Dining Out

เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล ที่อนันตรา สยาม เทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก

Pinterest LinkedIn Tumblr

ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายนที่สุดยอดเชฟมิชลินสตาร์ 13 ท่านจาก 9 ประเทศทั่วโลก ต่างมารวมตัวกันที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เพื่อจะรังสรรค์ความอร่อยหลากหลายสไตล์ พร้อมกับจัดช่วงเวลาแสนพิเศษที่จะให้เหล่านักชิมได้รับชมการปรุงอาหารขั้นเทพและเทคนิคต่างๆ อย่างใกล้ชิด

นับเป็นการเวียนมาบรรจบอีกครั้งสำหรับมหกรรมอาหารระดับโลก “เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล” เทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลกครั้งที่ 19 ที่ทางโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ร่วมกับ ซานเปลเลกรีโน (Sanpellegrino) และ แกสโทรนอตส์ เอเชีย (Gastronauts Asia) จัดขึ้น และได้เชิญเชฟระดับมิชลินสตาร์และเชฟชื่อดังที่ได้รับรางวัลรับรองฝีมือและรสชาติอาหารในระดับสากล มากกว่า 13 ท่าน พร้อมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอีก 2 ท่าน ได้บินตรงมาจาก 9 ประเทศทั่วโลก เพื่อมาปรุงอาหารรสเลิศให้ได้ลิ้มรสสุดยอดฝีมือเชฟตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ตั้งแต่วันที่ 3-9 กันยายน 2561

เริ่มจากเชฟโฮเซ อวิลเลซ จากห้องอาหาร Belcanto โปรตุเกส ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว แถมเขายังเคยได้รับอีกหนึ่งรางวัลอันทรงเกียรติ คือตำแหน่งเชฟยอดเยี่ยมแห่งปี “Chef of the Year” จากนิตยสาร WINE ในปี ค.ศ. 2015 โดยปัจจุบันนี้เขาเป็นเจ้าของห้องอาหารหลายแห่งในโปรตุเกส


เชฟเบอร์นาร์ด บาค จากห้องอาหาร Le Puits Saint-Jacques ฝรั่งเศส เจ้าของมิชลินสตาร์ 2 ดาว เขาเติบโตในครอบครัวธุรกิจร้านอาหารและคลุกคลีกับการเข้าครัวตั้งแต่วัยเยาว์ เขาใช้เทคนิคการปรุงอาหารที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยจินตนาการ โดยใช้วัตถุดิบที่สอดคล้องตามฤดูกาลซึ่งมาจากเกษตรกรในท้องถิ่น


เชฟเรียวเฮ ฮิเอดะ จากห้องอาหาร Shoun RyuGin ประเทศไต้หวัน ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว โดยเชฟเรียวเฮ หลงใหลในการทำอาหารมาตั้งแต่วัยเด็ก เขาได้ฝึกปรือวิชาการทำอาหารตามแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น และมุ่งมั่นศึกษาในเรื่องเครื่องปรุง เครื่องเทศ การทำและเทคนิคในการปรุงอาหารด้วยเกลือธรรมชาติ แถมยังเคยร่วมงานกับร้านอาหารชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาวในอีกหลายประเทศ



เชฟจอง โฮ คิม จากห้องอาหาร Jungsik ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เขาจบการศึกษาจากสถาบันศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์การทำอาหารแห่งประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ศิลปะการทำอาหาร Fine Dining จากอเมริกา ก่อนกลับมาสร้างชื่อที่บ้านเกิด โดยเขาเป็น Executive Chef รับผิดชอบในการพัฒนาเมนูของร้านและการบริหารในครัว โดยมีหลักในการทำอาหารคือ การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและควบคุมมาตรฐานรสชาติอาหารให้สม่ำเสมอ


เชฟมาร์ติน ดาลซัซ จากห้องอาหาร Talvo by Dalsass สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว เขาเกิดที่ประเทศอิตาลี และเดินทางเก็บเกี่ยวความรู้ด้านการทำอาหารจากทั้งในอิตาลี ฝรั่งเศส สวิส เชฟมาร์ตินได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งน้ำมันมะกอก หรือ Olive Oil Pope” ด้วยการใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหารแทนเนย ซึ่งเขายังเคยได้รับรางวัลเชฟยอดเยี่ยมแห่งปี “Chef of the Year” จากนิตยสาร Gault & Millau อีกด้วย


เชฟอเลสซานดรา เดล ฟาเวโร และ เชฟโอลิเวอร์ ปิราส จากห้องอาหาร AGA Ristorante สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งได้ 1 ดาวมิชลินสตาร์ สองสามีภรรยา เชฟอเลสซานดรา และเชฟโอลิเวอร์ได้ร่วมกันคิดค้นเมนูสำหรับห้องอาหารของพวกเขาโดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และผักที่ปลูกจากสวนของพวกเขาเอง


เชฟสรีจิต โกพินาธัน จากห้องอาหาร TAJ Campton Place สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว ที่เติบโตมากับครอบครัวที่รักในการทำอาหารและซึมซับอิทธิพลของเครื่องเทศจากดินแดนตอนใต้ของประเทศอินเดียมาตั้งแต่วัยเด็ก หลังเรียนจบจากสถาบันการทำอาหารแห่งอเมริกาได้ร่วมงานกับเชฟชื่อดังระดับโลกเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย และเขาเป็นอีกหนึ่งเชฟที่มีบทบาทสำคัญในการนำเสนออาหารอินเดียสู่ระดับที่ดียิ่งขึ้น


เชฟฮัน ลี กวง จากห้องอาหาร Labyrinth สาธารณรัฐสิงคโปร์ ที่เพิ่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาวเมื่อปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา เขาคืออดีตนายธนาคารที่ผันตัวเข้าสู่การเป็นเชฟ ด้วยการทำตามความฝันและมีใจรักในการทำอาหาร เขาเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์กับหลากหลายห้องอาหาร ร้านอาหารของเขานำเสนอการทำอาหารแบบสมัยใหม่ที่ประยุกต์เข้ากับอาหารดั้งเดิมของสิงคโปร์ และกวาดรางวัลต่างๆ มานับไม่ถ้วน



เชฟจูเซ็ปเป เอียนนอตติ จากห้องอาหาร Krèsios สาธารณรัฐอิตาลี ได้รับมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เขามีธุรกิจร้านอาหารและร้านขายวัตถุดิบในการทำอาหารแบบพรีเมียมจากท้องถิ่นในบริเวณฟาร์มของครอบครัว โดยเขาเกิดที่แคว้นคัมปาเนีย ดินแดนตอนใต้ของอิตาลี เขาเคยได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดเชฟหนุ่มรุ่นใหม่ “Best Young Chef” โดย Le Guide de L’Espresso ชนะการแข่งขันระดับประเทศ และยังได้รับเกียรติในการได้เข้าร่วมสมาคม Le Soste ในปี ค.ศ. 2017 ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาคมของสุดยอดร้านอาหารอิตาเลียนในทวีปยุโรป


เชฟชินจิ อิชิดะ จากห้องอาหาร Nogizaka Shin ญี่ปุ่น เขามีชื่อเสียงด้านการทำอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ผ่านงานจากร้านดังทั้งในโตเกียวและปารีส โดยหลังเปิดห้องอาหาร Nogizaka Shin เพียง 6 เดือน ห้องอาหารแห่งนี้ก็ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว


เชฟชินยะ โอทสึชิฮาชิ จากห้องอาหาร CRAFTALE ญี่ปุ่น เคยเรียนด้านการทำอาหารจากลียง ฝรั่งเศส และได้ฝึกงานในร้านระดับแนวหน้าของประเทศ ก่อนจะกลับมาเปิดร้านของตัวเอง คือห้องอาหาร CRAFTALE และได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาวภายในเวลาเพียง 2 ปี โดยชื่อของห้องอาหารเกิดจากการผสมระหว่าง 2 คำในภาษาอังกฤษ คือ “Craft” ซึ่งมีความหมายว่า “งานศิลปะ” และ “Tale” ซึ่งมีความหมายว่า “การเล่าเรื่อง” หรือ “นิทาน” สื่อถึงความหมายในการบรรจงรังสรรค์และถ่ายทอดเรื่องราวจากเชฟถึงแขกที่มารับประทาน


เชฟลุยจิ ทาเกลียนติ จากห้องอาหาร LUME สาธารณรัฐอิตาลี เขาเคยได้รับรางวัล สุดยอดเชฟหน้าใหม่แห่งปี “Young Chef of the Year” จากการจัดอันดับของ L'Espresso และเคยร่วมงานกับร้าน Trussardi alla Scala ซึ่งได้รับรางวัล Three Forks จาก Gambero Rosso อันเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพมอบให้กับร้านอาหารที่ได้รับการประเมินว่ามีรสชาติอร่อย มีไวน์ลิสต์ที่เหมาะสม และมีการบริการที่ดีเลิศ โดยหลังจากเชฟลุยจิเปิดห้องอาหาร LUME เพียงไม่กี่เดือนก็ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว และรางวัลสุดยอดห้องอาหารเปิดใหม่ในทวีปยุโรปประจำปี ค.ศ. 2017 จากการจัดอันดับของ Opinionated About Dining (OAD)


เชฟบ็อบบี ชิน เซเลบริตีเชฟที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามในระดับนานาชาติ เขาเป็นเจ้าของห้องอาหารรวมไปถึงตำราทำอาหารอีกหลายเล่ม เชฟบ็อบบีมีผลงานผ่านจอโทรทัศน์มากมาย อาทิ บทบาทการเป็นพิธีกรในรายการ Discovery TLC’s World Cafe series และเป็นหนึ่งในกรรมการตัดสินในรายการ Top Chef ตะวันออกกลาง เป็นเจ้าของห้องอาหาร Restaurant Bobby Chinn ที่กรุงฮานอย และโฮจิมินห์ นอกจากนี้ เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตส่งเสริมการท่องเที่ยวของเวียดนามในยุโรปในปี ค.ศ. 2014 อีกด้วย ซึ่งในงานนี้เขาได้จัดค่ำคืนสุดแสนพิเศษ “ดิอาจิโอ ไนต์ (Diageo Night)” โดยท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีสดจากเชฟบ็อบบี ชิน และเพื่อน ในวันเสาร์ที่ 8 กันยายน กับบรรยากาศสบายๆ ของ อะควา บาร์ ณ บริเวณปาริชาติ คอร์ต พิเศษสำหรับเทศกาลครั้งนี้เท่านั้น

เซจูยาง ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ (ซอมเมอลิเยร์) เกิดที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะย้ายไปกรุงนิวยอร์กเพื่อศึกษาเรื่องซอมเมอลิเยร์ ผ่านการร่วมงานกับห้องอาหารอันมีชื่อเสียงทั้งในนครนิวยอร์กและกรุงโตเกียวซึ่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 3 ดาว โดยเขาได้คัดสรรและดูแลการบริการจับคู่สาเกและไวน์เข้ากับอาหาร โดยคัดเลือกเอาเฉพาะไวน์ธรรมชาติ หรือ Natural Wines และไวน์ระดับพรีเมียมคัดสรรจากทั่วโลก เพื่อเสริมรสชาติอาหารให้ดียิ่งขึ้น เคยได้รับเลือกให้เป็นซอมเมอลิเยร์ดีเด่นรุ่นใหม่จากเว็บไซต์ StarChefs.com และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 ของซอมเมอลิเยร์ที่ดีที่สุดในโลก หรือ “World’s 50 Best Sommeliers of the World” จัดขึ้นที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี ค.ศ. 2017 อีกด้วย

พอล เอ ยัง ผู้เชี่ยวชาญและนักรังสรรค์ช็อกโกแลตและขนม (ช็อกโกแลตเทียร์) จากสหราชอาณาจักร เจ้าของร้านช็อกโกแลตในกรุงลอนดอน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นร้านช็อกโกแลตเปิดใหม่ที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักร พอลเป็นหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทด้านช็อกโกแลตในประเทศอังกฤษเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลการันตีอีกมากมาย อาทิ รางวัลเหรียญทองด้านช็อกโกแลตและรางวัลพิเศษสำหรับช็อกโกแลตเทียร์ที่โดดเด่นที่สุด จากงานประกาศรางวัล International Chocolate Awards นอกจากนี้พอลยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน Academy of Chocolate Awards อีกด้วย โดยเขาได้จัดกิจกรรมช็อกโกแลตมาสเตอร์คลาส รวมถึงรังสรรค์ขนมหวานและช็อกโกแลตสำหรับชุดน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษ


ในครั้งนี้ยังมีกิจกรรมมาสเตอร์คลาส ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ท่านจะได้ลิ้มรสชาติอาหารจานพิเศษระดับมิชลินสตาร์ ซึ่งเชฟรับเชิญจะมาเผยเทคนิคพร้อมสาธิตการทำอาหารอย่างใกล้ชิด โดยในวันพฤหัสบดี ที่ 6 กันยายน กิจกรรมมาสเตอร์คลาสพิเศษโดยเชฟชาวญี่ปุ่น จะร่วมนำเสนอคู่กับสาเกระดับพรีเมียมซึ่งจับคู่อย่างลงตัวโดยเชฟและซอมเมอลิเยร์ชื่อดัง เซจู ยาง (Seju Yang) จากห้องอาหาร S'accapau ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย

เชฟรับเชิญแต่ละท่านจะเป็นเจ้าภาพดูแล 2 ไวน์ดินเนอร์และมาสเตอร์คลาส รวมถึงรังสรรค์เมนูสำหรับเวิลด์ กูร์เมต์ บรันช์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อลังการและได้รับความนิยมที่สุด โดยจะมีขึ้นในวันสุดท้ายของเทศกาล (วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2561)

สำหรับรายได้จากการจำหน่ายบัตรรับประทานอาหารมื้อค่ำ 600 บาทต่อ 1 ใบ และรายได้ทั้งหมดจากการประมูลของรางวัลจะนำไปร่วมบริจาคสมทบทุนกองทุนพระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อช่วยลดการติดเอดส์ สภากาชาดไทย

สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งงานเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลกครั้งที่ 19 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ (ถนนราชดำริ-รถไฟฟ้า BTS สถานีราชดำริ) โทรศัพท์ 0-2126-8866 ต่อ 1707 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.WorldGourmetFestival.asia

Comments are closed.

Pin It