ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว สำหรับเทศกาลอาหาร SO Amazing Chef ของโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกๆ ปี โดยปีนี้มีเชฟชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร จากทั่วโลกมาร่วมประชันความสามารถกันมากถึง 21 ท่าน รวมดาวมิชลินถึง 14 ดวงไว้ในงานเดียวกัน พร้อมกับสารพัดกิจกรรมน่าสนใจตลอด 10 วันเต็ม ตั้งแต่ช่วงวันที่ 14-23 กันยายนนี้
ไฮไลต์สำคัญในทุกปีของเทศกาลอาหารนี้ คือเหล่ากิจกรรมน่าตื่นตาตื่นใจและประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ โดยในปีนี้ SO Amazing Chef 2018 ตลอด 10 วัน ทางโรงแรมฯ ได้จัดเตรียมมื้อค่ำไว้ถึง 7 มื้อ พร้อมอีก 7 กิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น คลาสสอนทำอาหาร, บุฟเฟต์มื้อบรันช์วันอาทิตย์, ชีสไนต์, ออยสเตอร์ไนต์ และที่เพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษในปีนี้ ได้แก่ เซตมื้อค่ำติ่มซำ, ชีสและบาร์บีคิวบนเตาเซรามิก และค็อกเทลเมนูพิเศษโดยทีมบาร์เทนเดอร์จากดิอาจิโอ เวิลด์คลาส
สำหรับคลาสสอนทำอาหารในปีนี้ มีให้เลือกเรียนทั้งเมนูอาหารคาว พาสทรี และช็อกโกแลต ให้ท่านได้เรียนรู้ทักษะจากเชฟผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และเช่นเคย ไฮไลต์ของงานจะอยู่ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน กับงาน “Culinary Showdown” การประลองฝีมือกันของเหล่าเชฟ ที่เปิดโอกาสให้แขกทุกท่านได้เห็นฝีมือและเคล็ดลับของเชฟแต่ละท่านอย่างใกล้ชิด โดยมีเหล่าคนดังในแวดวงอาหารของเมืองไทยเป็นผู้ตัดสิน
โดยในปีนี้มีเชฟระดับดาวมิชลินและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั้งหมด 11 ท่านที่เดินทางมาร่วมงานเป็นปีแรก เริ่มจากเชฟเจมส์ โนเบิล ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ 2 ดาวมิชลินของห้องอาหาร The Pink Geranium ในประเทศอังกฤษ เขาเป็นเชฟส่วนตัวให้กับคนดังอย่างมิก แจ็กเกอร์ ปัจจุบันเป็นเจ้าของ The Boutique Farmers ฟาร์มออร์แกนิกในจังหวัดหัวหิน หนึ่งในฟาร์มเพาะปลูกพืชผลแบบอินทรีย์ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ห้องอาหารชั้นนำหลายแห่งในเมืองไทย
เชฟมาริโอ บาริออส เชฟขนมหวานแห่งห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน Librije's Zusje ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขามีบริษัทที่ปรึกษาด้านขนมหวานเป็นของตัวเอง ภายใต้ Entourage Group ในยุโรป, เชฟซิมอน สกอต เจ้าของ Bistrot Saveurs ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน ในเมืองแคสเตรส ประเทศฝรั่งเศส เชฟซิมอนเป็นหนึ่งในสองของพ่อครัวชาวอังกฤษในฝรั่งเศสที่ได้รับดาวมิชลิน, เชฟรอบ แวน เดอ วีเคน จาก Karpendonkse Hoeve ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน ในเมืองไอนด์โฮเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นห้องอาหารที่ได้รับการการันตีคุณภาพด้วย 1 ดาวมิชลินเป็นประจำทุกปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979
เชฟกี ลาสซอแซร์ เจ้าของห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน Guy Lassausaie ในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูล ลาสซอแซร์ ผู้ทำงานในห้องอาหาร 2 ดาวมิชลินของครอบครัวซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1906, เชฟบาสเตียน ฟอลเก้นรอท เจ้าของห้องอาหาร U. das ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ที่ได้รับ 1 ดาวมิชลิน เขาได้ผ่านประสบการณ์ในการร่วมงานกับเชฟชื่อดังมากมาย และเขายังเคยได้รับเลือกจากหนังสือพิมพ์ Frankfuter Allegemeine Zeitung ว่าเป็นเชฟที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดในปี ค.ศ. 2017, เชฟฟิลิปป์ ออริโก เจ้าของห้องอาหาร Upper Modern Bistro 1 ดาวมิชลิน และ On Dining Kitchen & Lounge ในฮ่องกง
อีกทั้งยังมีคู่เชฟแม่ลูก เชฟมาเรีย โจเซ ซาน โรมาน เชฟเจ้าของ Monastrell ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน พร้อมด้วยลูกสาว มาเรีย ยูจีเนีย เพอร์รามอน โรมาน เจ้าของทาปาส บาร์ La Taberna del Gourmet เดินทางจากเมืองอาลิกันเต ประเทศสเปน โดยเชฟคุณแม่มีชื่อเสียงจากการนำเอาส่วนผสมอันเป็นเอกลักษณ์ของสเปนมาใช้ในการปรุงอาหาร และถือเป็นหนึ่งในเชฟหญิงที่มีชื่อเสียงในแวดวงอาหารของสเปน ทางด้านลูกสาวหลังจบการศึกษาด้านการโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ มาเรียได้เข้าทำงานร่วมกับแม่ของเธอ และเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการของทาปาส บาร์ La Taberna del Gourmet ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากมายภายใต้การบริหารงานของเธอ
เชฟนิโคลาส อิลาลอฟ เจ้าของ Man Mo ห้องอาหารติ่มซำแนวฟิวชันแห่งแรกของโลกที่ฮ่องกง ซึ่งได้รับการยกย่องในการนำเอาส่วนผสมของยุโรปมารวมเข้ากับศิลปะการทำติ่มซำ จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมอย่าง เมนูเสี่ยวหลงเปาฟัวกราส์ และสุดท้ายเพื่อให้ค่ำคืนชีสไนต์พิเศษกว่าทุกปี เรายังได้เชิญชีสมาสเตอร์ ลีโอ อูเกอร์นา เจ้าของรางวัล Best Young Cheesemonger in the World เขาเคยร่วมงานกับ Maison Marchand ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชีสที่เก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส
และในปีนี้ยังมีการเปิดตัวเชฟโธมัส สมิธ หัวหน้าเชฟประจำโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก ซึ่งจะเข้าร่วมจัดงานในปีนี้เป็นปีแรก โดยเชฟโธมัสมีประสบการณ์การทำงานในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ผ่านการทำงานร่วมกับห้องอาหารระดับดาวมิชลินหลายแห่งรวมถึง Savoy Hotel ในกรุงลอนดอน Les Saveurs ในกรุงตูลูส รวมถึงโรงแรมหกดาวในดูไบอีกด้วย นอกจากนี้ยังเคยร่วมงานกับเชฟชื่อดังหลายท่าน เช่น เชฟไฮนส์ วินเคลอร์ เชฟมิเชล โรส์ เชฟแกรี โรดส์ เ ชฟเจมส์ มาร์ติน
ส่วนเชฟอีก 9 ท่านที่ได้กลับมาโชว์ฝีมือการปรุงอาหารให้ได้รับชมรับชิมกันอีกครั้ง ได้แก่ เชฟพอล ลีแบรนดต์ เจ้าของห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน Corton ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งกวาดรางวัลจากสื่อในนิวยอร์กมาอย่างมากมาย, เชฟนิโคลาส อิสนาร์ด เจ้าของ ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน L'Auberge de la Charme ในเมืองเปรนัว ประเทศฝรั่งเศส ผู้ได้แรงบันดาลใจและเรียนรู้การทำอาหารมาจากคุณยายของเขา, เชฟบรูโน ดิเนล เจ้าของร้าน Le Bistrot du Boulanger ในเมืองสตราสบูร์ก เจ้าของรางวัล Bib Gourmand 2016 เขาเริ่มเส้นทางอาชีพด้วยการเป็นซอมเมอลิเยร์ ต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพก่อนได้รับการยอมรับด้วยรางวัล “Baker of the Year” เมื่อปี 2007 โดยเขามีชื่อเสียงจากการผสมผสานทักษะความรู้สมัยใหม่เข้ากับวิถีดั้งเดิม
เชฟลีโอนาร์ด เอเลนบาส เชฟผู้สาธิต ตัวแทนจาก Big Green Egg เตาย่างถ่านคุณภาพเยี่ยมจากยุโรป โดยเชฟลีโอนาร์ดเคยเป็นหนึ่งในหน่วยนาวิกโยธินมาก่อน ซึ่งนอกจากรสชาติอาหารของเชฟลีโอนาร์ดจะมีรสชาติดีแล้วนั้น ยังต้องดีต่อสุขภาพอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงได้จ้างเกษตรกรให้ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ให้กับเขาเป็นพิเศษ นอกจากนี้เขายังมีโรงผลิตแป้ง ชีส และนม รวมถึงโรงเลี้ยงหมูขนแกะ เป็นของตัวเองอีกด้วย, เชฟดีดิเย คาลู ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเทศ เชฟชาวฝรั่งเศสที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา ออกเดินทางมาแล้วทั่วโลก ได้รับโอกาสเตรียมอาหารให้แก่ประธานาธิบดีของประเทศแอฟริกา เชื้อพระวงศ์ของประเทศเขมรและมาเลเซีย เหล่าคนดังในแวดวงบันเทิง เจ้าของรางวัลอีกมากมายทั้งมาสเตอร์เชฟของประเทศฝรั่งเศส ผู้ชนะรางวัล 5 Diamond Stars นอกจากนี้ยังเป็นเชฟเจ้าของร้านอาหาร La Verticale และ Madame Hien in Hanoi รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมเชฟ Village de Chefs Association
เชฟสเตฟาน บอนนา ผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลตจากตระกูลผู้ผลิตช็อกโกแลตบอนนา ซึ่งเป็นช็อกโกแลตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยธุรกิจของครอบครัวเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2427 ในเมืองวัวรอง ประเทศฝรั่งเศส, ฌากส์ โคโคลลอส ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าของฟาร์มหอยนางรมคุณภาพเยี่ยมในฝรั่งเศส ที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวเจ้าของร้านอาหาร เขาเดินทางไปประเทศไอร์แลนด์เพื่อเรียนรู้การเลี้ยงหอยนางรมถึง 15 ปี, แพทริซ และ ฟิลิป มาร์กชองด์ พี่น้องชีสมาสเตอร์ ผู้สืบทอดกิจการผลิตภัณฑ์นมสดของครอบครัว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมที่เก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2423
นอกจากนี้ยังมีทีมเชฟมากความสามารถจากโรงแรมในเครือแอคคอร์ โฮเทล ทั้งโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท โรงแรมวี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี บาย โซฟิเทล และโรงแรมโฮเทลมิวส์ แบงค็อก มาร่วมสร้างสีสันในงานปีนี้อีกด้วย
โดยในทุกค่ำคืนจะมีมื้อค่ำ SO Amazing Chefs Dinner ที่ห้องอาหารพาร์ค โซไซตี้ ชั้น 29 และมีมื้อค่ำส่วนตัวสำหรับ 10 ท่าน เริ่มจากวันแรกคือวันศุกร์ที่ 14 กันยายน และในวันเสาร์ที่ 15 กันยายนมีคลาสสอนทำอาหาร Spice Master Class โดยเชฟดีดิเย คาลู ที่โซเชียล คลับ พร้อมมิกโซโลจิสต์ ไนต์ โดยทีมเวิลด์ คลาส บาร์เทนเดอร์จากดิอาจิโอ ช่วงค่ำที่มิกโซ บาร์
ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน มีบุฟเฟ่ต์มื้อสาย ที่ห้องอาหารเรด โอเวน สำหรับวันจันทร์ที่ 17 กันยายน ช่วงสายมีคลาสสอนทำขนม Pastry Master Class โดยเชฟมาริโอ บาริออส และเชฟปิติ แสงมณี ในวันอังคารที่ 18 กันยายน จัดคลาสสอนทำช็อกโกแลต โดยเชฟสเตฟาน บอนนา ที่ช็อกโกแล็บ ชั้น G ส่วนวันพุธที่ 19 กันยายน มีคลาสสอนทำขนม Pastry Master Class และคลาสสอนทำช็อกโกแลต กับเชฟสเตฟาน บอนนา
พร้อมพิเศษกับมื้อค่ำ Cheese and Grill Pop-Up โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านชีส อย่างลีโอนาร์ด เอเลนบาส, ชีสมาสเตอร์ แพทริซ และ ฟิลิปป์ มาร์กชองด์ และ ลีโอ อูเกอร์นา ที่พาร์ค โซไซตี้
วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน ปรับจากมื้อค่ำปกติ เป็นค่ำติ่มซำ The Asian Pop-Up โดยนิโคลาส อิลาลอฟ, เชฟปิติ แสงมณี และ เชฟเชษฐา อินทรวงษ์ และไฮไลต์ของงานอย่าง การแข่งขันทำอาหาร Culinary Showdown ที่ห้องบอลรูม
ในวันศุกร์ที่ 21 กันยายนมีงาน Cheese@SO with Les Frères Marchand เต็มอิ่มกับไวน์ ชีส พร้อมทาปาสแบบไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมง ท่ามกลางเสียงเพลงจากดีเจ ที่มิกโซ บาร์ พร้อมกับมิกโซโลจิสต์ ไนต์จากทีมเวิลด์ คลาส บาร์เทนเดอร์จากดิอาจิโอ ที่เดอะ วอเตอร์คลับ ส่วนวันเสาร์ที่ 22 กันยายน จัดออยสเตอร์ ไนต์ ให้เต็มอิ่มกับหอยนางรมคุณภาพเยี่ยม เสิร์ฟพร้อมคานาเป สปาร์กลิ้งไวน์ และแชมเปญแบบไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมง ที่มิกโซ บาร์ และวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน ปิดท้ายด้วยมื้อค่ำ SO Amazing Chefs Dinner และมื้อค่ำส่วนตัวเฉกเช่นเดียวกับทุกคืน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล h6835@sofitel.com หรือโทรศัพท์ 0-2624-0000
Comments are closed.