Art Eye View

ลิ้มรส “ไอติมวอร์” กับ นัดดา ธนทาน

Pinterest LinkedIn Tumblr


โดย…ฮักก้า

สงครามเกิดขึ้น และจบลงภายในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ความทรงจำของผู้คนที่มีชะตาชีวิต ร่วมในสงครามเหล่านั้นไม่มีวันสลาย ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่มีวันหมดอายุ

เรื่องราวของสงคราม ซึ่งมีความซับซ้อน หลากหลายมิติ ในมุมของประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม หรือแม้กระทั่งความเป็นมนุษย์ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจมากมายให้กับผู้สร้างภาพยนตร์ นักประพันธ์เพลง ศิลปินผู้ผลิตงานศิลปะ นักเขียน รวมถึง หนังสือเล่มนี้ด้วย… ITYM “WAR” (ไอติมวอร์)

แพร-นัดดา ธนทาน ศิษย์เก่าสาขาคอมพิวเตอร์อาร์ต คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต และตอนนี้กำลังศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาทฤษฎีศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร หนึ่งในผู้มีผลงานนำเสนอในหนังสือบอกเล่าว่า นี่คืออีกผลงานภายใต้ชายคา สำนักพิมพ์สตูดิโอ 33 ที่เธอและแฟนหนุ่มศิลปินชื่อดัง (โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี) เป็นผู้ก่อตั้ง หลังจากที่เคยทำคลอดหนังสือ โลเลตูน (LOLAYTOON) และหนังสือใต้ดินเล่มอื่นๆมาแล้ว

“สำนักพิมพ์ของเราต้องการสนับสนุนผลงานศิลปะและงานที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ ไม่เหมือนใคร ไม่จำกัดเฉพาะงานของแพรและพี่โลเล แต่เราจะคิดโปรเจ็กต์ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ”

และหนังสือ “ไอติมวอร์” เป็นตัวอย่างของการทดลองทำงานร่วมกันของแพร,โลเล รวมถึงเพื่อนนักเขียน นักวาดภาพ และนักถ่ายภาพ รวมทั้งหมด 23 คน โดยแต่ละคนได้ร่วมลงขันคนละ 5,000 บาท และมีโอกาสใช้พื้นที่คนละ 20 หน้า ตีพิมพ์ผลงานที่ถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกที่มีต่อสงคราม และบอกเล่าว่าสงครามส่งผลกระทบถึงพวกเขาแต่ละคนอย่างไรบ้าง

“การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่ธุรกิจ ไม่มีใครได้กำไร เป็นการลงทุนเพื่อให้ออกมาเป็นรูปแบบของหนังสือเท่านั้น พิมพ์จำนวนจำกัดเพียง 1,000 เล่ม ไม่มีการพิมพ์เพิ่ม นอกจากทุกคนจะมีผลงานของตัวเองตีพิมพ์ในหนังสือ ก็จะได้หนังสือไปคนละ 30 เล่ม ซึ่งจะเอาไปขายหรือแจกก็ได้”



สาวแพรย้ำบอกถึงเหตุผลที่วาระนี้เธอและเพื่อนๆต้องรวมตัวกันถกเรื่องสงครามผ่านรูปแบบหนังสือเป็นกรณีพิเศษ แทนที่จะเป็นเรื่อง “สันติภาพ” หรือหัวข้ออื่นใดว่า

“ไม่มีใครชอบสงครามอยู่แล้ว เพราะสงครามไม่ได้ให้อะไรใครนอกจากความสูญเสีย สงครามมันอยู่กับเรามาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในหัวของเราเอง

จุดเริ่มต้นของสงครามมันมาจากความขัดแย้งที่อยู่ในหัวมนุษย์ และมนุษย์คนนั้นอาจจะเป็นผู้นำก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ ประเทศ หรือประชาชน ทุกอย่างถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองความขัดแย้ง”

ผลงานภาพวาด ภาพถ่าย และงานเขียนของเพื่อนคนอื่นๆภายในเล่ม มีทั้งที่สะท้อนไปไกลถึงสงครามในระดับโลกที่เคยเกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว รวมถึงสงครามในจิตใจของมนุษย์ที่ยังครุกรุ่นไม่ยอมดับ

“เพื่อนบางคนวันหนึ่งเขาไปเจอภาพข่าวสมัย14 ตุลาในบ้านของเขาเอง ก็เอามาทำเป็นงาน ซึ่งความจริงแล้ว สงครามมันอยู่ในประวัติศาสตร์ของเรามานานแล้ว”

ก่อนหน้านี้ผลงานศิลปะของแพรตัวอย่างเช่น ชุด The automatic sister เคยถูกนำเสนอภายใต้แนวคิดที่ว่า “การที่ต้องทำอะไรตามหน้าที่ซ้ำๆกันทุกวัน ทำตามกระแสนิยมตลอดเวลา และมีชีวิตอยู่ในกรอบที่มองไม่เห็นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างได้กลายเป็นกลไกที่ดำเนินไปโดยอัตโนมัติตามระบอบที่สร้างขึ้นมา”

และชุด CHEMO ที่เป็นการเล่าถึงเด็กผู้หญิงชื่อ “คาน่อน” ผู้มีสภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีทุกประการ ยกเว้นสภาพจิตใจของเธอ ที่อ่อนแอและเปราะบางอย่างที่สุด จนเกินกว่าจะอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงได้

มาถึงหนังสือ “ไอติมวอร์” สงครามในมุมมองของเธอ ถูกถ่ายทอดผ่านภาพการแสดงอำนาจของฮิตเลอร์และคำกล่าวที่ว่า …คนที่อ่อนแอ ก็คือคนที่ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก และคนไหนที่คิดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะอยู่บนโลกต่อไป ก็ต้องลุกขึ้นสู้

“แพรทำเรื่องของความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นผู้ก่อสงครามขึ้นมา ทำเกี่ยวกับฮิตเลอร์ จากที่ศึกษามา ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ฮิตเลอร์ก็ทำสงครามขึ้นมาเลย แต่เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่า เส้นทางนี้มันถูก แต่อีกฝ่ายหนึ่งที่มันไม่ทำตาม มันผิด

เขาสร้างมาตรฐานขึ้นมา แล้วก็คิดว่ามันถูกต้อง ซึ่งแพรคิดว่าจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ถูกทั้งหมด แต่มันเป็นแค่ความขัดแย้งที่มันมีอยู่ข้างในหัวของคนเรา”

“ไอติมวอร์” หนังสือเล่มนี้ เป็นสิ่งที่จะช่วยสนับสนุนความเชื่อที่ว่า ที่ทางของศิลปะไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ในแกลเลอรี่ และยังเป็นช่องทางที่จะสามารถนำเสนอตัวเองได้ยาวนานกว่าระยะเวลาที่แกลเลอรี่ส่วนใหญ่เปิดพื้นที่ให้ผลงานศิลปะของศิลปินแต่คนได้แสดงตัวตน

ซึ่งมันอาจจะเป็นเวลาที่น้อยเกินไปสำหรับแพร,โลเลและเพื่อน ในการพูดเรื่องใหญ่ที่เป็นปัญหาระดับโลกให้คนทั่วไปได้ฟังกันชัดๆอีกครั้ง

“การทำออกมาเป็นหนังสือสิ่งที่แต่ละคนคิดและถ่ายทอดมันออกมา จะอยู่ไปได้อีกนานมาก และสามารถเผยแพร่ได้กว้างไกล เช่น อาจจะมีคนหิ้วหนังสือเล่มนี้ไปอเมริกา โดยที่เราอาจจะไม่ต้องไปเปิดแกลเลอรี่แสดงผลงานกันที่อเมริกาก็ได้”

“ไอติม” เบื้องหลังของการใช้คำนี้เป็นชื่อหนังสือ แทนที่จะเป็น “ไอกรีม” หรือ “ไอครีม” มีเหตุผลอยู่เหมือนกันว่า มันเป็นนิคเนมง่ายๆที่คนไทยมักใช้เรียก ดังนั้น “ไอติมวอร์” จึงมีสถานะของการเป็น ไอติม Home Made รสสงคราม ที่ทำขึ้นโดยคนไทย หรือแทนความคิดความรู้สึกที่คนไทยจำนวนหนึ่งมีต่อสงคราม และอยากให้เราได้ลองลิ้มรส

“ไอติมวอร์” อาจรับประทานให้อยู่ท้องไม่ได้เช่น “ไอศกรีมวอลล์” ตามท้องตลาด ที่เราเคยซื้อหามาลิ้มลอง แต่ก็น่าจะช่วยดับร้อนที่มีอยู่ใจทุกคนไม่โหมกระพรือและรุกรามจนกลายเป็นสงครามเช่นในอดีตอีกครั้ง…และอีกครั้ง






Comments are closed.

Pin It