีอังกฤษ การขี่ม้า ในที่สุดก็ไปลงตัวที่กีฬาโปโล “วิคเตอร์เล่าถึงที่มาของโรงแรมแห่งนี้ในยุคแรกเริ่ม
ประตูทางเข้า
โรงแรมดุสิตธานี หัวหินในยุคแรกจึงกลายเป็นโรงแรมที่เกี่ยวพันกับกีฬาโปโล พื้นที่ด้านหน้าของโรงแรมถูกสร้างให้เป็นสนามแข่งโปโล แต่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เคยมีการจัดการแข่งขันเสียที เป็นเพียงสนามขี่ม้าสุดฮิตของผู้คนยุคหนึ่งเท่านั้น ส่วนภายในโรงแรมที่อยู่ติดชายหาดก็ออกแบบตกแต่งทุกอย่างให้เกี่ยวพันกับกีฬาโปโลจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองหัวหิน
ในปี 2548 ดุสิตธานี หัวหิน เริ่มก่อสร้าง เดอะรอยัลดุสิตฮอลล์ หรือ “เคหาสน์สัมมนา” เพื่อต้อนรับตลาดไมซ์ที่กำลังบูม พื้นที่กว่า 30 ไร่ด้านข้างของโรงแรมถูกเนรมิตให้เป็นสวนสราญรมย์ โดยมีฮอลล์อันงดงามวิจิตรที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมของ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนแบบไทย-ยุโรป ประมาณช่วงทศวรรษ 1930 ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ลอบบี้ของเคหาสน์สัมมนา
“เคหาสน์สัมมนา” แห่งนี้เป็นสถานที่สัมมนาเพียงแห่งเดียวที่มองเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเลแบบพาโนรามิคของฝั่งอ่าวไทยได้อย่างแจ่มชัด ทามกลางการตกแต่งที่เลียนแบบท้องพระโรง ให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนมากกว่าจะมาสัมมนาในเรื่องที่เคร่งเครียด

ที่โถงทางเดินมีรูปภาพขาวดำแขวนประดับ ถือเป็นภาพอันทรงคุณค่าที่บันทึกเรื่องราว ชุมชน และสถานที่เก่า ๆ ที่เริ่มเลือนหายไปจากเมืองตากอากาศอันคลาสสิกแห่งนี้ไปแล้ว ซึ่งถ่ายโดยช่างภาพท้องถิ่นของที่นี่ซึ่งอายุเกือบร้อยปีแล้ว
เคหาสน์สัมมนาแห่งนี้ได้มีโอกาสจัดงานสำคัญระดับชาติหลายครั้งอย่างสมศักดิ์ศรีมาหลายครั้ง อาทิ การประชุมอาเชี่ยนครั้งที่ 14 และ15 รวมถึงการจัดอีเว้นต์ของบริษัทข้ามชาติหลายงาน คอนเสิร์ต และงานแต่งงานสำหรับคู่บ่าวสาวที่จินตนาการว่าตัวเองเป็นปริศนาและท่านชายพจน์
ห้องสัมมนาขนาดใหญ่แห่งนี้เคยใช้จัดประชุมระดับชาติอย่างอาเซี่ยนมาแล้ว
ทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างเคหาสสัมมนากับตัวโรงแรมนั้น ผู้ออกแบบจงใจเลียนแบบทางเดินของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ซึ่งถ้าใครเคยไปมาแล้วคงจะจดจำกันได้
ส่วนตัวโรงแรมก็เริ่มมีการปรับโฉมใหม่ ลบภาพผู้ดีอังกฤษที่เคร่งขรึมออกไป กลายมาเป็นสไตล์ไทยโมเดิร์น คลาสสิกที่เข้ากับความเป็นหัวหินได้อย่างลงตัว เริ่มตั้งแต่ป้อมยามทางเข้าที่เลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 6 ที่วิจิตรงดงามเหมือนเดินเข้ามาสู่พระราชวัง
ลอบบี้ของโรงแรมถูกปรับโฉมจากพื้นหินอ่อนสีดำตัดขอบสีส้มให้อารมณ์ที่เคร่งขรึมแบบผู้ดีอังกฤษ กลายมาเป็นลอบบี้โปร่งโล่งสบายตาด้วยโทนสีอ่อนในสไตล์ไทยโมเดิร์นคลาสสิกที่ผสมผสานความเป็นยุโรปในสมัยรัชกาลที่ 6 กับการเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยของความเป็นไทยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผนังโปร่งที่ฉลุลายกนกอันอ่อนช้อยไว้อวดงานศิลปะของไทยให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนได้สัมผัสตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามายังโรงแรม แต่ก็ยังแอบเก็บความทรงจำของโปโลคลับด้วยรูปปั้นคนขี่ม้าแข่งกีฬาโปโลในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้หลาย ๆ มุม เพื่อให้สามารถสืบสาวถึงประวัติดั้งเดิมของโรงแรมแห่งนี้ได้
ห้องพักทุกห้องจะเห็นวิวทะเล
ห้องพัก 296 ห้องถูกตกแต่งให้อำนวยความสะดวกสบาย พร้อมความหรูหรา สวยงาม ทุกห้องมีระเบียงให้ออกมารับลม สูดกลิ่นสดชื่นของอายทะเล และชมทัศนียภาพสีฟ้าสดใส ของท้องฟ้า และท้องทะเล พร้อมรับแสงแดดแรกยามรุ่งอรุณของวันใหม่ และความงดงามยามอาทิตย์อัสดง
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของโรงแรมนี้ที่ใครมาเยือนแล้วจะต้องสะดุดตาและกลายเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือ งาน Stack Grass หรือประติมากรรมแก้ว ผลงานของ จิรวัฒน ชวนะธิต ศิลปินที่เสกสันงานแก้วอันเป็นวัสดุที่แข็งให้กลายมาเป็นงานศิลปะที่อ่อนช้อยได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ตั้งแต่ลอบบี้ที่จิรวัฒนทำ Stack Grassให้เป็นรูปสายน้ำตกอันอ่อนพริ้วไหวต้อนรับแขกที่มาเยือน และอีกหลาย ๆ มุมของโรงแรมที่จะได้ยลผลงานของเขาที่ทำลายไทยอันอ่อนช้อยจากงานแก้ว
ผนังห้องน้ำที่โดดเด่นด้วยผลงานStack Grass
และในห้องพักดุสิตแกรนด์ซึ่งมีจำนวน 25 ห้องนั้น จิรวัฒนก็ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นไว้ซึ่งเป็นผนังห้องน้ำที่ใช้แก้วโปร่งใสมาซ้อนกันจากพื้นจรดเพดาน โดยใช้มือประกอบกระจกทุกชิ้นเข้าด้วยกันทุกห้อง ผลงานจึงออกมาได้สวยงามเพิ่มความงดงามให้กับห้องนี้อย่างมีคลาสมาก ๆ
ส่วนแขกสำคัญที่กลายมาเป็นหนึ่งในตำนานของโรงแรมคือ ศรีไสล สุชาตวุฒ นักร้องรุ่นใหญ่เจ้าของเสียงเพลงแหบเสน่ห์ที่ผู้คนหลงใหลกันทั้งเมือง คุณตุ้ม-ศรีไสล เคยมาเป็นทั้งแขกเข้าพักและนักร้องกิตติมศักดิ์ให้กับห้องอาหารอิตาเลี่ยน ชื่อ ซาน มาร์โค เมื่อ เกือบ 20 ปีก่อน แม้ว่าวันนี้คุณตุ้มจะแขวนไมค์ไปแล้ว แต่ทุกปีที่กลับมาเยือนเมืองไทย เธอจะต้องมาร้องเพลงเก่า ๆ ให้กับห้องนี้เป็นกิจวัตร โดยมีบรรดาเพื่อนฝูงและแฟนประจำมาร่วมกันรำลึกถึงความหลังกันอย่างอบอุ่น

และหากใครคิดจะมาเยือนหัวหินในครั้งต่อไป อย่าลืมแวะที่ ดุสิตธานี หัวหิน เพื่อสัมผัสเสน่ห์แห่งเมืองหัวหิน

 
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
รูปปั้นนักโปโลบริเวณลอบบี้
ลายกนกอ่อนช้อยผลงานของ จิรวัฒน ชวนะธิต
มุมนังเล่นสบาย ๆ
ห้องอาหาร
ระเบียงโถงของเคหาสน์สัมมนาที่ติดรูปภาพขาวดำบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของหัวหิน

Comments are closed.

Pin It