สมาร์ทโฟนในปัจจุบันใส่ฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามามากมาย เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด ทั้งเรื่องเลนส์กล้องที่ครบครัน หน้าจอที่ให้ภาพความละเอียดสูง และการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งฟีเจอร์ขั้นเทพเหล่านี้ต่างก็ต้องใช้ “แบตเตอรี่” เป็นแหล่งพลังงานหลังบ้าน ที่คอยช่วยให้การทำงานของสมาร์ทโฟนอยู่ในมือผู้ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ดังนั้น หากเราเป็นคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนใหม่สักเครื่องจึงไม่ควรมองข้ามเรื่องแบตเตอรี่โดยเด็ดขาด
ต้องมีแบตเตอรี่ความจุเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอต่อการใช้งานตลอดวัน? แน่นอนว่าในหนึ่งวันคนส่วนใหญ่มักใช้สมาร์ทโฟนเป็นดีไวซ์คู่กายทั้งในด้านการเรียน การทำงาน หรือแม้กระทั่งมอบความบันเทิง และคงไม่มีใครอยากจะพกเพาเวอร์แบงก์ติดตัวตลอดเวลาให้หนักกระเป๋า ดังนั้น ควรเลือกใช้สมาร์ทโฟนที่มีความจุของแบตเตอรี่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งสมาร์ทโฟนที่ดีควรมีความจุแบตเตอรี่มาตรฐานอย่างน้อย 4,000 มิลลิแอมป์ เพื่อการใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ให้พร้อมออกไปลุยทุกสถานการณ์ได้แบบไม่มีสะดุด
แต่ทั้งนี้ หากใครที่ยังคงประสบปัญหา ‘แบตหมด’ ระหว่างวันนั้น อาจจะเกิดมาจากการตั้งค่าการใช้งานบางอย่างที่ไม่จำเป็น วันนี้เราจึงมีเทคนิคการเซฟแบตเตอรี่ง่ายๆ ที่จะช่วยต่ออายุสมาร์ทโฟนของเรา เพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้นอีกหลายชั่วโมงมาแนะนำกัน
ใช้ภาพพื้นหลังสีเข้ม
การตั้งค่าภาพพักหน้าจอหรือการใช้ธีมที่เป็นสีสันฉูดฉาดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ค่อยๆ ลดลงโดยไม่รู้ตัว เทคนิคง่ายๆ ที่หลายคนคิดไม่ถึง คือการปรับรูปภาพพักหน้าจอสมาร์ทโฟนของเราให้เป็นโทนสีดำ หรือโทนสีมืด เนื่องจากแผงหน้าจอใช้พลังงานแบตเตอรี่ในการแสดงผลเม็ดพิกเซลสีต่างๆ นับล้านเฉดสี ยิ่งถ้าหากแสดงผลสีสันสดใสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งใช้พลังงานมากเท่านั้น ดังนั้นการตั้งค่าภาพพักหน้าจอให้เป็นสีโทนมืด นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้แล้วยังช่วยถนอมสายตา และทำให้ไอคอนแอปพลิเคชันบนหน้าจอมองเห็นได้ชัดมากขึ้นอีกด้วย
ปรับลดค่าแสงสว่างของหน้าจอ
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนหลายรุ่นได้เพิ่มฟีเจอร์ปรับลดความสว่างหน้าจออัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งาน ดังนั้น จึงควรเลือกเปิดการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว หรือเลือกปรับความสว่างหน้าจอให้สบายตามากที่สุดขณะใช้งาน หรือถ้าหากต้องการปรับค่าหน้าจอเอง ช่วงเวลาที่เราต้องใช้ค่าความสว่างหน้าจอแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม อาจจะเป็นช่วงเวลายามบ่ายที่แสงแดดจะแรงกว่าปกติ แต่อาจจะปรับลดให้เหลือประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาที่อยู่ในร่มเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน
ปิดทุกการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็น
สมาร์ทโฟนของเรามีการเชื่อมต่อและค้นหาสัญญาณต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการระบุตำแหน่ง (GPS) การค้นหาสัญญาณ Wi-Fi และการเชื่อมต่อบลูทูธ โดยเฉพาะเมื่อเราเผลอใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องเชื่อมต่อและระบุตำแหน่งอยู่เป็นประจำ เช่น แอปฯ การเดินทาง หรือการใช้งานแผนที่ ซึ่งแอปฯ เหล่านี้จะมีการดึงข้อมูล Location และใช้พลังงานแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ใช้งานจึงควรเช็กและปิดการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ และเปิดใช้งานเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ดาวน์โหลดเก็บไว้ สบายใจกว่า
บ่อยครั้งที่เราจำเป็นต้องใช้แอปฯ ต่างๆ ที่มีการดึงข้อมูลหรือสตรีมมิง ทำให้เปลืองทั้งอินเทอร์เน็ตและแบตเตอรี่ ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้าและดาวน์โหลดข้อมูลที่จำเป็นไว้ก่อนออกนอกบ้าน อาจจะช่วยประหยัดทรัพยากรได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ดาวน์โหลดซีรีส์เรื่องโปรดเก็บไว้ดูระหว่างเดินทาง ดาวน์โหลดแผนที่แบบ Offline ไว้ใช้งานในสถานที่ที่กำลังจะไป รวมทั้งการดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในเครื่อง แค่นี้ก็เซฟแบตได้สบายใจหายห่วง
เลือกเทคโนโลยีประหยัดแบตเตอรี่
ปัจจุบันนักพัฒนาได้ให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน และได้คิดค้นเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ซัมซุง ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ได้ออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาในสมาร์ทโฟนเพื่อช่วยวิเคราะห์และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้แบตเตอรี่ของผู้ใช้งาน เป็นการช่วยถนอมอายุแบตให้ทนทานมากขึ้น พร้อมยังมีโหมดประหยัดพลังงาน ที่จะแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย และจะปรับตั้งค่าสมาร์ทโฟนให้ใช้พลังงานน้อยที่สุดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Fast Charge) ที่ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนรุ่นกลางมากขึ้น โดยไม่ต้องไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องเร่งรีบออกไปทำกิจกรรมข้างนอก และต้องการให้แบตเตอรี่อยู่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือรับชมคอนเทนต์เอนเตอร์เทนสุดโปรด ก็เต็มที่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องถามหาสายชาร์จ
มองหาอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ สุดทุกเรื่องในเครื่องเดียว
ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ จึงควรพิจารณาเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ได้รับการออกแบบแบตเตอรี่มาอย่างพิถีพิถัน สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้เป็นอย่างดี โดย ซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ ถูกออกแบบมาให้เป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปสวย เลนส์ครบ จบในเครื่องเดียว ทั้งดีไซน์การออกแบบที่ลงตัว และเทคโนโลยีสุดล้ำที่ใส่เข้ามาให้แบบจัดเต็ม โดยเฉพาะเรื่องความจุแบตเตอรี่ที่ให้มามากเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันโดยที่ไม่ต้องชาร์จ ซึ่งซัมซุงถือเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบแบตเตอรี่โดยคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ และพร้อมมอบประสิทธิภาพแบบเต็มพิกัดที่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงได้
Galaxy A51 (กาแลคซี่ เอ 51) มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ขนาด 4,000 มิลลิแอมป์ ในราคา 10,690 บาท และ Galaxy A71 (กาแลคซี่ เอ 71) ที่ให้ความจุแบตเตอรี่มาถึง 4,500 มิลลิแอมป์ ในราคา 13,990 บาท สามารถใช้รับชมคอนเทนต์วิดีโอต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมง พิสูจน์ความอึดทนทานได้แล้ววันนี้ที่ Samsung Experience Store หรือจะแอบไปส่อง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ รุ่นอื่นๆ ใน เว็บไซต์ซัมซุงที่ www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-a-series/ ก็ไม่ว่ากัน! ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนแบตอึดสำหรับใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ต้อง ซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ เท่านั้น!
Comments are closed.