Advice

อยากแก้ตาพัง ให้กลับมาปัง ฟังทางนี้!!

Pinterest LinkedIn Tumblr


สำหรับผู้หญิงแล้วการที่จะกล้าทำอะไรสักอย่างบนใบหน้า ก็คงจะผ่านการครุ่นคิด หาข้อมูลตรึกตรองมานาน กว่าที่จะกล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตัวเองดูสวยมั่นใจขึ้น แต่บางครั้งการตัดสินนั้นอาจจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่แย่กว่าเดิม ยิ่งฉุดให้สาวๆ เสียความมั่นใจ!! ซึ่งเคสศัลยกรรมที่พบกันบ่อย และเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเสียเซลฟ์กับสาวๆ ก็คือการทำศัลยกรรมบริเวณดวงตา แล้วเกิดพลาด!! ผลไม่ออกมาเป็นอย่างใจ หรือประสบกับปัญหาอื่นๆ จนทำให้ไม่อยากจะออกไปเจอหน้าผู้คน แต่อย่าเพิ่งน้อยใจกับโชคชะตาและโทษการตัดสินใจของตัวเอง เพราะวันนี้เรามีทางออกให้สาวๆ ในเมื่อพังแล้ว เราก็ต้องเร่งกู้กลับคืนมาให้ปังอย่างสตรองค่ะ!!

เราได้นำปัญหาเกี่ยวกับเคสที่ทำศัลยกรรมบริเวณดวงตาและเกิดพัง! มาปรึกษากับ “นาวาโท นพ.ธนพันธ์ ภูมิชัยเวช” หรือ “หมอโอ๋” แห่ง “ธนพันธ์ คลินิก” คลินิกความงามที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ซึ่งหมอโอ๋ได้เล่าถึงเคสต่างๆ ที่ได้พบเจอเกี่ยวกับการแก้ตาพังของสาวๆ ให้กลับมาปังยิ่งกว่าเคย!!

แต่ก่อนอื่นเรามาดูเส้นทางว่าจะเป็นแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งได้นั้นไม่ง่ายเลย

เรียนแพทย์คิดว่ายากแล้ว แต่การเรียนให้เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งนั้นยิ่งยากกว่า ปกติการเรียนต่อเพิ่มเติมเฉพาะทางของแพทย์แต่ละสาขานั้นมีกฎเกณฑ์ไม่เหมือนกัน แต่หากตัดสินใจอยากจะเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่งก่อนอื่นเลย ต้องใช้ทุนหลังจากเรียนจบแล้วให้ครบสามปีก่อน จากนั้นจึงค่อยมาแข่งขันกันสมัครเข้าเรียนเฉพาะทางโสต ศอ นาสิกวิทยา แล้วจึงต่อยอดเรียนศัลยศาสตร์ตกแต่งเสริมสร้างใบหน้า ในสถาบันการศึกษาที่เปิดสอน เช่น รามา จุฬา ศิริราช เป็นต้น แต่ละปีทั้งประเทศจะสามารถฝึกอบรมได้ประมาณ 15 คน ซึ่งการฝึกอบรมเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นต้องใช้เวลารวมถึง 5 ปีทีเดียว กว่าจะจบออกมาเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสร้างใบหน้า (Facial Plastic Surgeon) ผู้รู้ว่าสิ่งใดควรเสริม สิ่งใดควรนำออก สิ่งใดไม่ควรเสี่ยง ทั้งแนะนำความสวยยพร้อมป้องกันภาวะแทรกซ้อนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้คนไข้ ต้องเรียนไม่่น้อยกว่า 10 ปี เลยทีเดียว นี่ยังไม่รวมช่วงที่ต้องไปใช้ทุนและผ่าตัดเสริมสร้างประสบการณ์ ฝึกอบรมเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ อ่านมาทั้งหมดแล้วคงจะพอนึกภาพออกแล้วใช่มั้ยคะว่า ทำไมเราต้องเลือกผ่าตัดกับหมอเฉพาะทาง ยิ่งเป็นหมอที่มีประสบการณ์ยาวนาน ทั้งเคสเด็ก เคสคนมีอายุ เคสรรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และเคสแก้ตาที่ทำมาแล้วพัง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการทำศัลยกรรมได้มาก

#เคสพังก็ปังได้ อยากให้คุณหมอเล่าถึงประสบการณ์แก้ตา เคยผ่านเคสแก้ตาแบบไหนมาแล้วบ้าง

“ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมากของใบหน้า คนเราเจอกันต้องมองหน้าสบตาอันดับแรก คนที่ทำตาแล้วพลาดมา เค้าจะขาดความมั่นใจ ต้องคอยหลบตาคนอื่น หรือบางรายต้องใส่แว่นไว้ตลอดก็มี ปัญหาเล็กๆ ก็ได้แก่ชัั้นตาไม่เท่ากัน ทำตาแล้วยังเห็นชั้นตาเดิม ทำตาแล้วไม่เป็นชั้น หรือมีหางปลาทูเป็นขีดๆที่หัวตา หางตา หนักขึ้นมาอีกก็เป็นปัญหาตาลึก หลายชั้น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ลืมตาไม่ขึ้น ตึงรั้งที่เปลือกตาจนทำให้ปวดเบ้าตา ลืมตามองบนไม่ได้เลย หนักสุดคือ โดนตัดเปลือกตาออกไปเยอะจนหลับตาไม่สนิท ตาไม่เป็นชั้นลืมตาแทบไม่ขึ้น อันนี้สงสารคนไข้จับใจ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องให้รอก่อนให้หนังตาตกมาอีกครั้ง คงใช้เวลา ก็ให้กำลังใจกันไป คนไข้บางคนก็ร้องไห้ เพราะเขาเครียด ทำมามากกว่า 2 ครั้งก็มี ฟังแล้วยังรู้สึกตกใจ เราก็ต้องพยายามปลอบโยนทำให้เขาอุ่นใจเพราะเราคือความหวังของเขา”

การผ่าตัดว่าเครียดแล้วยิ่งเราช่วยผ่าตัดแก้ไขเคสพัง คุณหมอมีวิธี detox ความเครียดนี้อย่างไร

ผมชอบร้องเพลง ฟังเพลง และนั่งสมาธิ ภาวะนา ทำให้จิตใจสงบ ปกติเป็นคนที่ชอบสวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่แล้ว เพราะรู้สึกจิตใจเราสงบ เย็น เวลาเราทำงาน ผลงานจะออกมาดีมากๆ ที่คลินิกก็จะมีห้องพระไว้เพื่อนั่งสมาธิ ทำสมาธิก่อนเข้าผ่าและทุกๆปีหมอจะไป ปฏิบัติธรรม เข้ากรรมฐาน ชอบสายวัดป่าและทุกครั้งจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของคนไข้ที่จะมาศัลยกรรมกับเรา ขอให้อย่ามาขัดขวางความสวยของคนไข้อย่ามายืมมือเราทำร้ายคนไข้ การทำศัลยกรรมเป็นศาสตร์และศิลป์ นอกจากความรู้และศิลปะในตัวหมอแล้ว อารมณ์ สภาพจิต และสมาธิในการทำงานก็ทำให้ผลงานของแต่ละคนออกมาแตกต่างกัน

เรื่องการดูแลตัวเองของคุณหมอ แบ่งเวลา ครอบครัว งานและดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

“กิจวัตรประจำวันคือทำหน้าที่ไปส่งลูกๆที่โรงเรียนก่อนครับ ป้อนข้าว แต่งตัว ถึงเราจะทำงานเกือบทุกวัน ก็อยากมีเวลาให้ลูกมากที่สุด เสร็จจากส่งลูกก็ไปฟิสเนส เพราะเวลาเราผ่าตัดจะได้ไม่เหนื่อยง่าย แลละการออกกำลังกายทำให้กระปรี้กระเปร่าสดใสทั้งวัน แล้วจึงมาคลินิกครับ วันไหนผ่าเสร็จไวก็จะกลับไปเล่นกับลูกๆ วันหยุดถ้าเป็นเสาร์ อาทิตย์ก็จะะพาลูกๆไปวัด และพาคุณพ่อ คุณแม่ของเราไปทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวกันเดือนละ 1-2 ครั้ง อยากปลูกฝังให้เด็กได้รับเหมือนกับที่คุณพ่อ คุณแม่ได้ปลูกฝังเรามา ตอนเป็นเด็กคุณแม่ทำกับข้าวให้ทานตลอด วันหยุดก็พาไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากัน คุณพ่อเป็นคนรักครอบครัว ไม่เจ้าชู้ รักคุณแม่และลูกๆ มาก แม้กระทั่งตอนนี้ท่านอายุ 80 แล้วไปไหนมาไหนก็จะเดินจูงมือกันไปสองคน ผมเชื่อเสมอว่าครอบครัวที่อบอุ่นเป็นพื้นฐานที่ดีจนเรามีวันนี้ก็คิดว่าเป็นเพราะครอบครัวและบุญกุศล จึงอยากจะปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้ลูกๆ”

ขึ้นทำเนียบเป็นหมอศัลยกรรมตาของขวัญใจสาวๆ ทุกวัยไปแล้วสำหรับคุณหมอโอ๋ ที่นอกจากจะตั้งใจเรื่องการทำงานแล้วในเรื่องชีวิตส่วนตัว ไลฟ์สไตล์ของคุณหมอก็ดูแลทุกอย่างได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน

ส่งท้ายกันนิดหนึ่งว่าทุกการทำศัลยกรรมมีความเสี่ยงนะคะ แต่ถ้าหากศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด แล้วเลือกทำศัลยกรรมกับแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางอย่างแท้จริง ก็จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้หรือลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด เท่านี้ก็น่าจะเป็นเกราะป้องกัน ช่วยให้เราทำศัลยกรรมแล้วปังๆๆ ไม่มีคำว่า “พัง” แน่นอนค่ะ!!

Comments are closed.

Pin It