Lifestyle

10 เล่มต้องซื้อ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 43

Pinterest LinkedIn Tumblr

>>งานสัปดาห์หนังสือกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เซเลบออนไลน์ขอแนะนำ หนังสือออกใหม่และขายดีของสำนักพิมพ์ชั้นนำ จะมีเล่มไหนน่าอ่านน่าซื้อกลับบ้านบ้าง เริ่มกันที่

สำนักพิมพ์แจ่มใส บูท Y 06

1.พลับพลึงสีชมพู 2 เล่มจบ เขียนโดย 'ศรีทอง ลดาวัลย์'

ท่ามกลางสายพิรุณโปรยปรายในคืนหนึ่ง… เขาคือเทพบุตรที่ก้าวเข้ามาปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายใต้กอพลับพลึง ทั้งยังจุดความวาบหวามให้เกิดขึ้นในหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็น

เมื่อตกอยู่ในห้วงรักแล้ว ก็ยากนักที่จะฟังเสียงผู้ใดนอกจากเสียงเพรียกของหัวใจตนเอง… นางสาว ‘สโรชา สุนทรเกษม’ธิดามหาเศรษฐีจึงตัดสินใจกระทำการอันผาดแผลง ปลอมตนเป็นสาวน้อยตกยากนาม ‘พลับพลึง’ เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านที่สมาชิกร่วมชายคาเป็นชายล้วน เพื่อศึกษาธาตุแท้ของบุรุษผู้ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเช่นเขาให้ถ่องแท้ว่าเป็นคนเช่นไร จะเป็นการดีหรือไม่หากจะยกทั้งชีวิตและหัวใจให้เขาดูแล

หากยิ่งเรียนรู้ ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งหลงวนอยู่ในมนต์แห่งรักและพิษสงของมันที่ทำให้จิตใจรุมร้อนทุรนทุราย

โอ้แม่พลับพลึงแสนบริสุทธิ์หรือดอกบัวพิสุทธิ์แสนสวย เจ้าคงต้องยอมศิโรราบให้บุรุษชาติอาชาไนยเช่นเขาเสียแล้วกระมัง

2.Violet Kiss ยัยแสนสวยช่วยรักษาแผลใจน้องชายจอมดื้อ เขียนโดย 'Hideko Sunshine'

อยู่ๆ ก็มีเรื่องมาให้หวาดหวั่นหัวใจ เอ๊ย หวาดหวั่นเฉยๆ สิ เมื่อ ‘แสนสวย’ คนนี้ต้องกลับมาเจอกับ ‘โซ่’ อดีตคนรักตอนสมัยเรียนอีกครั้ง ซึ่งฉันก็ยังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี วันที่ฉันเป็นคนเอ่ยปากบอกเลิกผู้ชายนิสัยเด็กอย่างเขา ถึงเราจะจากกันแบบไม่ดี และฉันคนนี้ก็แอบเสียใจไม่แพ้กัน แต่ไม่… ไม่มีวันที่ฉันจะแสดงมันออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้โดยเด็ดขาด

ฉันฉลาดพอจะมองออกด้วยว่า… การกลับมาของเขาที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แถมยังเพิ่มความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอีกต่างหาก คงเพราะเขาอยากจะแก้แค้นฉันมากสินะ แต่ไม่ว่าเขาจะมาในรูปแบบไหน จะร้าย จะรัก หรือจะหวังให้เรา… เอ่อ… กลับไปเป็นเหมือนเก่า (?) ยังไงฉันก็ไม่แยแสเขาอยู่ดี อย่าคิดว่าเขาจะเอาชนะใจคนอย่างแสนสวยได้ง่ายๆ นะ!

สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ บูท A 12

1.รอยยิ้มและน้ำตาของหัวใจ รวมวรรณกรรมจีน 4 เรื่องของ 3 นักเขียนหญิงในแวดวงวรรณกรรมจีนร่วมสมัย เป็นพระราชนิพนธ์แปลจากพระวิริยภาพอีกเล่มหนึ่งในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ผู้อ่านจะได้ซึมซับทั้งอรรถรสความงามด้านภาษา ความงดงามของความรักในรูปแบบต่างๆ อันประกอบไปด้วยเรื่อง “หมิงจื่อกับเหมียวน้อยมีจื่อ” เรื่องราวความรักของคนกับสัตว์เลี้ยง เรื่อง “โคมส้มดวงน้อย” เรื่องราวความรักของลูกสาวที่มีต่อแม่ “สาวน้อยเสี่ยวหยูว” เรื่องราวความรักต้องห้ามของหญิงสาวกับชายวัยคราวพ่อ และเรื่อง “ตำนานกับข้าวคู่: ฆาตกรรมก้นครัว” เรื่องราวความรักสามเส้าสองหญิงหนึ่งชายที่มีจุดจบเป็นโศกนาฏกรรมอันสะเทือนใจ

นอกจากนี้ วรรณกรรมทั้ง 4 เรื่องยังได้สอดแทรกความรู้ด้านวัฒนธรรมและประเพณีของสังคมจีนผ่านเรื่องราวของตัวละครหลักในเรื่องลักษณะร่วมอันโดดเด่นของบทวรรณกรรมใน “รอยยิ้มและน้ำตาของหัวใจ” คือ นักเขียนทั้ง 3 ท่านเป็นหญิงที่มีภูมิหลังหลากหลาย แต่มี “หัวใจ” อันประณีตละเอียดแบบผู้หญิงร่วมกัน

2.บันทึกของอาแดล เขียนโดย Paule du Bouchet แปลโดย พนิตา บุษปภาชน์

อาแดล เด็กสาวชาวฝรั่งเศสเริ่มเขียนบันทึกชีวิตของเธอในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้งความกลัว ความโศกเศร้า ความอาลัย ความทุกข์ และความหวัง

เพลิงสงครามไม่เพียงเผาผลาญทหารผู้กล้า แต่ยังลุกลามมาถึงเหล่าผู้คนที่อดอยากหิวโหยในแนวหลัง สมุดบันทึกกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

อาแดลผู้ใฝ่ฝันจะเป็นครูมีความหวังเพียงหนึ่งเดียวคือ สมุดบันทึกเล่มนี้จะช่วยสอนเด็กนักเรียนของเธอในวันหน้าได้ว่าโลกที่ปราศจากสงครามคือ โลกที่ดีกว่าอย่างไร

สำนักพิมพ์นกฮูก บูท E 18

1.เชอร์ล็อก โฮล์มส์ สี่สัญลักษณ์มรณะ เขียนโดย 'เซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์' แปลโดย 'วรางคณา ศิริวานนท์'

มิสแมรี่ มอร์สแตน ลูกค้าสาวสวยที่เดินเข้ามาปรึกษานักสืบเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ในเรื่องที่ได้รับไข่มุกอันล้ำค่ามหาศาลมาหลายปีแล้ว ของขวัญลึกลับนี้ทำให้เธอกังวลใจ อีกทั้งยังมีจดหมายลึกลับเพื่อนัดหมายให้เธอไปพบ เธอจึงขอให้โฮล์มส์และวัตสันไปด้วย แต่เมื่อพวกเขาไปถึง กลับประสบกับเหตุฆาตกรรมที่ไม่คาดฝัน…

เจ้าของบ้านนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้ไม้มีที่เท้าแขนใกล้กันกับโต๊ะ ศีรษะของเขาตกซบอยู่บนไหล่ซ้าย มีรอยยิ้มที่ดูลึกลับและน่าสยองอยู่บนใบหน้า ร่างของเขาแข็งทื่อและเย็นชืด เห็นได้ชัดว่าน่าจะตายมาหลายชั่วโมงแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่เพียงแต่ใบหน้าของเขาเท่านั้น แขนและขาทุกส่วนของเขาก็มีลักษณะบิดเบี้ยวไปอย่างวิปริตพิสดารด้วย ใกล้กันกับมือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะมีอุปกรณ์ประหลาดอยู่ เป็นไม้เนื้อละเอียด ส่วนหัวเป็นหินที่มีรูปร่างคล้ายค้อน ผูกเอาไว้ลวกๆ ด้วยเชือกฟั่นหยาบ ข้างกันนั้นมีเศษกระดาษที่ถูกฉีกจากสมุด มีข้อความเขียนอย่างหวัดๆ อยู่สองสามคำ โฮล์มส์อ่านดูแล้วก็ยื่นให้ข้าพเจ้า “คุณอ่านดูสิ” เขาพูดพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้าพเจ้าอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงอ่านข้อความด้วยความรู้สึกระทึกขวัญ “สัญลักษณ์แห่งสี่”

2.อวสานทรราชย์ FALL of GIANTS เขียนโดย 'เคน ฟอลเลตต์' แปลโดย 'ดร.กุลธิดา บุญยะกุล – ดันนากิ้น'

เป็นเรื่องราวของ 5 ครอบครัวที่เกี่ยวพันกันและดำเนินชีวิตผ่านช่วงเวลาสำคัญ ในยุคของสงครามโลกครั้งที่ 1 การปฏิวัติรัสเซีย และการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิสตรี เด็กชายชาวเวลส์วัยสิบสามปีเข้าสู่โลกของผู้ชายในหลุมของเหมืองถ่านหิน… นักศึกษากฎหมายชาวอเมริกันผู้ถูกปฏิเสธความรักแต่กลับค้นพบงานใหม่แบบไม่คาดฝัน ในทำเนียบขาวของประธานาธิบดี วู้ดโรว์ วิลสัน…

แม่บ้านของตระกูลขุนนางฟิตส์เฮอร์เบิร์ตก้าวขึ้นสูงกว่าสถานะของตัวเอง ในขณะที่ เลดี้ม็อด ฟิตส์เฮอร์เบิร์ต เองกลับก้าวข้ามเส้นแบ่งลงสู่ดินแดนต้องห้าม เมื่อไปหลงรักสายลับเยอรมัน… และเด็กชายกำพร้าชาวรัสเซียสองคนที่ดำเนินชีวิตในทิศทางต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อแผนอพยพไปอเมริกาผิดพลาดเพราะสงคราม การเกณฑ์ทหาร และการปฏิวัติ จากธุลีดินและมหันตภัยของเหมืองถ่านหิน ไปถึงแสงวิบวับของโคมระย้าในพระราชวัง จากฐานสูงสุดของอำนาจปกครองประเทศไปถึงห้องนอนของผู้ยิ่งใหญ่

“อวสานทรราชย์” จะพาเราเข้าสู่ชะตากรรมของ 5 ครอบครัวซึ่งพัวพันกันชนิดแยกไม่ออก และเข้าสู่ศตวรรษซึ่งเราคิดว่ารู้จัก แต่เวลานี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว…

สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี บูท L26

1.กรรมตามสมอง เขียนโดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร

สิ่งแรกที่คุณควรรู้เกี่ยวกับสมองก็คือ ณ ขณะนี้สมองของคุณกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของตัวมันเองอยู่! คุณไม่ได้ใช้หัวใจ ตับ ไต ไส้ หรือพุงในการคิดหรือทำความเข้าใจ และหากตอนนี้มีคนนำสนามแม่เหล็กกำลังสูง หรือเครื่องมือที่เรียกว่า TMS (Transcranial Magnetic Stimulation) มาจ่อใกล้ศีรษะเพื่อรบกวนการทำงานของสมองคุณ ตัวหนังสือทุกตัวจะเป็นเพียงลายขีดเขียนที่ไร้ความหมาย เพราะสมองจะไม่สามารถประมวลสิ่งต่างๆ จากตัวอักษรเหล่านี้ได้ หรือถ้าแม่เหล็กนั้นถูกนำมาจ่อใกล้สมองส่วนที่เรียกว่า Occipital Lobe ซึ่งทำหน้าที่ในการประมวลภาพจากจอประสาทตา คุณก็จะมองอะไรไม่เห็นเลยทั้งๆ ที่ยังลืมตาอยู่!

ระหว่างที่คุณกำลังอ่านตัวหนังสือของบรรทัดนี้ เส้นประสาทกว่า 1 แสนล้านเส้นกำลังสื่อสารกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อสร้างภาพ ความจำ ความเข้าใจ การคิดต่อยอด จินตนาการ ฯลฯ เพื่อให้จิตของคุณสามารถรับรู้ได้ สมองมีความมหัศจรรย์มากมายเกินกว่าจะสาธยายได้หมด แต่ถ้าถามว่า อะไรคือความมหัศจรรย์ที่สุดเกี่ยวกับสมอง ก็คงจะต้องตอบว่า…

“โครงสร้างทุกส่วนและเส้นประสาททุกเส้นในสมอง
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามความคิด คำพูด และการกระทำของเราเอง!”

นอกจากนั้น สิ่งที่เราได้เห็น ได้ชิม ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัส รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเรา ล้วนมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของสมองเราทั้งนั้น

ใช่แล้ว… สมองคือเครื่องมือสำคัญที่สุดที่คอยออกแบบชีวิตและกำหนดโชคชะตาของเรา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความจริงที่ว่า ทุกๆความคิด ทุกๆ คำพูด และทุกๆ การกระทำ ก็ล้วนมีส่วนสำคัญในการกำหนดโครงสร้างของสมองเราด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น หลายคนคงไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเนื้อสมองของเรามีความยืดหยุ่นไม่ต่างไปจากเนยแข็งหรือดินน้ำมันเลย ดังนั้นมันจึงถูก “ปั้น” ได้อย่างง่ายดายมาก หากเรารู้วิธี…

เพื่อให้เราเข้าใจความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับจิตใจได้ดียิ่งขึ้น เรามาลองศึกษากรณีตัวอย่างจากสมองของบุคคลคนหนึ่งที่คนทั้งโลกรู้จักกันดีกว่า…

“น้ำที่ทำให้เรือจมนั้น คือ น้ำที่อยู่ในเรือนั่นเองฉันใด
อุปสรรคที่แท้จริงและน่ากลัวที่สุด ก็คือ อุปสรรคในตัวของตัวเองฉันนั้น”

“โชคชะตา ฟ้าลิขิต” อย่างนั้นหรือ… ผิดแล้วล่ะ ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่า “โชคชะตา สมองข้าลิขิต” ต่างหาก เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นสถาปนิกของสมอง และเป็นผู้สร้างชะตากรรมของตัวเองอย่างแท้จริง โดยข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดในการออกแบบสมองของคน “ธรรมดา” มาจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยลอนดอน (University College London) โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้เกณฑ์ประชากรทั่วไปในกรุงลอนดอนมาวัดขนาดของสมองส่วน ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus = ศูนย์บัญชาการความทรงจำ) และนำไปเปรียบเทียบกับฮิปโปแคมปัสของคนขับรถแท็กซี่ โดยนักวิจัยสันนิษฐานว่า ฮิปโปแคมปัสของคนขับรถแท็กซี่จะมีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดา เนื่องจากกรุงลอนดอนมีเส้นทางที่ซับซ้อนมาก คนขับรถแท็กซี่จึงต้องใช้ความทรงจำเยอะกว่าคนปกติ

ผลวิจัยออกมาเป็นจริงดังคาด ฮิปโปแคมปัสของคนขับรถแท็กซี่มีขนาดใหญ่กว่าของคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดจำพื้นที่ (Spatial Memory) แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นักวิจัยได้ขยายผลงานอันโด่งดังนี้ต่อไป โดยการวัดขนาดฮิปโปแคมปัสของคนขับรถเมล์ในกรุงลอนดอนด้วย ซึ่งผลปรากฏว่า คนขับรถเมล์มีขนาดฮิปโปแคมปัสเท่ากับคนปกติ เนื่องจากคนขับรถเมล์มีเส้นทางการขับรถเดิมๆ พวกเขาจึงไม่ต้องใช้ความจำมากเท่ากับคนขับรถแท็กซี่!

“สมองคืออวัยวะที่ถูกออกแบบมาให้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากประสบการณ์
มากกว่าอวัยวะอื่นใดในร่างกายทั้งหมด”
-ดร.ริชาร์ด เจ. เดวิดสัน (นักประสาทวิทยา)-

ความยืดหยุ่นของสมอง (Neuroplasticity) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะกรณีของคนขับรถแท็กซี่และคนขับรถเมล์เท่านั้น สมองส่วนที่ใช้ประมวลการมองเห็น (Occipital Lobe) ของคนตาบอด ก็สามารถแปรสภาพไปใช้ประมวลเสียงแทนได้เช่นกัน คนตาบอดหลายคนจึงเอาไม้เท้าเคาะพื้นหรือตีวัตถุรอบกายเพื่อให้เกิดเสียงสะท้อน แล้วใช้ประสาทสัมผัสทางเสียงที่เฉียบคมสร้างมโนภาพของสิ่งแวดล้อมจากเสียงสะท้อนดังกล่าว พวกเขาจึงสามารถ “มองเห็น” ได้ด้วยเสียง! ภาษาอังกฤษเรียกกระบวนการนี้ว่า เอคโคโลเกชัน (Echolocation) ซึ่งเป็นวิธีที่ค้างคาวใช้ในการบินในถ้ำที่มืดสนิทโดยไม่ชนหินงอกหินย้อยนั่นเอง

2.ติดดาบให้สมอง เขียนโดย พระมหาอ้าย ธีรปัญโญ

๑.ด้วยความคิดว่า “การให้โอกาสเยาวชนบวชเรียนระยะสั้นๆ อาจเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เขามีชีวิตที่ประเสริฐสุดระยะยาวก็ได้” เพียงแต่ชาวพุทธทุกคนต้องช่วยกันปลูกต้นกล้านี้ด้วยมือแห่งศรัทธาและแรงแห่งปัญญาวันหนึ่ง “ต้นกล้าในนาบุญ” จักผลิบานเมล็ดผลและเติบโตอย่างมั่นคงได้ “เพราะเราปลูกเอง”

๒.สวดมนต์ข้ามปีดีอย่างไร

๓.ความสุขุมลุ่มลึก จะสอนให้ “เราพบ” ศิลปศาสตร์ ความผิดพลาดจะสอนให้ “เราฉลาด” ใช้ชีวิต ความมีกัลยาณมิตรจะสอนให้ “เราเข้าใจ” ตนเอง

๔.อย่าคิดว่า “การศึกษาในวันนี้ไม่มีผล” จงฝึกฝนและเตรียมตนให้พร้อมอยู่เสมอ วันหนึ่งเมื่อ “ถึงเวลา” ต้องใช้ความสามารถโอกาสนี้แหละ คือ “เวทีของคุณ”

๕.ยิ่งฝัน “ไกล”เพียงใด ยิ่งต้องทำให้ “ใกล้”เพียงนั้น

๖.ทำหน้าที่ของ “เรา” ให้ถูกต้อง ความดีทั้งผอง จักผลิ “ผล” เอง

๗.ยิ่งรู้ยิ่งแจ้ง ยิ่งลับยิ่งคม ยิ่งปลูกยิ่งงอก ยิ่งปล่อยยิ่งว่าง ยิ่งง่ายยิ่งงาม ยิ่งใช้ยิ่งมา คือนัยของคำว่า “ปัญญา”

๘.“ชีวิต” จะมีสักกี่ร้อยหน้า แต่เวลาสั่งการก็มาจาก “จิตดวงเดียว”

๙.“วัยเด็ก” เป็นวัยที่สุขง่ายทุกข์ยาก เพราะวิสัยของเด็กมีชีวิตบริสุทธิ์แบบ “ไม่ต้องปรุงแต่ง” อะไรมาก

๑๐.เมื่อเราเชื่อว่า “ต้องชนะ” ความเชื่อนี้ก็จะเป็นพาหนะขับเคลื่อนตัวเราไปสู่ “เส้นทาง” แห่งชัยชนะเอง

สำนักพิมพ์บ้านและสวน บูท Q26

1.condominium decorating ideas – เปลี่ยนห้องคอนโดมิเนียมให้เป็น “บ้าน”

“ไม่ว่าที่ไหนก็เป็น ‘บ้าน’ ได้ เมื่อมีความผูกพัน”

นั่นคือความคิดหลักของผู้จัดทำ ที่มองว่าความเป็นบ้านเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ได้ แน่นอนว่าเกือบทุกคนใฝ่ฝันถึงบ้านขนาดใหญ่ มีพื้นที่สวนสวยโดยรอบ และคิดว่าสิ่งนี้คือความสุขสมบูรณ์ของชีวิต แม้ขนาดพื้นที่ และสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยบ่มเพาะความสุขได้ แต่เมื่อมองกลับกัน เราก็สามารถหว่านเมล็ดแห่งความสุขลงในทุกพื้นที่แม้จะเป็นเพียงที่เล็กๆ และแห้งแล้งก็ตาม

ที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียมเรียกได้ว่าเป็นทั้งความสะดวกสบายและความจำเป็นของคนเมือง ไม่ว่าใครก็อยากทำให้ห้องที่หน้าตาคล้ายๆ กันกลายเป็น “บ้านของฉัน” ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยความผูกพัน ทั้งระหว่างคนกับคน และคนกับสถานที่ ยิ่งเราสะท้อนตัวตนในการตกแต่งและอยู่อาศัย ก็ยิ่งสร้างความผูกพันและความทรงจำร่วมกันในบ้านหลังนี้

หนังสือเล่มนี้จึงนำเสนอไอเดียการตกแต่งห้องคอนโดมิเนียมที่ได้เปลี่ยนพื้นที่ทั้งขนาดเล็กและใหญ่จำนวน 12 ห้องให้กลายเป็น “บ้าน” ซึ่งสะท้อนการใช้ชีวิต บุคลิก รสนิยม และความสุขของผู้อยู่อาศัยผ่านหลากหลายสไตล์การตกแต่ง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ ทั้งยังนำไอเดียไปใช้ได้โดยไม่จำกัดลักษณะที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือมุมใดมุมหนึ่งที่ต้องการความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งเป็นอีกสิ่งยืนยันว่า ความสุขในบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง เราต่างมีคำตอบแล้วค่อยๆ มาเรียงร้อยคำตอบเหล่านั้นให้เป็นจริงกัน

ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

2.ชุดกระโปรงตัดง่าย เขียนโดย มาจิโกะ คายากิ

“ชุดกระโปรงตัดง่าย” เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งของ มาจิโกะ คายากิ ซึ่งได้รับความนิยมไม่น้อยในญี่ปุ่น แบบเสื้อผ้าในเล่มดูเรียบ เก๋ แต่โดดเด่นด้วยการตัดเย็บที่ทำได้ง่าย แม้จะมีพื้นฐานการตัดเย็บเพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจและทำตามคำอธิบายต่างๆ ได้

ในเล่มนี้ประกอบด้วยชุดกระโปรงแบบชิ้นเดียว 20 แบบต่างๆ กัน สามารถตัดไว้สวมใส่ในโอกาสต่างๆ ได้ ทั้งผู้อ่านยังจะได้เรียนรู้เคล็ดลับที่สำคัญๆ สำหรับการตัดเย็บ เช่น การทำกระเป๋ากระโปรงแบบซ่อนไว้ที่ตะเข็บ การทำจีบรูด การทำคอเสื้อแบบดามผ้าและกุ๊นริม การติดซิปซ่อน การใช้ด้ายยางยืดเย็บย่น หรือที่เรียกว่าเย็บสม็อก การต่อโย้คที่มีรูปทรงโค้ง เป็นต้น :: Report by FLASH

Comments are closed.

Pin It