Dining Out

ท่วงทำนองความอร่อยแบบโอมากาเสะที่Sushi Zo Bangkok

Pinterest LinkedIn Tumblr


ใครที่เป็น ซูชิ เลิฟเวอร์ มาอัปเดทกันหน่อยจ้า! บัดนี้ Sushi Zo Bangkok ร้านซูชิ อันเลื่องชื่อจาก LA บินมาเปิดสาขาที่เมืองไทยแล้ว ด้วยความฮอตฮิตโดยมี 2 ดาวมิชลินการันตีความอร่อย เพราะเปิดมาไม่ถึง 2 สัปดาห์ คิวจองยาวเหยียดแล้ว

ร้านSushi Zo เสิร์ฟในสไตล์โอมากาเสะ ( OMAKASE) คือ ซูชิตามใจเชฟ หมายถึงว่าเชฟจะรังสรรค์เมนูซูชิในแต่ละมื้อตามแต่วัตถุดิบเลือกสรรที่ดีที่สุดในแต่ละวันเท่านั้น ดังนั้นเมนูในแต่ละวันจะซ้ำกันน้อยมาก แต่สำหรับร้านSushi Zo โดดเด่นไปกว่านั้นคือ ยังเป็นอิทไดกัง (Ittaikan) ซึ่งหมายถึงการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างอาหารทะเลกับข้าวซูชิ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความอร่อยลงตัว

สำหรับร้านที่เมืองไทยนั้นเชฟเซกิ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของร้านได้ส่งศิษย์เอกคือเชฟโทชิ โอนิชิ ( Toshi Onishi) เอ็กซ์เซ็กคิวทีฟเชฟผู้ปลุกปั้นและดูแล Sushi Zo Downtown มาประจำการที่สาขาใหม่ในกรุงเทพฯ
เชฟโอมากาเสะแต่ละคนจะมีสไตล์ในการนำเสนอแตกต่างกันไป สำหรับเชฟโทชิ หนุ่มแดนปลาดิบที่เกิดและเติบโตที่ฮอกไกโด แหล่งอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ดังนั้นหัวใจของซูชิคือข้าวที่เชฟนำมาจากฮอกไกโดและหุงข้าวด้วยน้ำแร่บริสุทธิ์ที่นำมาจากฮอกไกโดเช่นกัน รวมทั้งวัตถุดิบที่นำมาทำซูชิรับประกันความสดเพราะสั่งตรงจากญี่ปุ่นวันต่อวันจากแหล่งตลาดปลาที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่นถึง 3 แห่ง


Sushi Zo Bangkok เปิดบริการเพียงวันละ 2 รอบเท่านั้น แต่ละรอบเสิร์ฟซูชิประมาณ 18-20 คำ สนนราคา7,000 -8,000 บาท แล้วแต่ว่าในวันนั้นจะได้วัตถุดิบเป็นอะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอะไรก็ตาม เมื่อมาถึงมือเชฟขั้นเทพอย่างโทชิซึ่งมีความรู้เรื่องปลาเป็นอย่างดี เขาจะเสกสรรปั้นซูชิออกมาได้อร่อยเหนือคำบรรยาย ทั้ง ๆ ที่ซูชิแต่ละคำนั้นแทบจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเพื่อคงรสชาติตามธรรมชาติเอาไว้มากที่สุด
เสน่ห์ของการเสิร์ฟสไตล์โอมากาเสะนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับการครีเอทีฟของเชฟทั้งสิ้น ดังนั้นลูกค้าจึงไม่สามารถเดาทางอาหารในแต่ละครั้งออกเลย อย่างผู้เขียนไปชิมมาครั้งนี้ ทั้งหมด 20 คำ เชฟโทชิเริ่มอุ่นเครื่องด้วย 4 คำแรก คือ Oysterสดตัวอวบอึ๋มราดด้วยซอสพอนสึ , กุ้งหวานที่ยังไม่เคยทานกุ้งที่หวานอย่างนี้มาก่อนเลย , Yagara เป็นปลาเนื้อขาวจากฟูกูโอกะ และมากุโรส่วนที่เป็นอากามิ หรือเนื้อแดงนำไปต้มแบบwell-done ในน้ำส้มสายชู


รวมทั้งมีโอกาสได้ทานปลาสายพันธุ์แปลก ๆ จากญี่ปุ่น ซึ่งเชฟโทชิเข้าใจที่จะปรุงปลาชิ้นเดียวกันแต่นำไปทำเมนู 2 แบบที่แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเปรียบเทียบรสชาติกลายเป็นความสนุกที่ได้ค้นหาความลับแห่งความอร่อยของธรรมชาติ อย่างเช่น ปลา red snapper (ปลาเนื้อขาว คล้ายปลาตะเพียน) ที่เชฟโทชิเสิร์ฟคำแรกด้วยรสชาติที่แทบไม่ปรุงแต่งเลย มีเพียงเนื้อปลาที่แล่พอดีคำห่อบนข้าวแล้วก็ราดด้วยน้ำรสเปรี้ยวจากผลส้มยูสุและโรยเกลือป่นเล็กน้อย โดยเชฟrecommendให้ทานคู่กับสาเกเย็น ๆ ได้รสชาติความสดหวาน
จากนั้นเชฟโทชินำเนื้อปลาตัวนี้ไปทำซูชิรมควันอบอวลในครอบแก้ว เพื่อให้กลิ่นสโมคแทรกเข้าไปในอนูของเนื้อปลา เกิดเป็นความหอมที่มาพร้อมกับความหวานสดของเนื้อปลา รับรองเป็นความอร่อยแปลกใหม่ที่เชฟได้รังสรรค์ขึ้นมา

ถ้าพูดถึงความสุดยอดของซูชิในมื้อนี้ต้องรวมไปถึง Otoro เนื้อท้องมันย่องชิ้นโต ๆ ของบลูฟินทูน่าที่เชฟทำให้ชิมทั้งเนื้อสด ๆ อวดเลเยอร์เป็นริ้ว ๆ ของเนื้อสลับมันกินแบบละลายในปาก เพื่อไปเปรียบเทียบกับOtoroที่นำไปเผาไฟให้สุกเกรียมด้านนอกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เมื่อคีบเข้าปากจะได้ทั้งความหอม ความมัน สมกับเป็นสุดยอดของความอร่อย ขนาดกลืนลงคอแล้ว ความหอมของเนื้อยังหอมติดทนนาน
ซูชิประมาณ 18- 20 คำที่เชฟโทชิบรรจงเสกสรรค์ปั้นมาให้ลิ้มลองนั้น จะเริ่มตั้งแต่รสชาติที่อ่อนเบา แล้วค่อยไต่ระดับความเข้มข้นของวัตถุดิบ และเมื่อถึงจุดหนึ่งเชฟก็จะแทรกเมนูเบา ๆ เพื่อให้ล้างปากก่อนจะเริ่มคำใหม่ที่สร้างความหฤหรรษ์ต่อไป และปิดท้ายความอิ่มเอมทุกครั้งด้วยซุปใสปลาที่หอมหวานตามธรรมชาติ


ความสุขจากการที่ได้ลิ้มรสซูชิจากรสมือของเชฟโทชิตลอดเวลา 2 ชั่วโมงนั้น เปรียบเสมือนช่วงเวลาของการได้นั่งฟังท่วงทำนองเพลงแจ๊สที่สนุกสนาน ซึมซับประสบการณ์ Sushi Zo Bangkok ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลาในเส้นทางของการสัมผัสกับรสชาติซูชิสไตล์โอมากาเสะ

Sushi Zo Bangkok ตั้งอยู่ที่ พลาซ่า แอทธินี ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ สามารถรองรับลูกค้าที่นั่งอยู่รอบ ๆ เค้าเตอร์ได้เพียง 12 ที่นั่งเท่านั้น ในแต่ละวันจะเปิดบริการ 2 รอบ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 21.30 น. ปิดทุกวันจันทร์ ขอแนะนำให้โทรจองล่วงหน้าก่อนที่ 02-168-8490

Comments are closed.

Pin It