วางขวดน้ำหอมแบรด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Givenchy,Versace, Jimmy Choo และ Guerlain ที่เขาเคยทำหน้าที่แกะสลักลวดลายอันงดงาม ลงบนขวดเป็นอภินันทนาการแก่ลูกค้า ในทุกคราวที่ แบรนด์ดังเหล่านี้ จัดงานเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ๆ ในประเทศสิงโปร์
เพื่อนำผลงานแกะสลักบนกระจก และงานแกะสลักแก้ว มาจัดแสดงที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก สำหรับศิลปินชาวอังกฤษ Dominic Fonde ผู้มาปักหลักใช้ชีวิตและทำงานเป่าแก้ว อยู่ที่แดนลอดช่อง
และมีโอกาสทำงานให้บรรดาน้ำหอมแบรด์ดัง มาตั้งแต่ ปี 2006 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเขาจะมีเวลาในการฝากรอยสลักลงบนขวดน้ำหอมแต่ละขวด เพียง 5 นาทีเท่านั้น ท่ามกลางบรรยากาศของแขกวีไอพี ที่มารอคอยชมขวดน้ำหอมที่มีเพียงหนึ่งเดียวของตัวเอง ด้วยใจระทึก
Dominic เรียนจบมาทางด้านการเป่าแก้วจากประเทศอังกฤษ และในช่วงที่เรียนปริญญาโทมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กับศิลปิน ที่มีความเชี่ยวชาญในการแกะสลักกระจก ฝึกฝนตัวเองจนกระทั่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้เพิ่มขึ้นมาด้วย
ระหว่างที่ยังทำงานศิลปะส่วนตัวและเขียนบทความด้านการเป่าแก้วให้กับนิตยสารเล่มหนึ่ง ในวันที่มองผ่านกระจกห้องทำงานออกไป และสัมผัสได้แต่บรรยาศของท้องฟ้าที่มืดครึ้มและฝนที่กำลังกระหน่ำหนัก เขาได้ตัดสินใจทิ้งอังกฤษ บินมาทำงานเป่าแก้วที่สิงคโปร์ ทันทีที่ทราบว่า ประเทศซึ่งหากไกลบ้านเกิดต้องการบุคคลากรทางด้านนี้ ขณะเดียวกันก็ไม่เคยหยุดฝึกฝนและสร้างงานแกะสลักกระจก
The Feather and the Shadow นิทรรศการชุดเล็กๆ ที่ขนมาจัดแสดง มีทั้งผลงานแกะสลักโน๊ตเพลงคลายสิคเมื่อ 200 ปีก่อน ,เรื่องเล่าสั้นๆเกี่ยวกับน้ำหอม, กาน้ำชา และนก สัตว์ที่ Dominic ชื่นชอบมากเป็นพิเศษ และก่อนหน้านี้เขาเคยมีผลงานร่วมแสดงกับเพื่อนหลากเชื้อชาติในนิทรรศการ bird song
ซึ่งเสน่ห์ในชิ้นงานที่นำมาจัดแสดง สิ่งที่ผู้ชมจะสัมผัสได้ไม่ใช่ชิ้นงาน หากแต่เป็นเงาที่สะท้อนออกมาจากชิ้นงานนั่นเอง และจะเกิดเป็นเงาที่สวยงามได้ ขึ้นอยู่กับแสงไฟที่ส่องไปยังชิ้นงานนั้น ๆ
“ผมอยากให้ลองสังเกตดีๆว่า ไอ้สิ่งที่เราเห็น มันไม่ใช่ตัวตนจริงๆของตัวงาน แต่แท้ที่จริงแล้วคือเงาของมัน ทั้งๆที่ชิ้นงานแต่ละชิ้นมีคุณภาพของการแกะสลักเท่าๆกัน แต่ความสวยงามของเงาจะต่างกันไป ทันทีที่คุณภาพของแสงไฟต่างกัน”
เสน่ห์ที่ดูลึกลับนิดๆในงานแกะสลักกระจกของ Dominic เหมือนจะบอกผู้ชมเช่นกันว่า บางทีความสวยงามที่มากขึ้นหรือการถูกลดคุณค่าลงของสิ่งต่างๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวมันเองเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งแวดล้อมก็มีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ชีวิตของคนๆหนึ่งก็คงไม่ต่างกัน
ในงานชุดเดียวกันนี้ Dominic ยังมีงานแกะสลักแก้ว เป็นรูปตัวละครครึ่งคนครึ่งนกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายกรีก มาวางเคียงข้างผลงานแกะสลักแก้วที่มีหน้าตาคล้ายสวนวงกต ของเพื่อนศิลปินชาวสิงคโปร์ด้วย
รวมถึงจานใบสวยที่แกะสลักลวดลายเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์ ที่เคยมีตำนวนกล่าวว่า
“เป็นนกที่อมตะ มีชีวิตยืนยาว แต่พอเกิดมาปุ๊ปมันมักจะเผาตัวเองให้กลายเป็นเถ้าถ่าน และคนที่อยากมีชีวิตยืนยาวก็จะไปเก็บเอาเถ้าถ่านที่พอจะเหลืออยู่ มาทำเป็น ภาชนะ ประเภท ถ้วย ชาม จาน แก้วฯลฯ และต่างพากันเชื่อว่า หากใครได้รับประทานอาหารที่ใส่ในภาชนะนั้น ชีวิตจะยืนยงคงกระพัน ไม่มีวันตายไปจากโลกนี้”
The Feather and the Shadow วันนี้ – 27 สิงหาคม 2554 ณ Thavibu Gallery อาคารเดอะสีลม แกลเลอเรีย ชั้น 3 ถ.สีลม ซ.19
และ วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2554 ห้ามพลาดไปชมสาธิตการแกะสลักระจก พร้อมฟังศิลปินพูดถึงผลงานในนิทรรศการชุดนี้ สำรองที่นั่ง โทร.0-2266-5454
Text by ฮักก้า
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ และ Celeb Online www.astvmanager.com โทร.0 -2629 – 4488 ต่อ 1530 Email: thinksea@hotmail.com
Comments are closed.