Art Eye View

“กฤษฏิ์ เจริญสวัสดิ์” หนุ่มวัย 19 ปี เจ้าของภาพถ่ายใน “Trekking กับหญิงอ้วน”

Pinterest LinkedIn Tumblr


ART EYE VIEW—“ก่อนไปผมบอกแม่ว่า ไปครั้งนี้มันต้องไม่เสียเปล่า ไปแล้วต้องได้อะไรกลับมา แล้วมันก็ได้จริงๆ และได้ในสิ่งที่เราไม่ได้คิดเอาไว้”

หนุ่มวัย 19 ปี โอ๊ต – กฤษฏิ์ เจริญสวัสดิ์ หรือ “รสกุ้ง” ชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียกติดปาก เล่าย้อนความหลังไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เมื่อครั้งขออนุญาตครอบครัวเพื่อเดินทางไปเดินเขาพิชิต Poon Hill จุดชมวิวอันเป็นสวนหนึ่งของยอดเขาอันนะปุรณะ ซึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาหิมาลัย ในประเทศเนปาล

“ผมชอบประเทศแถบนี้ เพราะมีอารยะธรรม มีอะไรให้น่าค้นหา และหิมาลัยเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ อยากไปเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิต”


ค้นพบ “สมดุลชีวิต “ ในวันร่วมทริป “มนุษย์ป้า”

ซึ่งในที่สุด การเดินทางไปเดินเขาที่เนปาลครั้งแรกในชีวิต ของโอ๊ต ก็เป็นการไปไม่เสียเที่ยว และได้ในสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้กลับมาดังที่บอกจริงๆ

อย่างแรกคือ “ ได้เข้าใจในสมดุลของชีวิต” มากขึ้น “เพราะเราต้องหาสมดุลในการเดิน ถ้าเดินเร็วไปเราก็เหนื่อย เดินช้าไปเราก็ถึงช้า เราต้องหาความพอดีตรงกลางที่ทำให้เราไม่เหนื่อยไป และยังเดินไปได้เรื่อยๆ

ยิ่งสูงอากาศยิ่งเบาบาง ถ้าเราเดินเร็วไป มันก็จะทำให้เหนื่อย หอบ หายใจไม่ทัน ทุกอย่างเราต้องทำ ให้มันพอดีกับตัวเอง ต้องอยู่กับตัวเอง มีสติมากขึ้น ซึ่งมันเอามาใช้ได้กับหลายๆเหตุการณ์ในชีวิต หลังกลับจากเนปาล ชีวิตหลายๆอย่างของผมเปลี่ยนไปเลย”

อย่างที่สองคือ “ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมทริปซึ่งเป็นคนต่างวัย ” เพราะเดิมทีโอ๊ตตั้งใจจะเดินทางไปเนปาลเพียงคนเดียว มีการจองทริป จองลูกหาบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อแม่ของเขาไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียว ครั้งแรกในชีวิตของลูกชาย จึงส่งโปรแกรมการเดินทางไปให้เพื่อนช่วยตรวจสอบ ซึ่งเพื่อนของแม่คนนั้นเป็นเพื่อนกับ ฐอน – รัสรินทร์ กิจชัยสวัสดิ์ เจ้าของร้านหนังสือสุนทรภู่ อ.แกลง จ.ระยอง จึงส่งโปรแกรมการเดินทางให้ฐอนช่วยตรวจสอบอีกที เพราะเห็นว่าฐอนเคยจัดทริปและเคยเดินทางไปหลายประเทศ รวมทั้งเนปาล

แต่กลับกลายเป็นว่า นอกจากฐอนจะไม่สามารถช่วยตรวจสอบใดๆ ยังแปลงร่างเป็น “มนุษย์ป้า” ขอร่วมทริปไปกับเด็กหนุ่มรุ่นลูก

“พี่ฐอนเขาอยากไปเดินเขาเส้นทางนี้มานานมากแล้ว แม้ว่าจะเคยไปเนปาลก็จริง แต่เป็นการไปเมื่อ 20—30 ปีที่ผ่านมา และไม่ใช่การไปเดินเขา หรือ Treakking”

“เฮ้ย…พี่มนุษย์ป้านะ รับพี่ได้หรือเปล่า” คือคำถามของเพื่อนร่วมทริปตัวโต ที่โอ๊ต ได้ยินผ่านโทรศัพท์ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีโอกาสพบหน้ากันครั้งแรกที่สนามบินแล้วออกเดินทางไปด้วยกันตลอด 9 วัน



วัยไม่ใช่ปัญหา ถ้าเปิดใจรับ

คนส่วนใหญ่ย่อมอยากเดินทางไปกับคนในวัยเดียว อะไรทำให้โอ๊ต กล้าร่วมทริปไปกับคนต่างวัย ที่ยังไม่เคยเรียนรู้นิสัยใจคอกันแม้แต่น้อย

“จริงๆตอนแรกก็มองหาเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ไม่มีใครจะไป ก็เลยคิดว่าไปคนเดียวก็ได้ แต่จะไปคนเดียวแม่ไม่เห็นด้วย พอรู้ว่าจะไปกับพี่ฐอน ก็ไม่กลัว แค่ตื่นเต้น ต้องลองดู

ในวัยที่จะเข้า 50 พี่ฐอนเขาอยากจะไปเพื่อที่จะเข้าใจชีวิต หาคำตอบให้ชีวิต
ส่วนตัวผมในวัย 19 อยากเรียนรู้โลก อยากไปเห็นอะไรใหม่ๆ อยากพิชิตตัวเอง
แต่เรามีจุดหมายเดียวกัน ที่ๆเราจะไปคือที่เดียวกัน เราจึงไปด้วยกันได้

แล้วก่อนไปพี่ฐอนเขาก็บอกไว้แล้วว่า เวลาเดินไม่ต้องรอกัน เดินล่วงหน้าไปก่อนได้เลย
แรกๆ เขาเดินช้า ผมต้องไปนั่งรออยู่ราวสองชั่วโมงบนเขา บางทีก็รู้สึกหงุดหงิด

แต่พอเดินไปสักระยะเริ่มรู้สึกว่า มันไม่ใช่ว่ะ เรามาด้วยกัน เราจะปล่อยให้เขาเดินคนเดียวไม่ได้ ต้องห่วงใยกัน เวลาเดินต้องเป็นหนึ่งเดียว และระหว่างทางเราเจออะไรด้วยกันมาเยอะ มันเลยทำให้เรารักกัน เป็นห่วงกัน”

โอ๊ตจึงได้คำตอบจากการเดินทางครั้งนี้ว่า บางครั้งเรื่องวัยไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักเดินทาง
ผมว่าเรื่องวัยมันไม่เกี่ยว มันอยู่ที่ว่าใจเราเปิดรับหรือเปล่า เวลาเดินทางกับเพื่อนก็ดีอีกแบบหนึ่ง แต่เวลาเดินทางกับคนที่มีอายุมากกว่าก็ดีอีกแบบหนึ่ง เพราะเราได้แลกเปลี่ยนกัน

คนที่มีอายุมากกว่า บางทีเขามีประสบการณ์บางอย่างที่มากกว่าเรา เวลาเรานอนพี่ฐอนเขาก็จะชอบพูดอะไรให้ฟัง ระหว่างที่ฟัง เราก็ได้เข้าใจอะไรขึ้น โตขึ้นทางความคิด

ซึ่งบางครั้งถ้าเราเดินทางกับเพื่อน มันอาจจะยากกว่าการเดินทางไปกับพี่เขาอีก”


Pray for Nepal ผ่าน “Trekking กับหญิงอ้วน”

กลับจากทริปเดินเขาที่เนปาล ขณะที่ฐอนใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการเขียนเล่าประสบการณ์จากการเดินทางให้คนอื่นๆได้ร่วมรับรู้ผ่าน facebook และเตรียมตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ ระหว่างนั้นโอ๊ต นักศึกษา ปี 2 สาขาภาพยนตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็กลับไปเรียนหนังสือ และทำงานพิเศษให้กับกองถ่ายภาพยนตร์และโฆษณา

ไม่กี่เดือนต่อมา ประเทศเนปาลเกิดแผ่นดินไหว นอกจากจะทำให้บ้านเรือนและสถาปัตยกรรมอันงดงามซึ่งเป็นมรดกโลก พังย่อยยับ ยังคร่าเอาชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก ขณะที่ผู้คนที่รอดชีวิต ต้องตกอยู่ในสภาพไร้ที่อยู่อาศัย ในจำนวนนั้นเป็นบ้านเรือนและญาติพี่น้องของไกด์และลูกหาบที่ฐอนและโอ๊ตเคยใช้บริการ

เมื่อได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือ ฐอนพยายามติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งระดมทุน และประมูลผลงานศิลปะ ในนาม Art for Nepal ไปช่วยเหลือทุกวิถีทาง รวมถึงกิจกรรม ปั่นจักรยาน Bike for Nepal ที่จัดขึ้นในช่วงงานฉลองครบ 2 ปี ของร้านหนังสือสุนทรภู่ รวมถึงได้หักรายได้ 100 บาท จากการจำหน่ายหนังสือ “Trekking กับหญิงอ้วน” ที่พิมพ์แล้วเสร็จ ไปช่วยเหลือด้วย

“ตอนนี้หลายคนเข้าใจว่า เหตุการณ์ที่เนปาลนิ่งแล้ว ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ คนก็ยังนอนอยู่ในเต้นท์

สิ่งที่เขาต้องการคือบ้านที่ช่วยกันฝน ไม่ใช่บ้านที่หรูหราอะไร ระหว่างนี้เราจึงพยายามหาเงินไปช่วยเขาซื้อสังกะสีซ่อมแซมบ้าน”

ฐอนบอกเล่าถึงสถาการณ์ที่เป็นอยู่ของประเทศเนปาลในฐานะที่คุ้นเคยกับคนที่นั่น และบอกถึงภาพรวมของเนื้อหาที่ถ่ายทอดผ่านหนังสือ ซึ่งจะมีการ หักรายได้ส่วนหนึ่งช่วยเนปาลต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกำหนดว่า

“เรามองว่าเนปาลเอง เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และหิมาลัย เป็นดินแดนของพระเจ้า มันมีพลังงานบางอย่าง ที่พอเราได้ขึ้นไปสัมผัส เราจะรู้สึกว่า มันไม่ใช่แค่พื้นที่ธรรมดา เหมือนเราได้พลังอะไรบางอย่างจากการที่เราได้ไปเดิน

แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อหาต่างๆในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด เราพยายามจะสื่อกับคนอ่านว่า เราอยู่ระหว่างการขัดเกลาตัวเอง ไม่ว่าเราจะมีปัญหาชีวิตหรืออะไรก็ตาม มันอยู่ในกระบวนการขัดเกลาตัวเองทั้งนั้น

และในตอนท้ายของหนังสือ ได้มีการเขียนเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เนปาล เป็นความรู้สึกของเราที่มีต่อบรรดาบ้านเรือนและแหล่งมรดกโลก ที่หายวับไปกับตา เพราะแผ่นดินไหว เพื่อจะสื่อสารกับคนอ่านว่า ของบางอย่าง เราคิดว่า เราจะได้กลับไปเห็นอีก มันไม่ใช่ ถ้ามันเลยเวลาของมัน มันก็ไม่สามารถที่จะคงอยู่ตรงนั้นได้”

แม้จะดูเป็นโอกาสท่ามกลางวิกฤต อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโอ๊ต หากนับถึงอย่างที่สามที่เขาได้จากการไปเดินเขาที่เนปาลก็คือ “ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือเนปาลผ่านภาพถ่าย” โดยการใช้ภาพถ่ายที่ถ่ายมาเป็นจำนวนมาก มาเป็นส่วนหนึ่งของการประมูลหารายได้ช่วยเนปาล และตีพิมพ์ประกอบเนื้อหาของหนังสือ “Trekking กับหญิงอ้วน”

เพราะนอกจากจะมีภาพที่ถ่ายระหว่างเส้นทางเดินเขา ยังมีภาพถ่ายที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตผู้คนในกาฐมาณฑุ พื้นที่มรดกโลก ที่ปัจจุบันนี้พังย่อยยับ ไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว

ภาพถ่าย ของนักเดินทางในวัยค้นหา

“ผมไปเนปาลเพราะผมอยากเห็น ในวัยผมคือวัยค้นหา ดังนั้นเวลาเจออะไรที่ชอบผมก็ถ่าย ไม่ได้ไปกะเกณฑ์ว่าไปเนปาล เราต้องถ่ายมุมนี้ มุมนี้เป็นมุมฮิต ผมถ่ายภาพเหมือนคนที่เดินทางเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง”

โอ๊ตเด็กหนุ่มชาวจังหวัดนครราชสีมา แบ่งปันถึงมุมมองในการถ่ายภาพของตัวเอง และสิ่งที่ทำให้เขาชอบถ่ายภาพ เพราะสมัยเรียนมัธยม (โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัยและโรงเรียนหอวัง)ชอบทำภาพยนตร์สั้น ส่งประกวด และเขาเคยได้รับรางวัลและเดินทางไปต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง  กระทั่งรับทุน  Premier เพื่อศึกษาต่อในสาขาภาพยนตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

นอกจากนี้โอ๊ตยังบอกด้วยว่าชื่นชอบผลงานภาพถ่ายของช่างภาพชื่อ ชาติฉกาจ ไวกวี เพราะให้ความรู้สึกที่หยาบ ดิบ และสื่อเรื่องราวได้ดี

“บางทีเราถ่ายภาพ เราจะถ่ายให้สวย แต่คนนี้บางทีเขาไม่ได้ถ่ายให้สวย ผมชอบงานของเขา เพราะเขากล้านำเสนอ แต่คนกล้าแบบนี้มีคนรักก็มีคนเกลียด เหมือนบางเวลาที่เราไม่ชอบใคร เราก็ไปด่าเขา ใส่อารมณ์อย่างเดียว

ผมชอบที่เขาเขียนตอบประมาณว่า คุณทำผมมา เดี๋ยวผมจะทำคุณกลับ แต่โดยที่ไม่ต้องไปทำร้ายนะ แต่จะทำกลับด้วยการทำงานของผมให้ดี ผมไม่เคยเจอตัวจริงของเขาหรอก แต่ผมชอบและติดตามงาน”


9 วันในการเดินทางกับน้องโอ๊ต

“เด็กหนุ่มเพื่อนของลูกเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน กลายเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับฉัน ส่วนจะซวยสำหรับน้องโอ๊ตหรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ น้องโอ๊ตถ่ายรูปสวย รู้เรื่องภูเขา ศึกษาหาข้อมูลก่อนไป ทำให้มนุษย์ป้าที่ไม่รู้อะไรเลย สบายไปด้วย

เหมือนธรรมะจะจัดสรร ฉันและน้องโอ๊ตมีเคมีที่ตรงกันทั้งการชอปปิ้ง รสนิยมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องการกิน เรามาจากครอบครัวคนจีนที่กินคล้ายกัน
เดินทางกับรุ่นลูกอายุห่างกันเกือบ 30 ปี ทำให้แอบคิดว่าอายุไม่ใช่ปัญหาในการเดินทางกับใครสักคน แค่เปิดหัวใจให้พร้อมแล้วไปด้วยกัน”

พี่หนอน หญิงอ้วน มนุษย์ป้า

“ระหว่างนั่งรถกลับ ผมก็มานังคิดถึงตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ที่ผมร่วมชะตากรรมกับพี่หนอน หญิงอ้วน มนุษย์ป้า ที่น่ารักที่สุดในโลก ผมก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ หรือไม่แน่ฟ้าลิขิตพี่หนอนให้มาร่วมทางกับผมในครั้งนี้ ถ้าฟ้าไม่ส่งพี่หนอนมา ใครจะเป็นเพื่อนคุยในยามค่ำคืน ถ้าฟ้าไม่ส่งพี่หนอนมา ใครจะดูแลผมตอนจำเป็นลม ถ้าฟ้าไม่ส่งพี่หนอนมา ผมจะรู้จักคำว่า มนุษย์ป้า ที่แท้จริงมั้ย

เรา Trekking เส้นทางเดียวกัน แต่เราไม่ค่อยได้เดินไปพร้อมกัน เพราะเราต่างรู้สมดุลตัวเอง พี่หนอนมีสมดุลในแบบพี่หนอน ผมมีสมดุลในแบบผม เราไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ระหว่างทางอาจมีหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจกันบ้าง แต่เมื่อสงบสติอารมณ์ เรามองเห็นกันและกันมากขึ้น เวลาผมนั่งพักรอพี่หนอนหลายชั่วโมง ผมเบื่อมั้ย ผมเบื่อ อยากเดินทางต่อจะตาย แต่ผมต้องเข้าใจว่าพี่หนอนอายุมากแล้ว จะให้เดินแบบเราก็ไม่ไหว ผมต้องเข้าใจพี่หนอนและเผื่อใจทุกครั้งที่ว่าสิ่งที่คิดไว้อาจไม่ได้ดั่งใจหวัง

Trekking กับหญิงอ้วน สำหรับผม ผมขอบอกว่าไปด้วยกันได้ เราอยู่ด้วยกันได้เพราะความเข้าใจ ความเผื่อใจ ความเห็นใจ และเมื่อตกลงเดินทางด้วยกันแล้ว ความห่วงใยจะมีให้กันมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีเรื่องนี้อาจถูกกำหนดไว้แล้ว เพียงรอเวลาและจังหวะให้ผมกับพี่หนอนมาเติมเต็ม

Trekking กับหญิงอ้วน ไม่สมควรไปด้วยกันได้…ใครว่าล่ะครับ”


Trekking กับ หญิงอ้วน
 
ราคาหนังสือ เล่มละ 365 บาท (เอาไปบริจาคช่วยเนปาล 100 บาท) ค่าส่งems เล่มละ 50 บาท. ซื้อ 3 เล่มฟรีค่าส่ง

……………………………………..
วิธีการสั่งซื้อ

1. โอนเงินมาที่บัญชี.ธนาคารกสิกรไทย สาขาแกลง ออมพรัพย์
ชื่อ รัสรินทร์ กิจชัยสวัสดิ์ เลขที่ 210-2-64212-3

2. แจ้งหลักฐานการโอนเงิน และที่อยู่ที่จะจัดส่ง มาที่

Email: soonthornphubook@gmail.com
หรือกล่องข้อความ เฟสบุค : ร้านหนังสือสุนทรภู่ อำเภอแกลง
หรือกล่องข้อความในเพจ :https://www.facebook.com/soontornphubookstore
หรือโทร 095 9659265

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews

Comments are closed.

Pin It