Lifestyle

เก็บตกความประทับใจของ โม – ชนรรค์ ทายาทอ้วยอันโอสถ เข้าร่วมแข่ง BMW Berlin Marathon 2018

Pinterest LinkedIn Tumblr


กระแสการวิ่งที่กำลังร้อนแรงในบ้านเรา ทำเอาหลายๆ คนหันมาสนใจกิจกรรมการออกกำลังกายด้วยสองขา ที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยสร้างประสบการณ์ชีวิตในอีกหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนตนเอง การสร้างเป้าหมาย ฝึกความมุ่งมั่น การได้เข้าร่วมสนุกสนานกับกลุ่มคนหมู่มาก ไปจนถึงการได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงามของสองข้างทางที่วิ่งผ่าน ทำเอาหลายคนตระเวนไปร่วมแข่งขันมาราธอนโปรแกรมตามเมืองหรือประเทศต่างๆ

เหมือนอย่าง คุณโม-ชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ ทายาทหนุ่มมาดเท่ของอ้วยอันโอสถ ผู้ผลิตและจำหน่ายยาสมุนไพรแบรนด์ดังของเมืองไทย ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ดูแลด้านการผลิต การวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งดูแลระบบควบคุมคุณภาพ ด้านการขึ้นทะเบียนสินค้าและประสานงานทางด้านกฎหมายกับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับร่ำเรียนปริญญาเอกที่จุฬาฯ สหสาขาวิชาธุรกิจเทคโนโลยีและการบริหารจัดการนวัตกรรม


ที่ถึงแม้จะต้องรับภาระหนักในการดูแลกิจการของครอบครัว ควบคู่ไปกับการเรียน แต่เขาก็ยัง ที่ก็หลงใหลในการวิ่งไม่น้อยหน้าใคร ซึ่งเขาไม่เพียงแต่ร่วมวิ่งในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังได้เดินทางไปร่วมแข่งขันมาราธอนระดับเวิล์ดเมเจอร์อย่าง BMW Berlin Marathon 2018 และได้ร่วมสัมผัสสุดยอดประสบการณ์อย่างการวิ่งตามรอยนักวิ่งผู้สร้างสถิติโลกครั้งใหม่ในปีนี้

ในการแข่งขันครั้งนี้เขาได้เข้าแข่งขันพร้อมกับสมาชิก The Ultimate JOY Experience ทริป BMW Berlin Marathon 2018 – #MissionBerlin ของทาง BMW Thailand โดยชนรรค์ได้มาถ่ายทอดถึงประสบการณ์และความประทับใจที่ได้รับจากการแข่งขันวิ่งระดับชั้นนำของโลกนี้

ประสบการณ์ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสนามมาราธอนที่มีการทำลายสถิติโลกครั้งล่าสุด
ชนรรค์ : บรรยากาศในงานวิ่งระดับเวิล์ดเมเจอร์มันยิ่งใหญ่จริงๆ มีนักวิ่งรวมสี่หมื่นกว่าคน มีผู้คนออกมาให้กำลังใจเต็มสองข้างถนน ผมได้แปะมือไฮไฟฟ์กับเด็กๆ ที่มาให้กำลังใจนับสิบครั้ง มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นนักวิ่งระดับโลกเลย นอกจากนี้ยังได้วิ่งผ่านแลนด์มาร์กของเมืองที่สวยงามหลายๆ จุด ทั้งพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ที่เป็นสถาปัตยกรรมชื่อดังระดับโลก

ครั้งนี้ผมวิ่งจบที่เวลา 3:39:58 ชั่วโมง จริงๆ ก็มีหลายช่วงที่ผมรู้สึกถอดใจ แต่สุดท้ายก็ฮึดสู้จนวิ่งจบ ที่สำคัญคือผมได้ไปทำลายกำแพงตัวเองไม่พอ ยังได้วิ่งตามรอยคิปโชเก้ ซึ่งครั้งนี้เขาทำลายสถิติโลกในวันเดียวกัน มันเป็นความรู้สึกที่ขนลุกจนบอกไม่ถูก น้ำตาผมไหลเป็นทาง การเตรียมพร้อมตลอดสี่เดือนทั้งกายและใจในทุกด้าน เห็นผลลัพธ์ในวันนี้แล้ว

นอกจากการวิ่งแล้ว เล่นกีฬาอะไรอีกบ้าง
ชนรรค์ : จริงๆ แล้วผมชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กๆ ผมเล่นรักบี้ตอนเรียนชั้นมัธยมที่สิงคโปร์ และเล่นเทนนิสอย่างจริงจังช่วงเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ผมใช้เวลาว่างจาการเรียนไปเข้าชมรมสโมสรท้องถิ่นและไปแข่งกับสโมสรของเมืองต่างๆ ด้วย ผมชอบเล่นกีฬาเพราะมีความเชื่อว่ากีฬาทุกชนิดสอนให้เรารู้ว่าทักษะที่เราไม่มีมาตั้งแต่เกิด มันสามารถฝึกและพัฒนาขึ้นมาได้ โดยเฉพาะการวิ่งระยะทางไกลอย่างมาราธอน นอกจากนี้ยังทำให้เรามีวินัย รู้จักการแพ้และชนะอีกด้วย

สไตล์การทำงานในแบบของคุณ
ชนรรค์ : ผมเป็นเจ้านายที่ให้อิสระในการทำงานกับลูกน้องมาก ในขณะเดียวกันก็เน้นให้ทุกคนมีความสมดุลในเรื่องของกฎระเบียบ วินัย และความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นในมุมมองใหม่ๆ และต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ในขณะเดียวกันตัวผมเองก็ต้องหมั่นหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติมให้มากที่สุด เพื่อมีข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำให้ทีมงานกลับไปทำการบ้านต่อยอดหรือแก้ปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างเหมาะสม

ไอดอลในการทำงานของคุณ
ชนรรค์ : นอกจากคุณพ่อของผมเอง แรงบันดาลใจในการทำงานของผมคือ อีลอน มัสก์ ซึ่งเขาเคยเป็น CEO ของ PayPal ระบบ ชำระเงินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ตอนนี้เขาเป็น CEO ของบริษัท Tesla Motors, Space X และ Solar City ผมชอบที่เขาเคยเป็นซีอีโอของ 3 บริษัทที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ครั้งหนึ่งเขาเคยทำระบบอินเทอร์เน็ต แบงก์กิ้ง ในขณะที่อีกบริษัทของเขาผลิตรถพลังงานไฟฟ้า และมีอีกหนึ่งบริษัทผลิตจรวดที่มีเป้าว่าวันหนึ่งจะพาคนไปอยู่ดาวอังคาร สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเดียว เราสามารถเก่งหลายอย่างได้ เราสามารถนำแนวคิดที่เคยศึกษาไปประยุกต์ใช้กับอีกเรื่องหนึ่งได้

หลังทำมิชชั่นที่เบอร์ลินสำเร็จแล้ว ยังมีมิชชั่นเรื่องอีกในชีวิตที่อยากทำอีกไหม
ชนรรค์ : จริงๆ แล้วการวิ่งมาราธอนเป็นเป้าหมายที่ไม่มีสิ้นสุดของผมครับ เพราะสถิติที่ดีที่สุดคือสถิติต่อไปที่จะทำได้ ถ้ามิชชั่นที่อยากทำเรื่องอื่นตอนนี้ คงมุ่งไปเป็นเรื่องงาน ซึ่งหยุดนิ่งไม่ได้ เพราะเมื่อเราหยุด เราจะตายใจว่าเราเก่งแล้ว วินัยและความกระหายในความสำเร็จก็จะหายไปด้วย เพราะฉะนั้นผมมองว่า เราไม่ควรยึดติดกับสิ่งที่ทำได้ในวันก่อน แต่ควรคิดว่าเราต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเดิม

Comments are closed.

Pin It