Dining Out

“Les Amis ที่ La Scala” เมนูนี้…พลาดไม่ได้ !

Pinterest LinkedIn Tumblr


บรรดาเศรษฐีนักธุรกิจทั่วโลกที่ไปเยือนสิงคโปร์นั้น ไม่ว่าจะเพื่อทำธุรกิจหรือชอปปิ้งก็ตาม อีกไฟล์ทบังคับที่จะต้องไปคือ ไปลิ้มรสชาติอาหารฝรั่งเศสตำรับเดิมของห้องอาหารเล ซามีส์ ซึ่งมีเชฟอามิน ไลท์เก๊บ เป็นเชฟที่สั่งสมประสบการณ์ด้านอาหารมากจากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาหลายแห่ง
แต่ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักชิมที่เชฟอามิน ไลท์เก๊บบินตรงมาเพื่อมาแสดงฝีมือการทำอาหาร เ พียง 3 คืนเท่านั้นคือ วันที่ 4 – 6 กุมภาพันธ์ นี้ ที่เชฟยอดเชฟมือหนึ่งชาวออสเตรียนคนนี้จะมาจับคู่อาหารฝรั่งเศสแนวร่วมสมัยกับไวน์เลิศรส เพียง 3 คืนเท่านั้นที่ห้องอาหาร La Scala โรงแรมสุโขทัย ถ.สาทรใต้ กทม.


สำหรับอาหารค่ำทั้ง 3 วันนั้นเชฟ Armin จะมาแสดงฝีมือการปรุงและจัดอาหารฝรั่งเศสแนวร่วมสมัย โดยคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากญี่ปุ่นและฝรั่งเศส มาปรุงเป็นสุดยอดเมนูแนวใหม่ล่าสุด ทำเป็นเซ็ตเมนูอาหารค่ำ 6 คอร์สที่ทั้งสวยแปลกตาและรสชาติอร่อยสุดยอดไม่เหมือนใคร จากจินตนาการและประสบการณ์ที่เขาสร้างสมมาช้านาน ล้วนเป็นอาหารจานเด็ดซึ่งเป็นที่พอใจของนักชิมมาแล้วทั่วโลกเช่น คอร์สแรกเป็นปลา Maguro Chutoro จากญี่ปุ่น เลือกเฉพาะส่วนเนื้อท้องมาย่างเสิร์ฟพร้อมคาร์เวียร์และสลัดผักสมุนไพร หรือจะเลือกอร่อยกับเทอร์รีนตับห่านเสิร์ฟพร้อมผลฟิกดำและโฟมกลิ่นดอกเอลเดอร์
จานที่สองเป็นปลาไหลรมควันได้กลิ่นอายของญี่ปุ่น เสิร์ฟคู่กับหัวหมูกรอบครูตองค์ ราดด้วยซอสฮอสเรดิชและมัสตาร์ด ตามมาด้วย พาสต้าโฮมเมดผัดกับกุ้งลอบสเตอร์ เสิร์ฟพร้อมกุ้งญี่ปุ่นและทรัฟเฟิลดำ อีกเมนูคือปลามังฟิชอบเนื้อขาวสดหวานอร่อยเสิร์ฟพร้อมหอยทากผัดเนย เคียงด้วยมะเขือม่วงและผัด
ส่วนเมนคอร์สมีให้เลือกอร่อย 2 เมนู ถ้าชอบเนื้อนุ่มละมุนลิ้นให้เลือกจานเนื้อวากิวเสิร์ฟพร้อมผักขม เห็ดจิโรลข้าวโพดหวานและทรัฟเฟิลหั่นสไตล์เฟรนช์ฟรายส์ หรือจะเลือกรับประทานซี่โครงแกะหมักเครื่องเทศเล็กน้อยนำไปย่างกลิ่นหอมกรุ่นจากเตา เคียงมากับพาสต้าที่ทำจากมันโรยหน้าด้วยน้ำมันกลิ่นสมุนไพร


ตบท้ายด้วยขนมหวานเป็นแอปเปิ้ล-แพร์ สตูเดิ้ลเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมโยเกิร์ตแต่งหน้าด้วยคาราเมลรสเค็มและโฟมกลิ่นวานิลา
นอกจากนี้ ยังคัดเลือกไวน์ชั้นเยี่ยมทั้งขาวและแดง จากแหล่งไวน์ชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศส ซึ่งล้วนได้รับคะแนนเกิน 90คะแนนทั้งสิ้น มาจับคู่กับเมนูสุดพิเศษนี้ โดย Timothy Goh แห่ง VINUM ที่เริ่มจาก Puligny-Montrachet 1er Cru 1999, Chateau Clos Fourtet 1998 St.Emilion,Chateau la Conseillante 1998 Pomerol และ Chateau Latour a Pomerol 1998 Pomerol ที่ล้วนเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมจากแคว้นเบอร์กันดีและเมืองบอร์โดซ์ทั้งสิ้น ซึ่งรายการไวน์จาก VINUM นี้ มีเฉพาะวันที่ 4 ก.พ.คืนเดียวเท่านั้น ในราคา 5,500 บาท++
สำหรับวันที่ 5 และ 6 ก.พ. จะเป็นการจับคู่ไวน์โดย Central Wine Cellar โดยมีไวน์ Riesling Qba-Mosel, Reserve Pinoy Gris Alsace, Pouilly-Fuisse Vielles Vignes, Gevrey Chambertin Vielles Vignes, Chateau Teyssier Grand Cru และ Vidal Ice Wineในราคา 4,900 บาท++ และราคา 3,900 บาท++ สำหรับอาหารชุดเพียงอย่างเดียว โดยในแต่ละคืนจะมีที่นั่งเพียงคืนละ 60 ที่เท่านั้น
นักชิมทั้งหลายที่ต้องการประสบการณ์ ซึ่งนานทีจะมีหน สำรองที่นั่งได้ที่ 0-2344-8888 ห้องอาหาร La Scala โรงแรมสุโขทัย ถ.สาทรใต้ กทม.

เชฟอามิน ไลท์เก๊บ
**ข้อมูลเพิ่มเติม**
เชฟอาร์มิน ไลท์เก็บ
เป็นชาวออสเตรเลีย เขาสั่งสมประสบการณ์จากการ่วมมือกับเชฟดังระดับมิชลินสตาร์มาแล้วมากมาย เช่น เชฟ Hans Haas ณ ห้องอาหาร Tantris ระดับ 2 ดาวมิชลิน ในเมืองมิวนิคเป็นเวลา 2 ปี เชฟอาร์มินได้รับประสบการณ์มากมายทั้งในด้านการสร้างสรรค์เมนูอาหาร และการทำธุรกิจ อันเป็นรากฐานให้เชฟอาร์มินก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางสายนี้ ด้วยการอ้างอิงจากเชฟ Hans Haas ทำให้เชฟอาร์มินสามารถเข้าทำงานที่ห้องอาหาร Auberge de L’ill ในเมือง Alsace ห้องอาหารรางวัลมิชลินระดับ 3 ดาวของเชฟ Paul และ Marc Haeberlin ในประเทศฝรั่งเศส ที่ซึ่งเชฟอาร์มินได้เก็บเกี่ยวทั้งความรู้และทักษะในธุรกิจประเภทนี้อีกเป็นเวลาเกือบ 2 ปี

ต่อมาได้มีโอกาสร่วมงานกับเชฟ Twins Jacques และ Laurent Pourcel ณ ห้องอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยระดับรางวัลมิชลิน 3 ดาว Jardin des Sens ในเมือง Montpellier ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส แต่ด้วยความที่เป็นห้องอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินระดับ 3 ดาว ครั้นเมื่อเขาเดินทางไปแสวงหาประสบการณ์ที่อเมริกาก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับเชฟ Thomas Keller ณ ห้องอาหาร French Laundry ในเมือง Yountville มลรัฐ California และที่ห้องอาหารระดับ3 ดาวมิชลินนี้เองที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ทักษะในการประกอบธุรกิจ ด้วยการมีส่วนร่วมในการเตรียมเปิดห้องอาหารอีกหนึ่งแห่งของ Thomas Keller ในนครนิวยอร์ก ชื่อ “Per Se” ช่วงเวลา 18 เดือนนี้

เชฟอาร์มินเริ่มมีความสนใจในภาคพื้นตะวันออก โดยได้มีโอกาสติดตามเชฟ Uwe Faust มาที่โรงแรม Raffles ประเทศสิงคโปร์ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ ที่ซึ่งเชฟอาร์มินได้เรียนรู้ทักษะในด้านธุรกิจโรงแรม และนำเอาประสบการณ์ที่สะสมมาปรับใช้กับโรงแรมแห่งนี้ด้วย โดยร่วมงานกับที่โรงแรม Raffles แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง ก่อนที่จะกลับเข้าสู่แวดวงห้องอาหารอีกครั้ง ด้วยการเข้าดำเนินกิจการห้องอาหาร เล ซามีร์ ปะเทศสิงคโปร์ ในตำแหน่งพ่อครัวประจำ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ณ ที่นี้เชฟอาร์มินมีโอกาสได้แสดงฝีมือ และนำเอาความรู้ในด้านการทำอาหารมาใช้อย่างเต็มที่ ผนวกกับการได้ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพ ทำให้ห้องอาหาร เล ซามีร์ เป็นที่กล่าวขานทั้งจากสื่อนานาชาติ และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เป็นผลให้ห้องอาหาร เล ซามีร์ ถูกจัดให้เป็นห้องอาหารยอดเยี่ยมอันดับ 3 ในเอเชีย และเป็นหนึ่งใน 60 ห้องอาหารยอดเยี่ยมของโลกจากนิตยสาร Restaurant ของสหราชอาณาจักร

Comments are closed.

Pin It