>>งานหัตศิลป์ฝีมือคนไทยต่างเป็นที่ยอมรับและกล่าวขานในความวิจิตรอ่อนช้อยไปทั่วโลก นับเป็นเรื่องที่น่ายกย่องและควรค่าแก่การอนุรักษ์แก่บรรพชนรุ่นหลัง ล่าสุด ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดงาน “ CERAMIC ART สกุลช่างศิลปาชีพบางไทร ” รวบรวมสุดยอดผลงานชิ้นเอกที่รังสรรค์โดยคณาจารย์และนักเรียนศิลปาชีพ บางไทรฯ จากแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผากว่า 1,000 ชิ้น นำมาจัดแสดงและจำหน่าย รายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อสมทบทุนโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ พร้อมชมการสาธิตงานศิลปหัตถกรรมต่างๆ ในวันที่ 25 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม ศกนี้ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 สยามพารากอน
ศาสตราจารย์พิเศษ ธานินทร์ กรัยวิเชียร กล่าวว่า “ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ให้ความสำคัญในการรักษาและสืบทอดงานศิลปหัตถกรรมในแบบดั้งเดิมอันเป็นอัตตลักษณ์ของศิลปาชีพ พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันเครื่องปั้นดินเผาไทยถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในของสะสมที่ทรงคุณค่าและมีชื่อเสียงขจรไกลระดับโลก โดยการจัดงาน ” CERAMIC ART สกุลช่างศิลปาชีพบางไทร ” ครั้งนี้รวบรวมผลงานของเหล่าคณาจารย์และนักเรียนแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับประเทศด้วยรางวัลจากเวทีการประกวดการแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่านับเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้มีโอกาสสัมผัสและชื่นชมประติมากรรมชิ้นสำคัญที่สื่อถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมโดยสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาไทยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยผลลัพธ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ ความเพียรพยายาม และคุณภาพอันเป็นเลิศ นอกจากนี้แล้วยังร่วมกันสนับสนุนผลงานหัตถศิลป์ของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ให้ยังอยู่คู่สังคมไทยพร้อมเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักสู่สากล”
สำหรับนิทรรศการครั้งนี้เป็นการจัดแสดงผลงานชิ้นเอกของแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผาจากเหล่าคณาจารย์และนักเรียน โดยรังสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษขึ้นมา อาทิ “ตามรอยพระราชา” ผลงานการรังสรรค์ของอาจารย์กิตติชัย สุขสุเมฆ แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ผลงานชิ้นเอกที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อจัดแสดงและจำหน่ายภายในงานโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นผลงานการปั้นที่แตกต่างจากงานปั้นทั่วไป เพราะผลงาน “ตามรอยพระราชา” เป็นงานปั้นที่ไม่ใช้ดิน แต่ใช้ซีเมนต์เป็นวัสดุหลักปั้นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานในโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ของพระองค์ท่านที่ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยไว้มากมาย อาทิ โครงการเรื่องกังหันลม, หญ้าแฝก, ฝายทดน้ำ, ฝนเทียม ฯลฯ อยู่ตรงส่วนที่ปั้นเป็นฉลองพระองค์ของพระองค์ท่าน ซึ่งการนำซีเมนต์มาเป็นวัสดุหลักนั้นเป็นเทคนิคใหม่ที่นำมาใช้ในงานปั้น ซึ่งช่วยเรื่องความแข็งแรงทนทานมากขึ้น ให้สีสันที่แตกต่าง โดยจำหน่ายในราคา 300,000 บาท
อีกชิ้นงานเด่นได้แก่ รูปประติมากรรมโลหะ “รู้รักสามัคคี” ผลงานของอาจารย์พนม เสมาทอง หัวหน้าแผนกเครื่องเคลือบดินเผา ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ เป็นผลงานที่ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้น โดยนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรื่อง “รู้รักสามัคคี” ที่มีคุณค่าและมีความหมายอย่างลึกซึ้ง สามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกเรื่อง ทุกยุคสมัย จึงเป็นที่มาของผลงานประติมากรรมชิ้นนี้ โดยเจ้าของผลงานคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ นำเหล็กเป็นวัสดุหลักผสมผสานด้วยเทคนิคการเป่าเชื่อมโลหะเหล็ก เป็นเทคนิคของงานเหล็กที่เห็นเทคเจอร์อย่างชัดเจนสามารถเพิ่มลูกเล่นให้กับงานดูน่าสนใจและเคลือบพ่นด้วยสีน้ำมัน นำเสนอในรูปแบบผู้ชื่นชอบแนวคลาสสิค โดยจำหน่ายในราคา 50,000 บาท
ภายในงานยังมีผลงานอื่น ๆ เช่น เซรามิกขนาดใหญ่, เซรามิกอาร์ท, จานใบไม้ด่าง, ภาพเขียน และสร้างสรรค์เสื้อยืดเพ้นท์มือสุดเก๋ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น ด้วยดีไซน์แปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบจากใครเหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความแตกต่าง สามารถมอบเป็นของฝากหรือของขวัญที่มีคุณค่าทางใจ โดยจัดจำหน่ายในราคาชิ้นละ 250 บาท นอกจากนี้ยังมีการสาธิตงานหัตถกรรมจากนักเรียนแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผาด้วยเทคนิคที่ไม่ซ้ำกัน อาทิ การขึ้นรูปเซรามิก, การเพ้นท์ และ การตกแต่งด้วยสี ให้ชมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
Lifestyle
Comments are closed.