Art Eye View

นอกเวลาดนตรี กับ เมธี น้อยจินดา สมาชิกหมาทันสมัย “โมเดิร์นด๊อก”

Pinterest LinkedIn Tumblr

แฟ้มภาพของ Gallery Seescape

ART EYE VIEW—นอกจากการเล่นดนตรี บนเวทีคอนเสิร์ต สมาชิกหมาทันสมัย อย่างวง “โมเดิร์นด๊อก” ต่างก็มีกิจกรรมให้เลือกทำแตกต่างกันไป

แต่ที่เลือกหันหน้าเข้าหาศิลปะ คือ เมธี น้อยจินดา มือกีตาร์ของวง

“ผมเรียนจบสถาปัตย์มา(คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ตอนเรียนก็มีงานให้ต้องขีดๆเขียนๆเช่นกัน สมัยเรียน อ.แม้ว (รศ.ทิพย์สุดา ปทุมนนท์) ชอบกล่าวประโยค never a day without a line ให้ได้ยินบ่อยๆ เพื่อจะบอกนักศึกษาว่า ถ้าเราอยากจะเก่งในสิ่งไหน เราต้องทำสิ่งนั้นทุกวัน

ตอนนั้นผมสนใจดนตรีมันเลยเป็นประโยคที่กระตุ้นให้เราไปทุ่มเทให้กับงานดนตรี แต่พอมาถึงวันนี้ สิ่งที่เราทำมานาน ต้องลงลึกกับอะไรมากๆ และทำเป็นอาชีพด้วย ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตของเราเริ่มแคบลง

สมองคนเรา มันเหมือนการเดิน ต้องอาศัยขาซ้ายที ขาขวาที และอยากออกมาอยู่กับอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คุยกันในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ดนตรีบ้าง ก็เลยมานั่งคิดว่าตัวเองสนใจอะไรอีกบ้าง ก็มีเรื่อง หนังสือ กับ วาดรูป ที่ผมชอบ

แต่หนังสือ เป็นเรื่องที่ชอบแต่ไม่ได้ลงมือเขียนเท่าไหร่ ขณะที่วาดรูป เราได้ลงมือวาด พอวาดเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกมีสมาธิ เวลาเหนื่อย หรือเวลาที่เล่นคอนเสิร์ตมาเยอะๆ แล้วมานั่งวาดรูป รู้สึกว่าได้พักผ่อน”

จาก “ห้องซ้อมดนตรี” สู่ “ห้องเรียนวาดรูป”

ไปลงเรียนวิชาวาดรูป จึงเป็นกิจกรรมใหม่ที่ถูกจัดเข้ามาอยู่ในตารางชีวิตในรอบสัปดาห์

“ไปลงคอร์สที่เค้ามีสอนวาดรูปอาทิตย์ละวัน วันไหนที่ว่าง ไม่ติดเล่นดนตรี ช่วงแรกๆที่ไปเรียน ครูเค้าจะเอาผลงานชิ้นมาสเตอร์พีชของศิลปินชื่อดังมาสอนให้วาด ตัวผมเองชอบแวนโก๊ะ ชอบปิกัสโซ่ เวลาไปเรียนอาทิตย์สองอาทิตย์ จะได้รูปแวนโก๊ะ รูปปิกัสโซ่ มาติดไว้ที่บ้าน

แต่พอวาดไปสักพักนึง ความรู้สึกมันคล้ายๆตอนที่เล่นดนตรี จากที่เราแกะเพลงของคนอื่นมาเล่น ต่อมาเราก็อยากที่จะทำเพลงของตัวเอง วาดรูปก็เช่นกัน เราไม่อยากไปวาดตามหรือก็อปปี้ งานของศิลปินที่เราชอบอีกแล้ว และ เริ่มมองหาเทคนิคที่เหมาะกับตัวเอง”

คนใจร้อน เวลาน้อย เช่นเขาจึงหันมาสนุกกับการวาดรูปด้วยสีชาร์โคลและพาสเทล

“เป็นคนวาดรูปแล้วขี้เกียจล้างพู่กัน พู่กันพังเป็นกำมือเลย และวาดสีน้ำมัน เหมือนต้องใจเย็นมาก วาดไว้แล้วบางทีต้องทิ้งไว้ซักสองชั่วโมงแล้วค่อยมาวาดอีกที แต่วันหนึ่งข้างหน้าเราอาจสนุกกับการวาดด้วยสีน้ำมันก็ได้ ตอนนี้อาจจะดูข้ามเสต็ปไปหน่อย

ผมก็เลยเริ่มต้นด้วยการวาดด้วยชาโคล์และสีพาสเทล ปาดเร็วๆ บางทีเปิดนิตยสารหรือคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็รีบสเก็ตเอาไว้ เหมือนคนถ่ายรูปแบบ snapshot คอยจับอารมณ์”

สมาชิก กลุ่ม FOR

จากที่เคยวาดไว้ดูเอง ต่อมาเขาได้ถูก P7 หรือ พีระพงศ์ ลิ้มธรรมรงค์ ศิลปินกราฟฟิตี้มืออันดับต้นๆของเมืองไทย ชักชวนให้มาสนุกกับศิลปินอีก 10 กว่าชีวิต ด้วยการร่วมวาดรูปบนผนัง ชั้น 7 ของหอศิลป์ กทม. ซึ่งงานชิ้นใหญ่นี้ต้องถูกจัดแสดงนานหลายเดือนก่อนจะถูกลบทิ้ง โดยใช้นามแฝงว่า May-T

กิจกรรมในปีแรก เขาเลือกวาดรูปแอปเปิ้ล ผลไม้ที่ผู้เลือกรับประทานมังสวิรัติ มานาน 15 ปี เช่นเขา ต้องรับประทานทุกวัน ติดตามมาด้วยการวาดรูปสุนัข ในปีที่ 2

“ตอนแรกๆที่วาดเล่นไว้ดูเอง มีช่วงนึงปลวกขึ้นบ้าน หนังสือและรูปที่วาดโดนปลวกกัดเยอะมาก รู้สึกเสียดาย เพราะยังไม่ได้มีใครเห็นเลย แม้เราจะวาดไว้ดูเอง แต่ลึกๆแอบรู้สึกว่า อยากให้คนเห็น

กระทั่งพี่ P7 ชวนมาวาดรูปบนผนัง ผมซึ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าที่จะวาดอะไรใหญ่ๆ นึกถึงประโยค Never a day without a line ก็ทำให้มีความพยายามวาดทีละนิด

และวาดรูปแอปเปิ้ล เพราะได้ไปอ่านหนังสือเจอประโยค an apple a day keeps doctor away (กินแอปเปิลวันละลูก ห่างไกลหมอ) ปกติผมกินแอปเปิ้ลทุกวัน ซื้อมาที่บ้าน ก็เลยเอาแอปเปิ้ลมาวาด วาดทุกวัน จนมันเหี่ยว

ในหอศิลป์ นิทรรศการอื่น คนอื่นๆ เค้าแสดงงานที่ซีเรียสกัน เลยเลือกวาดอะไรที่มันไม่ซีเรียส วาดเหมือนเด็กๆหัดวาด วาดแอปเปิ้ลวันละ 20-40 ลูก จนมันกองเป็นภูเขาเลยครับ ตอนนั้นทัวร์เล่นดนตรีหนักด้วย คิดว่าวาดได้แค่ไหน แค่นั้นดีกว่า มีเวลาก็ไปวาดเติมเรื่อยๆ

พอครั้งที่ 2 ผมเอารูปที่ตัวเองชอบและเคยวาดไว้บนกระดาษ มาขยายบนผนัง เป็นรูปหมาที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน ชื่อ “เมาคลี” ส่วนใหญ่รูปที่วาด ก็มักจะวาดหมา วาดเยอะมากๆ วาดสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งเราที่ผูกพัน แอปเปิ้ลก็เป็นสิ่งที่เรากินทุกวัน

คนอื่นๆที่เค้ามีลูก ก็จะถ่ายรูปเพื่อบันทึกพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยของลูกเก็บเอาไว้ ส่วนผมเลี้ยงหมา ก็เลยอยากวาดเพื่อบันทึกการเติบโตของมันเช่นกัน พยายามวาดทุก 2-3 เดือน ภาพบนผนังครั้งที่ 2 นอกจากวาดรูปเมาคลีแล้ว ผมยังวาดหมาป่าเพิ่มอีกรูปนึง เพราะชื่อของมันมีที่มาจาก เมาคลี ลูกหมาป่า”


ศิลปินเดี่ยว

ยังไม่ได้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของ หมาทันสมัย แต่อย่างใด ทว่าจากที่เคยร่วมแสดงงานกลุ่ม ในเวลาต่อมา เขาได้เริ่มสนใจที่จะจัดแสดงเดี่ยวผลงานของตัวเองบ้าง เพราะอยากจะรู้กระแสตอบรับจากผู้ชมงาน

“สมาชิกกลุ่ม FOR ขยายใหญ่ขึ้น จากช่วงแรก 10 คน ช่วงหลังๆ มีเพิ่มมาเป็น 16 คน นอกจากแสดงงานร่วมกัน ผมได้มีโอกาสไปดูงานแสดงเดี่ยวของเพื่อนคนนั้นคนนี้ในกลุ่มอยู่เรื่อยๆ ก็เลยเกิดความคิดว่าเราน่าจะลองแสดงงานดูบ้าง

ร้านบาร์บาหลี ถ.พระอาทิตย์ ทราบว่าเราวาดรูป เลยชวนมาแสดง ผมก็เลยรวบรวมเอางานที่วาดไว้มาแสดง นิทรรศการชื่อ ขีดๆ เขียนๆ ถูๆ ไถๆ ที่มาของชื่อ เพราะเทคนิคที่เราใช้เป็นการวาดด้วยชาร์โคลและพาสเทล และมันมีความเล่นๆอยู่ในนั้นด้วยครับ

เราเล่นดนตรี เล่นกีตาร์ที่ต้องใช้มือ พอมาวาดรูปจึงชอบใช้มือถูไล่สี ด้วย แสดงงานครั้งนั้น สนุกดี มีคนมากันเยอะ ขายรูปได้ด้วย(หัวเราะ) แต่ว่าการขายรูปไม่ใช่ประเด็น แต่มันทำให้เรารู้สึกว่า เราได้ความรู้สึกอีกแบบ

เหมือนตอนที่เราเล่นดนตรี แรกๆเราก็เริ่มเล่นด้วยความรักดนตรี ไม่ได้คิดว่าจะเล่นเป็นอาชีพ ตอนเด็กๆ มีงานบวช งานแต่ง งานอะไร เขาให้ไปเล่นก็ไป ไม่ได้คิดเรื่องค่าตัว มีข้าวให้กินก็ไปแล้ว จนวันหนึ่งมันสามารถเป็นอาชีพได้ การวาดรูปก็คงอารมณ์ประมาณนั้น เราเริ่มวาดด้วยความที่อยากจะวาด พอมีคนมาดู มาซื้องานเรา ก็ได้ความรู้สึกอีกแบบนึง”
ภาพชื่อแว๊นโก๊ะ   วาดโก๊ะตี้

ศิลปินในที่พำนัก รายแรกของ Gallery Seescape

หลังจากงานแสดงเดี่ยวที่บาร์บาหลีเสร็จสิ้น เขาและเพื่อนๆกลุ่ม FOR ได้เคลื่อนพลไปวาดรูปบนกำแพงที่ จ.เชียงใหม่ จนได้ไปรู้จักกับ เหิร – ต่อลาภ ลาภเจริญสุข ผู้เปิดพื้นที่ให้กับงานศิลปะร่วมสมัยด้วยการสร้าง Gallery Seescape ขึ้นบน ถ.นิมมานเหมินทร์ โดยสถานที่แห่งนี้เป็นทั้ง แกลเลอรี่แสดงงานศิลปะ,ที่พักของเจ้าของสถานที่ รวมถึง ที่พักและที่สร้างงานของ “ศิลปินในที่พำนัก” หรือที่เรียกกันว่า Artist Residency

ซึ่งเมธี เป็นศิลปินรายแรกที่เหิรเชื้อเชิญให้พักและสร้างงานอยู่ที่นั่นยาวนาน 3 สัปดาห์ ปิดท้ายก่อนจากลาด้วยการจัดแสดงผลงาน

“ช่วงแรกๆผมคิดอะไรไม่ค่อยออก พอมีคนมาเยี่ยม ก็เอาคนที่มาเยี่ยมมาเป็นแบบ ตอนหลังเริ่มได้ออกไปเที่ยว เค้าพาไปเที่ยวไหนเราก็ไป เห็นกระดาษในร้านเครื่องเขียน หรือเห็นจอเขียนไฟตามร้านอาหาร ผมก็เอามาเขียนดู ใช้สีสะท้อนแสง

เวลามันจำกัดมาก เค้าให้เราไปพำนักเราก็อยากจะเล่นอะไรกับพื้นที่ของเค้าด้วย ก่อนจะกลายมาเป็นแกลเลอรี่ พื้นที่ตรงนั้นมันเคยเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวมาก่อน คุณเหิรเรียกพื้นที่ส่วนที่เป็นแกลเลอรี่ว่า เล้า เพราะต้องการไปเล่นกับคำว่า เล้าไก่ และตกแต่งผนังภายนอกอาคารด้วยเล้าไก่ รูปบางรูปของผม จึงเป็นรูปไก่อยู่ในเล้าบ้าง รูปวาดบนสังกะสีที่เพิ่งรื้อมา รูปกบที่ผมได้ยินเสียงของมันทุกคืนแต่ไม่เคยเห็นตัว

ผมวาดภาพนึงชื่อ Seescape ตามชื่อแกลเลอรี่ เพื่อะสะท้อนถึงความเป็นเมือง ความเจริญที่มันเกิดขึ้นบน ถ.นิมมานเหมินทร์ แต่ก็มีพื้นที่ของศิลปะตั้งอยู่ด้วย ในรูปผมวาดงานประติมากรรมของคุณเหิรลงไปด้วย ทำนองล้อเลียนว่าเป็นเทพีสันติภาพของศิลปะ

เพราะผมรู้สึกว่า สำหรับพื้นที่ๆมันราคาแพง แต่มีคนยอมจ่ายค่าเช่าเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางศิลปะ ความเหงาๆที่อยู่ในรูปสะท้อนว่า คนวงการศิลปะเหมือนเป็นคนกลุ่มเล็กที่ต้องช่วยๆกัน”

แปล่ง หรือ dissonarce คือชื่อนิทรรศการแสดงเดี่ยวของเมธี ณ Gallery Seescape

“ด้วยความที่ผมเป็นนักดนตรี และวาดรูปด้วย คำว่าแปล่งมันได้ทั้งความรู้สึกของเสียงที่มันฟังดูแปล่งๆ และสีที่มันดูแปล่งๆ ภาษาอังกฤษผมใช้ dissonarce หมายถึงเสียงดนตรีที่มันกัดกัน คือผมต้องการจะเล่นกับความไม่ค่อยจะเข้ากัน เช่นกันกับ สีแปร๋นๆที่ผมวาดลงสังกะสี”
แฟ้มภาพของ Gallery Seescape


เมธีกล่าวว่า 3 สัปดาห์ของการเป็นศิลปินในที่พำนัก แม้จะไม่ยาวนานมาก แต่ก็นานพอต่อการก่อเกิดความประทับใจ

“เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากเหมือนกัน เพราะปกติจะทำงานได้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ไปอยู่ที่นู่น เหมือนเมืองมันช้าลงกว่ากรุงเทพฯ ไม่ได้ช้ามาก แต่ช้ากว่า ไปอยู่ที่นู่นพอคิดไม่ออก ก็อ่านหนังสือ อ่านได้เป็นเล่มๆ ทำงานได้นาน ปกติวันนึงอาจจะวาดรูปได้ซักชั่วโมงนึงก็หมดแรงแล้ว แต่ไปอยู่ที่นู่น วาดต่อเนื่องได้ 3-4 ชั่วโมง

ตอนที่ไปอยู่เชียงใหม่ แกลเลอรี่ อยู่ติดกับโรงงานทำภาพพิมพ์ด้วย ผมได้ไปคุยกับเจ้าของ และสนิทกัน ตอนหลังผมก็เลยเริ่มสนใจทำงานภาพพิมพ์ด้วย กลับไปเยี่ยมทีนึงก็จะพยายามทำให้ได้ 2รูป ผมจึงได้ความรู้ในส่วนนี้กลับมาด้วย”

คำถามที่ถูกถามจากผู้ชมมากที่สุดในวันเปิดนิทรรศการที่เชียงใหม่ ซึ่งต่างเป็นทั้งแฟนเพลงของ โมเดิร์นด๊อก และคนชมงานศิลปะ

“ส่วนใหญ่จะถามว่า วาดรูปมันต่างจากการเล่นดนตรีไม๊ ผมตอบว่า อย่างหนึ่งที่มันต่าง คือเล่นดนตรีมันต้องเล่นเป็นกลุ่ม เป็นวง บางทีมันต้องรับส่งกันกับเพื่อนในวง กับนักร้อง มือกลอง มือเบส และกับคนดูด้วย

แต่การทำงานศิลปะ ผม มันมีความเป็นส่วนตัวกว่า เรารับส่งกับความรู้สึก กับความคิดเราก่อน กับคนดูก็มี แต่มันเหมือนรับส่งกับตัวเองมากกว่า แต่การเล่นดนตรีมันเหมือนเราเล่นปิงปอง”



เมธียืนยันว่า งานดนตรียังถือเป็นอาชีพหลัก แต่ระหว่างนี้วงอยู่ในช่วงของการทำอัลบั้มใหม่,มีโปรเจ็ค ที่ร่วมทำกับ พราย ปฐมพร และ อรอรีย์ จุฬารัตน์ และทำงานส่วนตัวภายใต้ บริษัท เมาคลีเรคคอร์ดส จำกัด

ส่วนการวาดรูปจะขอเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ถ้าในอนาคตสามารถพัฒนาฝีมือให้ได้เท่ากับมืออาชีพและเลี้ยงชีพได้จริง มีโอกาสที่จะหันเหมาทำเต็มเวลา เชื่อว่าโลกศิลปะ ส่งเสริมให้เกิดการทดลองในงานดนตรี

“เราอาจจะไม่ได้ทัวร์หนักปีละร้อยกว่าโชว์เหมือนเมื่อก่อน เราเริ่มรับโชว์กันน้อยลง เริ่มหันไปทำอย่างอื่น ใช้ชีวิตทางด้านอื่นกันบ้าง ถ้าช่วงไหนอยากจะทัวร์อยากจะทำอัลบั้ม ค่อยมารวมกัน

ตอนนี้ดนตรีก็ยังเป็นหลักอยู่ดี เพียงแต่ เหมือนมันเริ่มที่จะอยู่ตัวแล้ว เราทำเพลงมาได้ระดับนึง มันเริ่มอยู่ตัว ตอนนี้เราอยากหาอะไรอย่างอื่นทำด้วย

ตัวผมก็พยายามหาความบาลานซ์ ว่าทำยังไงให้งานดนตรีมันไม่ดรอปลง แม้เราจะไปสนใจเรื่องอื่นด้วย ทำยังไงให้ดนตรีมันยังได้มาตรฐาน ผมว่าศิลปะมันน่าจะมีผลดีกับงานดนตรีในที่สุด และอาจจะทำให้ดนตรีมันน่าสนใจมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะว่า เราเอามุมมองด้านอื่นเข้าไปด้วย

อย่างช่วงหนึ่งผมวาดรูป แล้วกลับไปทำงานเพลง มันเหมือนเราเห็นเสียงเป็นภาพมากขึ้น เราวาดรูป เราผสมสี ลองเอาแดงมาผสมกับน้ำเงินเป็นม่วง พอเล่นดนตรี เราก็ลองเอาคอร์ดมาผสมกันดูบ้าง เอา A มาผสมกับ C# (ซี-ชาร์ฟ) มันก็ได้ออกมาเป็นเสียงกลางๆ ได้เพลงอีกแบบนึง จึงคิดว่าการที่รู้อะไรกว้างๆไว้หน่อยน่าจะเป็นเรื่องดี

ช่วงหลังๆผมก็มาทำเพลงกับพี่พราย ปฐมพร ทำกับอรอรีย์ ช่วงไหนทำเพลงหนักๆก็ไม่ได้วาดรูป ช่วงไหนวาดรูปหนักๆ บางทีก็คิดเพลงไม่ทัน กำลังหาจุดสมดุลอยู่ แต่ไอ้เรื่องวาดรูปเป็นอาชีพไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่ว่าทุกครั้งที่ทำงานศิลปะ พยายามจะทำให้งานมันดีขึ้น

ไม่ได้แปลนไว้ว่า ถ้าเราอายุมากขึ้น วงอาจจะรับงานน้อยลง แล้วอาจจะจะมาสนใจวาดรูปอย่างจริงๆจังๆ แต่ถ้าวาดรูปแล้วมันอยู่ได้จริงๆมันก็คงจะทำให้เราไม่ต้องแบ่งเวลาไปหาเงินมาใช้จ่ายในแต่ละเดือน แต่ถ้ามันอยู่ไม่ได้ยังไงเราก็คงวาดรูปอยู่ดี แล้วเอาเวลาส่วนหนึ่งไปหาค่าใช้จ่าย”

กับแฟนสาว ยุรี  เกนสาคู
เพื่อน กับ ศัตรู

ล่าสุด เมธีและเพื่อนๆกลุ่ม FOR ประกอบด้วย P7, Zids, Mamafaka, Kult, Cider, Nev3er, May-T, ตะวัน วัตุยา, นริศรา เพียรวิมังสา, รักกิจ ควรหาเวช, Miss Ink, Logan Bay, W., TRK, Space Limo ,Chip7 และ ยุรี เกนสาคู(แฟนสาวซึ่งเป็นศิลปินรุ่นใหม่ชื่อดัง) มีงานแสดงร่วมกันอีกครั้ง ผ่านนิทรรศการ Friends x Enemies (วันนี้ – 12 มิถุนายน พ.ศ.2555 ณ Galerie N ถ.วิทยุ โทร.0 -2252 -1592 ,0 -2654 -0522)

แต่คราวนี้ไม่ใช่การวาดรูปผนังหรือกำแพงแต่เป็นผลงานที่แต่ละคนสร้างสรรค์ขึ้นตามเทคนิคที่ตัวเองถนัดภายใต้แนวคิด เพื่อน และ ศัตรู
 
ซึ่งเมธีได้เลือกวาดรูปหมาและแมว สัตว์ที่เป็นทั้งคู่เย้าแหย่ และคู่กัด ของกันและกัน

ถามเขาว่าในชีวิตจริง  รักษาระยะห่างระหว่างเพื่อนและศัตรูอย่างไรบ้าง เขายกตัวอย่างประโยคหนึ่งที่จดจำได้มากล่าวว่า

“จงเก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวยิ่งกว่า”
 
 

Text by ฮักก้า Photo by วชิร สายจำปา

Comments are closed.

Pin It