เกษรวิลเลจ (Gaysorn Village) สร้างสรรค์ความอร่อยบริบทใหม่ที่พร้อมเสิร์ฟสุดยอดประสบการณ์กินดื่มมื้อกลางวันให้คุณดื่มด่ำอย่างเต็มรูปแบบ ใน #EatAtGaysorn (อีทแอทเกษร) ที่ทั้ง 23 ร้านกินดื่มสุดเทรนดี้ในเกษรวิลเลจได้รังสรรค์เมนูอร่อยๆ ให้เหล่ากูร์เมต์ เลิฟเวอร์ ได้มาเอ็นจอยอย่างมีรสนิยมและแมทช์ไลฟ์สไตล์ได้ในทุกมื้อทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเช็คอินทานเมนูจานด่วนในร้านสไตล์เก๋สุดโฟโตจีนิก เอาใจสายกินยุคมิลเลนเนียล หรือจะยกแก๊งค์เพื่อนมาเติมเต็มช่วงเวลาดีๆ ไปด้วยกันกับร้านอาหารที่สามารถนั่งชิลล์เม้าท์กันได้ยาวๆ ครบทุกความต้องการโดยเฉพาะในกลุ่มนักธุรกิจรวมถึงบรรดาหนุ่มสาวคนทำงานรุ่นใหม่กับร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังมากมายที่ตอบโจทย์นักธุรกิจเจนวาย
ทั้ง 23 ร้านที่เข้าร่วมโครงการนี้ ก็มีครบครันทุกสไตล์ความอร่อย ตั้งแต่ 1823 ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์, SNAP (สแน็ป), BOYY & SON CAFÉ (บอย แอนด์ ซัน คาเฟ่), PASTE (เพสต์), BURGER & LOBSTER (เบอร์เกอร์ แอนด์ ล็อบสเตอร์), GINZA TENHARU (กินซ่า เทนฮารุ), RIEDEL WINE BAR & CELLAR (รีเดล ไวน์ บาร์ แอนด์ เซลลาร์), DE TUMMOUR (เดอ ตำมั่ว), NONAME STEAK SEAFOOD TAPAS (โนเนม สเต็ก ซีฟู้ด ทาปาส), ERIC KAYSER (อีริค เคย์เซอร์), PROVENCE (โพรวองซ์), WELLNESS BAR@PAÑPURI WELLNESS (เวลเนส บาร์ แอท ปัญญ์ปุริ เวลเนส), DUKE (ดุ๊ก), KUB KAO’ KUB PLA (กับข้าว’กับปลา), KOI THÉ (โคอิเตะ), STARBUCKS COFFEE (สตาร์บัคส์ คอฟฟี่), XINN TIEN DI (ซิน เทียน ตี้), UMI (อุมิ), STARBUCKS RESERVE™ EXPERIENCE STORE (สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์), NABEZO PREMIUM (นาเบโซะ พรีเมี่ยม), SUSHI MORI (ซูชิ โมริ), THE MANDARIN ORIENTAL SHOP (เดอะ แมนดาริน โอเรียนเต็ล ช็อป), iBERISTA (ไอเบอร์ริสต้า)
โดยแต่ละร้านล้วนจัดเมนูเด็ด ที่ทั้งอร่อยและสวยงาม พร้อมเป็นอาหารปากและอาหารตา มาพร้อมให้บริการ อย่าง 1823 TEA LOUNGE BY RONNEFELDT (1823 ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์) ทีเลานจ์แห่งแรกและแห่งเดียวของแบรนด์ชาเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1823 จากประเทศเยอรมนี นอกจากจะเสิร์ฟชาคุณภาพเยี่ยมจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว เมนูอาหารกลางวันที่ครีเอทขึ้นล่าสุดอย่าง 'Duck Breast' ก็ยังมอบรสสัมผัสชั้นเลิศและสอดแทรกความเป็นแบรนด์ชาชื่อก้องลงไปด้วย โดยนำอกเป็ดที่คัดสรรมาพิเศษไปเข้าเครื่องซูวี เพื่อให้สุกอย่างสมบูรณ์แบบและคงความชุ่มฉ่ำ จากนั้นเซียร์ให้หนังกรอบกรุบกำลังน่าทาน แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสเต๊ก มีเครื่องเคียงเป็นมันม่วงพูเรกับมันส้มอบน้ำผึ้ง ราดด้วยซอสลาเวนเดอร์เรดไวน์ ซึ่งลาเวนเดอร์ช่วยลดความเข้มข้นของไวน์แดงให้เจือจางลง แต่กลับได้รสชาติอร่อยลงตัวเมื่อรับประทานคู่กับเนื้อเป็ดชิ้นอวบที่หวานฉ่ำโดยธรรมชาติ จะเลือกนั่งทานภายในร้านก็เป็นส่วนตัวหรือเป็นโซน Balcony ด้านนอกร้านก็สามารถเอ็นจอยบิสซิเนสทอล์กท่ามกลางบรรยากาศโอ่โถง สะดวกสบาย
หรือร้าน PASTE (เพสต์) สุดยอดร้านอาหารไทยโดยฝีมือเชฟคนไทยเพียงไม่กี่ร้านที่สามารถสอยดาวมิชลินมาประดับไว้ได้ หลอมรวมเสน่ห์ของอาหารไทยสูตรโบราณ ผสมผสานกระบวนการปรุงและการนำเสนอสุดสร้างสรรค์แปลกใหม่สวยงามที่ใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจทุกราย ดังเช่นเมนู 'คั่วกลิ้งปลาอินทรี' ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูคั่วกลิ้งของภาคใต้ แต่เปลี่ยนจากการผัดพริกแกงกับหมูสับหรือไก่สับมาทำเป็นซอส แล้วท็อปด้านบนด้วยปลาอินทรีสดจากกลุ่มประมงพื้นบ้าน เคล้ากับใบมะกรูดและพริกไทยสด เสิร์ฟพร้อมดอกดาหลา, ใบเล็บครุฑ, ใบเฟิร์นตีนตุ๊กแก และใบชะคราม อร่อยกลมกล่อมแบบรสชาติไทยในระดับสากล
ทางด้าน RIEDEL WINE BAR & CELLAR (รีเดล ไวน์ บาร์ แอนด์ เซลลาร์) ชื่อนี้การันตีความพิเศษในหมู่ไวน์ เลิฟเวอร์ได้เป็นอย่างดี ภูมิใจนำเสนอเมนคอร์สสำหรับมื้อกลางวันทานง่ายที่เหมาะแก่การรับประทานแกล้มวิวย่านราชประสงค์ 'Linguine & Spicy Crab' เส้นลิงกวินีคลุกเคล้ากับเนื้อปูสดๆ แน่นๆ เสิร์ฟกับเลมอนและชิลลี่ออยล์ รสชาติเผ็ดนำเล็กน้อยแล้วตามด้วยความเปรี้ยวจากเลมอน แนะนำให้สั่งไวน์ขาวสักแก้วมาดื่มด้วยระหว่างมื้อ เพราะจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้ยิ่งเอร็ดอร่อยประทับใจนำไปสู่การปิดดีลที่สมบูรณ์แบบ
ที่ THE MANDARIN ORIENTAL SHOP (เดอะ แมนดาริน โอเรียนเต็ล ช็อป) ร้านขนมและอาหารอันโด่งดัง อร่อยเลิศตามมาตรฐานของโรงแรมระดับ 5 ดาว Mandarin Oriental ภายใต้การตกแต่งที่ดูคลาสสิคเรียบโก้ นำเสนอเมนูอร่อยคลายร้อนยามบ่ายประจำฤดูร้อนของไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน อย่าง 'ข้าวแช่' สูตรต้นตำรับชาววัง เมล็ดข้าวสีขาวบริสุทธิ์ เมื่อแช่น้ำแล้วไม่พองไม่แตก หอมน้ำดอกมะลิติดปลายจมูกในทุกๆ คำที่ตักรับประทาน ส่วนเครื่องเคียงก็ครบรสตามต้นตำรับ มีทั้งลูกกะปิทอด, ไข่เค็มชุบไข่ทอด, กุ้งและเนื้อปลาปั้นกลมทอด, หมูหวาน, ไชโป้วหวาน, หอมแดงยัดไส้กะปิ, พริกหยวกสอดไส้หมูบดและกุ้งสับ รวมถึงผักแกะสลักอย่างประณีตงดงาม หากยังคุยงานไม่หนำใจ ลองปิดท้ายด้วย High Tea Set ลิ้มรสขนมหวานระดับตำนาน ทั้งเลมอนทาร์ต หรือมาการองสูตรโอเรียนเต็ล ที่โดดเด่นด้วยความสดใหม่และพรีเซนเทชั่นที่สวยงาม เสิร์ฟพร้อมชามาตรฐานระดับโลกที่ทำให้ยามบ่ายครั้งนี้เป็นที่น่าจดจำไม่รู้ลืม
มุมด้านหน้าทางเข้าที่ร้าน ERIC KAYSER (อีริค เคย์เซอร์) ร้านขนมปังอาร์ทิซานเจ้าดังจากฝรั่งเศส ภายใต้การสืบทอดกรรมวิธีการทำขนมปังตามแบบฉบับดั้งเดิมมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดกระทั่งถึงปัจจุบัน ให้บริการทั้ง เบเกอรี่ พาทิสเซอรี่และเครื่องดื่มต่างๆ 'Buchée de Roses' เป็นชื่อของเค้กสีชมพูหวานฉ่ำใหม่ล่าสุด มาจากการผสม ผสานกันระหว่างกุหลาบ ลิ้นจี่ และราสเบอร์รี่ โดยเค้กจะถูกเรียงเป็นชั้นๆ ตามลำดับการรับรู้กลิ่นและรสชาติของมนุษย์ ซึ่งความอร่อยสุดเซอร์ไพรส์จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในทุกคำที่ป้อนเข้าปาก ราวกับกำลังรับประทานกลีบดอกไม้หวานหอมจากท้องทุ่งในความฝัน
ถัดไปที่ร้าน DUKE (ดุ๊ก) แหล่งรวมของวิสกี้และซิการ์ระดับตำนานโลก บวกกับคอนเซ็ปต์ร้านที่ออกแนว Co-Working Space ดุ๊กจึงรังสรรค์เครื่องดื่มแก้วใหม่เพื่อเอาใจคอกาแฟตัวยงที่ปรารถนาจะสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ของรสชาติที่มีกลิ่นอายของกาแฟผสมผสานอยู่ด้วย 'Fancy Cold Brew' จึงเป็นม็อกเทลลูกผสมสูตร Cold Brew สไตล์เยอรมัน เสิร์ฟมาในแก้วค็อกเทลทรงบางเฉียบ จิบแรกปลายลิ้นสัมผัสถึงรสชาติเข้มข้นของกาแฟ ก่อนตามด้วยรสหวานผสานเปรี้ยวจากแพสชั่นฟรุตและส้ม ละเลียดจิบหลังมื้อกลางวันพร้อมดื่มด่ำกับงานศิลปะที่เวียนมาจัดแสดงที่ร้านตลอดทั้งปี
อีกหนึ่งร้านที่เสิร์ฟกาแฟ อย่าง STARBUCKS COFFEE (สตาร์บัคส์ คอฟฟี่) ก็มีเมนู 'Cold Foam Iced Espresso' กาแฟเอสเพรสโซ่เสิร์ฟในรูปแบบเย็น ที่มาพร้อมโคลด์โฟมที่ทางสตาร์บัคส์รังสรรค์ฟองนมเนียนนุ่มละมุนลิ้นท็อปอยู่ด้านบน เอาใจคอกาแฟที่รักสุขภาพ เพราะมีรสหวานหน่อยๆ และโฟมนมทำจากนมไขมันต่ำ มอบรสชาติกาแฟที่เข้มข้นเย็นชื่นใจ สัมผัสได้ถึงความครีมมี่แต่แคลอรี่ต่ำ เหมาะกับเป็นเครื่องดื่มปิดท้ายมื้อกลางวันที่อากาศร้อน ช่วยปลุกความสดชื่นตลอดช่วงบ่ายได้อย่างมีชีวิตชีวา ส่วนที่ STARBUCKS RESERVE™ EXPERIENCE STORE (สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์) ก็นำเสนอสเปเชียลเมนู 'Smoked Butterscotch Latte' ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้าน Shanghai Reserve Roastery ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟเท่านั้น โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของบัตเตอร์สก็อตซอสรสชาติเข้มข้นที่ได้จากการเคี่ยวเนยและน้ำตาลเข้าด้วยกัน ผสมผสานกับเอสเพรสโซ่ช็อต ให้ความรู้สึกของเครื่องดื่มที่ราวกับเป็นขนมหวาน เพราะเต็มไปด้วยรสชาติหวานมัน กลมกล่อม หอมกลิ่นควันอ่อนๆ ที่สำคัญยังเลือกชนิดของกาแฟและระดับความเข้มข้นของรสชาติได้ตามใจต้องการ
นี่แค่เป็นส่วนหนึ่งของตัวอย่างความอร่อย เตรียมพบสุดยอดประสบการณ์กินดื่มมื้อกลางวันอีกสารพัดแบบได้ที่เกษรวิลเลจ กับแคมเปญ #EatAtGaysorn นอกจากจะให้เหล่าฟู้ดดี้ได้เลือกอิ่มอร่อยกับคาเฟ่และร้านอาหารชื่อดังถึง 23 ร้านแล้ว ยังสามารถร่วมกิจกรรมเพื่อลุ้นรางวัลต่างๆ อีกมากมาย
อาทิ ร่วมกิจกรรม Food Stamp เพื่อลุ้นรับของรางวัลจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พิเศษสุดสำหรับผู้มียอดใช้จ่ายจากร้านอาหารที่ร่วมแคมเปญสูงสุด รับทันทีแชมเปญ Pol Roger Double Magnum Jeroboam Brut Reserve ขนาด 3 ลิตร มูลค่าขวดละ 12,000 บาท จำนวน 3 รางวัล และพลาดไม่ได้กับอีกหนึ่งแอคทิวิตี้เด็ดบนโซเชียลมีเดีย เพียงมาเอ็นจอยอีทติ้งที่เกษร แชะภาพอาหารจานสวยแล้วแชร์ให้สนั่นเฟสบุ๊คและอินสตราแกรม พร้อมติดแฮชแท็ก #EatAtGaysorn ตั้งค่าเป็นสาธารณะ เพียงเท่านี้ก็ลุ้นรับของรางวัลจากเกษรวิลเลจทันที!!! ตลอดเดือนเมษายนนี้ และจะประกาศผลผู้ได้รับรางวัล วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2562 ทาง www.facebook.com/GaysornVillage/
Dining Out
Comments are closed.