ไม่ค่อยได้เขียนถึงอาหารปักษ์ใต้เท่าไหร่ ทั้งที่จริงแล้วเป็นหนึ่งในอาหารโปรดที่ถูกปากของผู้เขียนเช่นกัน วันนี้จึงขออนุญาตเขียนแนะนำร้าน “คั่วกลิ้ง ผักสด” เพิ่งเปิดมาได้แค่ 2 ปีเอง แต่ความอร่อยรสจัดจ้านนั้น ลือกันปากต่อปากจนคนแห่ไปกินไม่ขาดสาย
เจ้าของร้านนี้คือ “น้องบิ๊ก” วเรศรา สมิตะสิริ ลูกสาวคนสวยของ ศรชัย สมิตะสิริ อดีตคนทำงานพีอาร์และการโรงแรม เล่าว่า ครอบครัวคือคุณแม่แดงกับคุณป้านุชเป็นคนชุมพร ดังนั้น อาหารใต้ของร้านนี้จึงเป็นใต้รสชาติของชุมพร แต่อาจจะลดทอนความเผ็ดร้อนลงมาให้คุ้นลิ้นกับคนภาคกลาง เพราะย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ กันหลายสิบปีแล้ว
ความโดดเด่นของอาหารใต้ที่ร้านนี้คงเป็นโฮมเมดของแท้จริงๆ เพราะเริ่มจากทำกินกันเองที่บ้านก่อน แล้วค่อยขยับขยายมาเปิดเป็นร้านเล็กๆ มี 3-4 โต๊ะ โดยมีคนในบ้านช่วยกันทำช่วยกันเสิร์ฟ จนตอนหลังมาเปิดเป็นร้านอยู่ที่ทองหล่อซอย 5 แต่ก็ยังคงความเป็นอาหารแบบกินกันเองในบ้านเหมือนเดิม คุณแม่แดงกับคุณป้านุชก็ยังหิ้วตะกร้าไปจ่ายกับข้าวเองทุกวันอยู่ เครื่องแกงทุกอย่างจะโขลกเองแบบวันต่อวัน โดยใช้สูตรที่สืบทอดมาจากคุณยาย ส่วนวัตถุดิบอะไรที่เป็นของใต้นั้นจะต้องลงไปหาซื้อกันถึงชุมพรเลย โดยเฉพาะ กะปิ นี่เป็นของที่ขาดไม่ได้ของอาหารใต้ ก็ต้องนำมาจากชุมพรเช่นกัน
มาร้านนี้ต้องสั่ง “คั่วกลิ้ง” (120/140/150 บาท) เป็นจานแรก เพราะอร่อยจนนำไปตั้งชื่อร้าน คั่วกลิ้ง ที่นี่มีให้เลือกทั้งหมูสับ-เนื้อชิ้น และกระดูกอ่อน ปกติคั่วกลิ้งจะรสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกไทย แต่ร้านนี้จะเผ็ดร้อนแบบเบาๆ แต่กลิ่นสมุนไพรที่ลงไปโขลกนั้น จะหอมฉุยโชยเข้าจมูกมายั่วน้ำลายก่อนเลย จานนี้ได้ผักสดๆ จานโตมาเคี้ยวช่วยบรรเทาความเผ็ดลงไปด้วย
กินอาหารใต้ต้องไม่ลืมสั่ง “ผัดสะตอ” (180 บาท) มากินด้วย ไม่งั้นยังไม่ถึงใต้ไปได้แค่ประจวบฯ เท่านั้น สะตอเป็นพืชที่มีกลิ่นฉุน แต่พอนำมาผัดแล้วจะกลับกลายเป็นความอร่อยจนลืมกลิ่นไปเลย แต่มีข้อแม้ว่า คนผัดจะต้องมีฝีมือ คือผัดอย่างไรถึงจะทำให้สะตอยังเขียวสด กัดลงไปยังกรอบ ถ้าทำได้ถือว่าฝีมือ ผ่าน แต่บางคนผัดไม่โดนไฟ จะทำให้สะตอกลายเป็นเหม็นเขียว หรือถ้าผัดแก่ไฟไปหน่อยสะตอก็จะนิ่มจนเสียรสชาติ ร้านนี้มีทั้งสะตอผัดกะปิ และสะตอผัดพริกแกงชุมพร ที่มีให้เลือกทั้งพริกแกงเขียวกับพริกแกงแดง
ผู้เขียนลองเลือกสะตอผัดพริกแกงเขียว ที่ปั่นพริกแกงมาจนละเอียด ได้กลิ่นหอมฟุ้งมาก่อนเลย มองในจานเห็นสะตอเม็ดใหญ่กำลังดีสีเขียวสดดูน่ากิน แถมกุ้งก็ตัวโต พริกแกงปักษ์ใต้มีกลิ่นแปลกๆ ไปจากภาคกลาง แต่รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน มีพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆ คลุกลงไปด้วย สำหรับคนชอบเผ็ดเอาไว้เคี้ยวเพิ่มความหอมและความเผ็ด
แกงส้มชะอมใต้ทอด (180/350 บาท) มีให้เลือกใส่ทั้งกุ้ง-ปลา และปู น้ำแกงส้มสีแดงเข้มน้ำขลุกขลิก ซดแล้วรสชาติออกเผ็ดนำ ตามด้วยเปรี้ยวแต่ไม่หวาน มีชะอมทอดไข่ชิ้นหนาๆ ดูน่ากิน แถมด้วยเนื้อปูชิ้นโตๆ จานนี้กินร้อนๆ กับไข่เจียวอร่อยจนข้าวเกลี้ยงจานไม่รู้ตัว
หมูผัดกะปิ (140 บาท) กะปิชุมพรสีอ่อนๆ กลิ่นไม่ฉุนรุนแรงนัก นำมาผัดกับหมูชิ้น โรยด้วยใบมะกรูดและพริกขี้หนูสวน จานนี้โชว์รสชาติของกะปิที่กลิ่นหอมรสกลมกล่อมอร่อยโดนใจ
เมนูเด็ดๆ ยังมีอีกมากทั้งที่เป็นของภาคใต้อย่าง ข้าวยำปักษ์ใต้, ปลาทอดขมิ้น, ใบเหลียงผัดไข่, น้ำพริกกุ้งเสียบ, หลนไตปลา เป็นต้น
ใช่ว่าร้านนี้จะทำอาหารใต้ได้อร่อยเท่านั้น อาหารภาคกลางก็รสชาติอร่อยเหมือนกัน อย่าง “ปูหลน-ผักสด” (180 บาท) เป็นเครื่องจิ้มสำหรับคนที่ไม่กินเผ็ด รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี ป้านุชเคี่ยวน้ำหลนจนข้นกำลังดี ไม่ใสเกินไป จนตักไม่ติดช้อน ปูเค็มที่เลือกมานั้นตัวโตสมราคา แถมใส่อย่างคนมือหนักด้วย จึงมีปูเค็มให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ กินกับผักสดและข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจัง
เมนูบ้านๆ ทั้งร้านมีให้อร่อยเกือบ 30 อย่าง แถมเสาร์-อาทิตย์ มีขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ กินกับทอดมันปลากราย อีกเมนูที่อยากกินแต่ขายหมดแล้วคือ “พะโล้ขาหมู” ที่อร่อยเหาะ แต่ว่าทำมาแต่ละวันไม่มากนัก จึงต้องโทร.สั่งจองกันก่อน ใครไม่มีเวลามาก็สั่งแบบเดลิเวอรี่ได้ แต่คนสั่งต้องจ่ายค่าส่งเองตามอัตราของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ร้านคั่วกลิ้ง-ผักสด เปิดให้บริการทุกวันๆ ละ 2 รอบคือ 11.00-14.00 น. และ 18.00-22.00 น. ตั้งอยู่ที่ 98/1 ซ.ทองหล่อ 5 สุขุมวิท 55 เข้ามาในซอยเล็กน้อย พอเห็นแยกแรกทางขวามือให้เลี้ยวเข้าไปนิดเดียว จะอยู่ตรงข้ามสถานทูตเคนย่า โทร.0-2185-3977, 08-6053-7779
ชิมโดย : ปราณ ชีวิน
ภาพโดย : ศิวกร เสนสอน
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.