โดย ฮักก้า
บนถนนหนังสือชื่อของ ไมตรี ลิมปิชาติ อาจเป็นที่รู้จักมานานแล้ว เพราะมีผลงานเขียนออกมามากมายหลายประเภท และบางส่วนเคยถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ เช่น “ความรักของคุณฉุย” โดยเฉพาะเรื่องสั้นชื่อ “คนอยู่วัด” กระทรวงศึกษาธิการเลือกให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และถูกจัดพิมพ์มาแล้ว มากกว่า 700,000 เล่ม
ส่วนบนเส้นทางการเป็นคนเขียนรูป แม้ไมตรีจะเดินสู่เส้นทางนี้ มาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่เกษียณอายุราชการจากเป็น ผู้ช่วยผู้ว่าการ การประปานครหลวง แต่ก็ยังถือว่าเพิ่งเริ่มต้น และดูท่าว่าเจ้าตัวจะมีความสุขกับการทุ่มเทเวลาให้กับการเขียนรูปไปอีกนาน ยืนยันได้จากผลงานหลายชิ้นที่ถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “บนถนนหนังสือ สู่เส้นทางศิลปะ” ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 ระหว่างนี้ไปจนถึง วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2553 แม้จะใช้เทคนิคในการสร้างสรรค์ประเภท “สาดเสียเทเสีย” แต่สีสันของภาพก็บ่งบอกว่าเจ้าของผลงานมีความสุขอยู่ไม่น้อย
วันแรกของการเปิดนิทรรศการที่มีทั้งผลงานหนังสือและผลงานภาพเขียนของเขาให้ชมในนิทรรศการเดียวบนพื้นที่ที่มีเจ้าบ้านอย่าง ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค ให้การต้อนรับ นอกจากไมตรีจะเชิญ ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ธนาคารกรุงไทย ไปเป็นประธานในพิธี ยังจัดให้มีวงเสวนาเรื่อง “บนถนนหนังสือ สู่เส้นทางศิลปะ” ซึ่งมีเพื่อน “นักเขียนนักวาดรูป” อย่าง สุชาติ สวัสดิ์ศรี และพิบูลศักดิ์ ละครพล มาร่วมตอบข้อซักถามของ ชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการปันเวลาจากงานเขียนหนังสือมาเขียนรูป
ขณะที่สุชาติและพิบูลศักดิ์ บอกเล่าไม่ต่างกันว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพเขียนบนปกหนังสือที่อ่าน และเชื่อว่าศิลปะทุกแขนงมาจากต้นธารเดียวกัน เพียงแต่เพิ่งได้มาทดลองเปลี่ยนสื่อในการนำเสนอจากตัวอักษรและถ้อยคำบนกระดาษ มาเป็น เส้นและสีบนเฟรมผ้าใบ
ด้านไมตรีบอกว่า ลึกๆแล้วอยากเขียนรูปมานานแล้ว จนกระทั่งได้มารู้จักคลุกคลีกับศิลปินหลายท่าน แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าครั้งที่ไปเยี่ยมลูกสาวที่ชิคาโก และได้มีโอกาสไปชมผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์
ภาพเขียนขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งที่เขียนด้วยสีดำเพียงสีเดียวและมีเพียงลายเซ็นต์ของศิลปินกำกับอยู่ด้วย แต่กลับดึงดูดให้มีผู้สนใจชมเป็นจำนวนมาก เป็นจุดเริ่มต้นให้ไมตรีอยากฝึกฝนเขียนรูปแม้จะรู้ดีว่าตัวเองยังไม่มีทักษะทางด้านนี้มากพอ
“ช้าง กับลิงยังเขียนรูปได้ แต่ผมฉลาดกว่าช้างกว่าลิงทำไมผมจะเขียนไม่ได้”
คือสิ่งที่เขาบอกตัวเองเพื่อให้มีกำลังใจฮึดสู้ จึงทำให้เขามีผลงานภาพเขียนที่ออกมาจากความรู้สึกมาจัดแสดงให้คนทั่วไปได้ชมกันเช่นทุกวันนี้
แล้วในช่วงชีวิตนี้อะไรคือสิ่งที่รักจะทำและอยากจะอยู่กับมันมากที่สุดระหว่างการเขียนหนังสือและการเขียนรูป คำถามจาก ชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันที่โยนให้อดีตนายกฯเช่นไมตรีช่วยตอบ
“อยากจะอยู่กับทั้งสองอย่าง แต่ถ้าเป็นระยะหลังแล้วมีความรู้สึกอยากเขียนรูปมากกว่า อาจจะเป็นเพราะวัยด้วย ที่มันเหมาะแก่การเขียนรูปมากกว่า แต่ก่อนเขียนเรื่องสั้น 3 ชั่วโมงก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ 3 ชั่วโมงก็เรียบร้อยร้อยเหมือนกัน คือไม่เสร็จ(หัวเราะ)
เสียอย่างเดียวเขียนรูปมันไม่ค่อยจะได้สตางค์ แต่มันมีความสุขมากกว่า แต่คงไม่ทิ้งการเขียนหนังสือ เพราะยังมีเรื่องให้ต้องเขียนอีกเยอะ ผมคิดว่าการเขียนหนังสือกับการเขียนรูปมันมีความคล้ายกันอย่างหนึ่ง คือเราต้องสร้างอารมณ์ให้มันเกิดขึ้น เราถึงจะเขียนได้ ไม่ใช่อยากจะเขียนอยากจะวาดตอนไหนก็ได้”
ขณะเดียวกันไมตรีก็ได้ค้นพบคำตอบเช่นกันว่าศิลปะสำหรับเขา คืออะไรก็ได้
“คุณสุเทพ สังข์เพชร พี่ชายและเพื่อนสนิทของผมที่การประปา เขาเขียนรูปมาก่อนผม เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่แนะนำให้ผมเขียนรูปและเป็นคนพาผมไปซื้ออุปกรณ์เขียนรูป เขาบอกผมว่า ศิลปะคืออะไรก็ได้คุณไมตรี เขียนไปเถอะ มาจนถึงตอนนี้ผมเขียนรูปมา 8 ปีแล้ว เพราะผมเริ่มเขียนตอนอายุ 60 ปี ถึงปีนี้ผมอายุ 68 ปี ผมพบว่าศิลปะคืออะไรก็ได้ของใครก็ของมัน”
……………….
นิทรรศการ “บนถนนหนังสือ สู่เส้นทางศิลปะ” โดย ไมตรี ลิมปิชาติ จัดแสดง ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 ระหว่างนี้ไปจนถึง วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2553 สอบถาม โทร. 0-2257 – 4300 และ www.tkpark.or.th
Comments are closed.