Dining Out

“วังหิ่งห้อย” สัมผัสเสน่ห์แห่งธรรมชาติ ผ่านประสบการณ์มื้อพิเศษ

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>สัมผัสประสบการณ์การกินดื่มรูปแบบใหม่ “วังหิ่งห้อย” (Wang Hinghoi) ร้านอาหารภายใต้แนวคิดการอยู่ร่วมกันของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์กับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษ เมนูอาหารที่อิงคอนเซ็ปต์ธรรมชาติ ไปจนถึงงานศิลปะ ตามแนวคิดธาตุแห่งชีวิตที่ เรียกได้ว่าเป็นการหลอมรวมเอาไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่เข้าไว้ด้วยกันกับธรรมชาติได้อย่างไม่เหมือนใคร โดยจะเปิดบริการเป็นระยะเวลา 18 เดือนตามวัฏจักรชีวิตของหิ่งห้อย

ร้านอาหารวังหิ่งห้อย ตั้งอยู่ตรงสนามกอล์ฟเก่า RCA บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร บนถนนเลียบทางรถไฟ ใกล้กับปากทางเข้า RCA ซึ่งจะว่าไปแล้วพื้นที่นี้อยู่ท่ามกลางความเจริญในสังคม ที่พื้นที่สีเขียวของธรรมชาติกลับค่อยๆ ถูกกลืนหายไป พร้อมกับการแทนที่ด้วยป่าคอนกรีต แต่เขาได้ดึงเอาความเป็นธรรมชาติมาให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสกัน เป็นสถานที่อันแสนเงียบสงบซักแห่งในการสรรค์สร้างแรงบันดาลใจและชาร์จพลังให้ชีวิต ซึ่งนั่นคือจุดกำเนิดของร้าน “วังหิ่งห้อย”

กับแนวคิดป่าพบเมืองที่เลือกแมลงเรืองแสงตัวจิ๋วอย่าง “หิ่งห้อย” ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนวัดค่าความสมบูรณ์ของธรรมชาติ มาเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินเรื่องและเป็นตัวแทนของระบบนิเวศจำลองที่ได้สร้างขึ้นมาภายในร้าน ผ่านธีมของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเป็น “ธาตุแห่งชีวิต” ที่ก่อให้เกิดสรรพสิ่งและเป็นหัวใจสำคัญในการบาลานซ์ธรรมชาติและเมืองเข้าด้วยกัน

ร้านนี้เกิดจากการร่วมมือกันของ วินิจ เลิศรัตนชัย, ศุภฤกษ์ โรจน์วงศ์สุริยะ และ วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ ที่พร้อมจะมอบสัมผัสใหม่อีกระดับแห่งวงการอาหาร ด้วยอาหารไทยเลิศรสหลากเมนูในหน้าตาสุดโมเดิร์น อีกทั้งการออกแบบร้านที่ผ่านการรังสรรค์มาโดยเฉพาะด้วยสถาปัตยกรรมแปลกตาไม่เหมือนใคร

เพียงก้าวแรกที่เดินตามทางเดินทอดยาวผ่านกำแพงดินขนาดใหญ่เพื่อเข้าสู่ตัวร้าน ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงประตูสู่อีกโลกที่เต็มไปด้วยความสงบสุขอย่างแท้จริง โดยร้านวังหิ่งห้อยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนสำคัญด้วยกัน ประกอบด้วย 1. โซนศิลปะ หรือ Grow Museum ที่มีไว้จัดแสดงผลงานศิลปะตามแนวคิดธาตุแห่งชีวิตที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป โดยในช่วงแรกเป็นธีมดิน ของอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินผู้เต็มไปด้วยประสบการณ์ในการสร้างสรรค์เครื่องปั้นดินเผาขนานแท้แห่ง ‘ดอยดินแดง’ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของดินว่ามีจุดเด่น เอกลักษณ์ และความพิเศษเพียงใด

2. คือโซนธรรมชาติ เมื่อก้าวผ่านกำแพงดินไปแล้วจะพบกับสัญญะของดิน น้ำ ลม และไฟอย่างครบถ้วน ซึ่งแขกผู้มาเยือนวังหิ่งห้อยจะได้เพลิดเพลินและเอ็นจอยไปกับบาร์ที่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มสุดพิเศษเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย

สำหรับ โซน 3 ห้องอาหาร อลังการด้วยที่นั่งหลากหลายมุมที่ตกแต่งด้วยโทนสีเรียบง่ายดูเป็นธรรมชาติ กับแสงสลัวแห่งบรรยากาศมื้อค่ำสุดโรแมนติคที่เข้ากันได้ดีกับห้องกระจกระบบนิเวศปิดที่จำลองความสวยงามและความสมบูรณ์ของป่ามาไว้ในเมืองได้อย่างลงตัว โดยได้สร้างขึ้นไว้ในบริเวณใจกลางร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึงเกือบครึ่งของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

โดยนอกจากธีมหลักของร้านจะเปลี่ยนไปทุกๆ 4 เดือน ตามแนวคิด “ธาตุแห่งชีวิต” ที่ประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟแล้ว การตกแต่งและเมนูอาหารของที่นี่ยังได้นำ 4 ธาตุสำคัญนี้มาตีความและครีเอทเป็นคอร์สอาหารสุดพิเศษ ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นรูปแบบใหม่ (นำเสนอภายใต้ธีม ณ ขณะนั้น) เชิญชวนให้เหล่าฟู้ดเลิฟเวอร์เลือกสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารสุดพิเศษได้อย่างเต็มอิ่มในแบบ คอร์ส 8 เมนู ราคา 2,490++ บาท และ คอร์ส 9 เมนู ราคา 3,290++ บาท ก่อนจะปิดท้าย 2 เดือนสุดท้ายที่ทางร้านจะนำเสนอบทสรุปของความบาลานซ์แห่งธรรมชาติและเมืองใหญ่ด้วยเมนูคอร์สพิเศษที่รับประกันความต่างไม่ซ้ำใคร

และท้ายที่สุดคือ โซนที่ 4 ห้องดูหิ่งห้อย ดื่มด่ำไปกับแสงวิบวับแห่งธรรมชาติใจกลางเมือง สถานที่หนึ่งเดียวในกรุงเทพมหานครที่จะได้ชื่นชมความงดงามของหิ่งห้อยนับ 300 ตัว ที่เปล่งแสงระยิบระยับเติมเต็มความเป็นธรรมชาติในตัวเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สัมผัสกับความงดงามของหิ่งห้อย ธรรมชาติแห่งชีวิต และความอร่อยได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านอาหาร “วังหิ่งห้อย” ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 – 23.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร.091-979-6226 หรือ www.facebook.com/WangHingHoi/















Comments are closed.

Pin It