Advice

แป้ง-น้ำตาล สาเหตุหน้ามันผิวอักเสบ อยากลดสิวเลี่ยงฝ้าต้องหม่ำอะไรแก้

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager

เพราะเชื่อในคอนเซ็ปต์ YOU ARE WHAT YOU EAT ไม่ว่าคุณสาวๆ จะลงทุนขึ้นเขียงทำศัลยกรรม หรือเข้าออกศูนย์ความงาม ขยันฉีดโน่นนี่นั่นเต็มใบหน้าทั่วตัวไปหมด ก็ไม่มีเทคโนโลยีใดสู้สิ่งที่เรากินเข้าไปในร่างกายหรอกค่ะ

เราจึงสรรหากูรูผู้รู้เรื่องกินเพื่อสุขภาพความงามอย่างแท้จริง ท่านคือ นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ซึ่งยินดีมาถ่ายทอดความรู้เรื่องอาหารการกินเพื่อความงาม ถึง 4 เรื่อง เชื่อหรือไม่ว่าอาหารบางชนิดสามารถลดหน้ามัน บรรเทาสิวได้, รู้จัก “ซุปสวย” กินน้ำซุปอะไรแล้วได้คอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย, อาหารต้านร้อน กินแล้วฉ่ำชื่น ก่อนปิดท้ายกันด้วย อาหารชนิดใดหนอ ช่วยบรรเทาผมหงอกได้ผลเลิศ

ก่อนจะเผยอาหารเด็ดที่ช่วยลดหน้ามัน คุณหมอกฤษดาขอแนะนำให้สาวๆ รู้จักกับอาหารขี้เหร่ ที่เป็นผู้ร้ายสร้างความมันเยิ้มให้ผิวหน้ากันก่อน

“อาหารที่เป็นผู้ร้าย หรืออาหารที่ทำให้ขี้เหร่คือ พวกแป้ง และน้ำตาล ให้ท่องไว้เลย ถ้าอยากสวยให้เลี่ยงแป้งและน้ำตาลขาว หากเป็นน้ำตาล ที่ไม่ใช่สีขาวยังพอได้ แต่ให้จำไว้ว่าอะไรที่เป็นน้ำตาล เป็นของหวาน ทำให้แก่เร็ว และเกิดความมันที่หน้าได้เยอะ

เพราะพวกแป้งและน้ำตาล สามารถเปลี่ยนเป็นความมันได้ ให้จำง่ายๆ ว่าสีขาวเป็นสีอันตราย เช่น ข้าวขาว, เส้นก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน, พาสต้า, สปาเก็ตตี้, พิซซ่า, เค้ก และคุ้กกี้ทั้งหลาย อาจจะต้องเลี่ยงนิดนึง เพราะนี่คือ อาหารผู้ร้าย และอาหารอีกกลุ่มที่ทำให้หน้ามันได้คือ แอลกอฮอล์ พวกนี้เป็นตัวที่ละลายในไขมัน รวมถึงยังทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังได้ด้วย ซึ่งพอความมัน มารวมกับการอักเสบ ก็ทำให้เกิดเป็นสิว”

แม้หลายคนเซ็งและเบื่อหน่ายกับลักษณะผิวมันของตนเอง ทว่าคุณหมอปลอบให้มองโลกในแง่ดี เพราะในความมัน ก็มีประโยชน์ในเรื่องความสวยอยู่บ้าง

“จริงๆ ข้อดีของคนหน้ามัน ก็คือ ทำให้แก่ช้ากว่าหน้าคนที่ผิวไม่มัน คนที่หน้ามันเหมือนจะทอดไข่ได้ จริงๆ แล้วโชคดีกว่าผู้หญิงผิวแห้งและขาวจัด กลุ่มนั้นจะมีริ้วรอยขึ้นเยอะ ริ้วรอยตีนกาใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นได้ง่าย”

หม่ำแป้งไม่ขัดสี-ผักเขียวจัด หลีกไกลปัญหาผิวหน้าแย่

พอเข้าเรื่องอาหารลดความแวววาวบนใบหน้า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรวัฒน์ฟันธง! ถ้าอยากสวยใส ให้เลือกข้าวและแป้งที่ไม่ขัดสี เพราะเป็นเสมือนอาหารติดเบรค ช่วยชะลอไม่ให้แป้งเปลี่ยนเป็นไขมัน ทำใบหน้าคุณหมดสวย

“อาหารที่ช่วยคุมหน้ามัน เป็นกลุ่มที่เรียกว่า อาหารที่ไม่กระตุ้นการอักเสบ และช่วยลดไฟอักเสบที่ผิวหน้า เช่น แป้งที่ไม่ขัดขาว แป้งที่มีกากทั้งหลาย ถ้าปกติทานข้าวขาว ก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวหอมนิล ขนมปังขาว ก็เปลี่ยนเป็นขนมปังโฮลวีท หรือขนมปังธัญพืช พูดง่ายๆ แป้งที่ต้องเคี้ยวเยอะๆ นี่แหละดี เพราะมันมีกากใย ซึ่งกากใยจะเหมือนกับเบรค ที่ช่วยชะลอไม่ให้น้ำตาลซึมเข้าไปที่หน้าเราเร็วนัก

ถ้าอยากรู้ว่าน้ำตาลทำให้หน้าเราเละแค่ไหนนะ ลองเอาน้ำตาลมาใส่ในฝ่ามือ แล้วกำเอาไว้ให้เหงื่อออก จะรู้สึกเลยว่า เหนียวเหนอะไปหมด ซึ่งเหมือนกับสภาพที่น้ำตาลเข้าไปเกาะกับเนื้อผิวหน้าที่มีคอลลาเจน เราเรียกสภาวะนี้ว่าการเกิดไกลเคชั่น (Glycation) นั่นคือ น้ำตาลมันทำให้คอลลาเจน (Collagen) หรือโครงสร้างผิวแย่และเละไปหมด เมื่อคอลลาเจนลา ตีนกาก็เกิด มันจะเป็นกลไกอย่างนี้”

นอกจากแป้งไม่ขัดสีแล้ว ผักสีเขียวจัดคือ อาหารอีกชนิดที่คุณหมอสนับสนุนให้ทานกันเยอะๆ เพราะนั่นคือ แหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้คุณสวยเช้งได้

“อาหารที่ดับไฟอักเสบ อีกประเภทก็คือ ผักเขียวจัด ให้ท่องไว้เลย ยิ่งเขียวยิ่งดี เพราะว่ามันมีธาตุแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) หรือธาตุต้านอนุมูลอิสระอยู่ ซึ่งทางแพทย์อายุรวัฒน์เรียกง่ายๆ ว่าธาตุต้านสนิมแก่ มันจะเห็นภาพชัด

เรื่องนี้บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมให้กินแต่สีเขียว เพราะเคยได้ยินว่าให้กินหลายสี 5 สี 7 สี ตรงนี้ต้องบอกว่า การกินได้หลายสีมันดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ มันหาได้ยาก ในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นจากที่ผมได้ศึกษามา พบว่าสีเขียวคือ สีที่ดีที่สุด เพราะสีเขียวเป็นสีที่รวมหลายสีเอาไว้

สมมุติ เราหยิบคะน้าสีเขียวสดมา 1 กอ คะน้ามีวิตามินเอ (Vitamin A) เพียบ ถามว่าทำไมถึงมีสีเขียว ทั้งที่วิตามินเอ มันคือ สีเหลือง สีแดง แต่ถ้าเราลองทิ้งคะน้านั้นไว้สัก 1 อาทิตย์ พอมันถอดเสื้อคลุมที่เป็นคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ของมันออก มันก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นั่นคือ แซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) ซึ่งก็เป็นธาตุเหลืองตัวหนึ่งที่เป็นวิตามินเอ พูดง่ายๆ ก็คือ พอถอดสีเขียวออกมาแล้วเนี้ย พวกแอนตี้ออกซิแดนท์เกือบทุกสีจะอยู่ในนั้นเลย เพราะฉะนั้นสีเขียวคือ แหล่งที่รวมแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีๆ เอาไว้ ถึงให้เลือกสีเขียวเป็นอันดับหนึ่งในการป้องกันผิวหน้า”

ผัก-ผลไม้สีม่วง ตัวช่วยเร่งด่วน เมื่ออยากสวยไม่สร่าง !

ไม่เพียงแต่ผักสีเขียวเท่านั้นค่ะ แพทย์หนุ่มของเรา ยังแนะให้หมั่นหาพืชผักสีม่วงมาทานกันเป็นนิจ เพราะมันคือ ซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีประโยชน์ล้นเหลือในการต้านอนุมูลอิสระ

“แอนตี้ออกซิแดนท์จากพืชผักสีม่วง จะมีพลังมากกว่าวิตามินเอ, ซี, อี เยอะมาก เราอาจเรียกว่าธาตุม่วงต้านร่วงโรย ซึ่งพวกนี้จะมีอยู่ในผักผลไม้ทุกอย่างที่มีสีม่วง เช่น บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอรี่ เชอรี่ แต่กินทุกวันอาจไม่ไหว เพราะราคาสูง ดังนั้นเรามีเบอร์รี่ของไทย สีม่วงเหมือนกันแต่ราคาไม่แพง เช่น ลูกหว้า, ตะขบ, มันสีม่วง, ชมพู่, องุ่น, กะหล่ำปลีม่วง, มะเขือม่วง หรืออาหารบางอย่างที่ หลายคนนึกไม่ถึงคือ ข้าวเหนียวดำ อันนั้นมีสีม่วงเยอะมาก

สำหรับคำว่าธาตุม่วง หลายคนอาจ ‘งง’ ว่ามันคืออะไร ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย คงต้องย้อนกลับไปเมื่อ 3-4 ปีก่อน อาหารเสริมชนิดหนึ่งที่ดังมากเลย ระบุว่าเป็นสารสกัดจากเมล็ดองุ่น หรือ เกรปซีดเอ็กซ์แทรค (Grape seed Extract) มันคือ สารตัวเดียวกันเลย ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปซื้อสารสกัดเมล็ดองุ่นที่แพงๆ ก็ได้ เพราะสารอาหารแบบนั้น มีอยู่ในข้าวเหนียวดำ ถั่วดำ ถั่วแดงก็มี เหล่านี้แหละมีธาตุม่วงต้านร่วงโรย ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีพลังมากกว่า วิตามินซี และ อี ประมาณ 30-50 เท่าเลยทีเดียว”

อยากลดสิว… เลี่ยงฝ้า “น้ำมันปลา” ช่วยได้

“อีกตัวที่จะช่วยทำให้ผิวไม่แก่ คือน้ำมันปลา หาได้ง่าย กินปลาทูสองตัว ก็ได้น้ำมันปลาพอๆ กับทานน้ำมันปลา 2 เม็ดแล้ว ช่วยเรื่องหน้าได้เลย เพราะมันจะช่วยดับไฟอักเสบที่สิว หรือบริเวณที่ฝ้ากำลังจะขึ้น เพราะเวลาที่หน้ามีฝ้า มันเกิดจากการอักเสบ รวมถึงฮอร์โมน (Hormone) หรือธาตุสตรีด้วย ที่ไปดึงเอาเม็ดดำๆ เข้ามาบนผิวหน้า จนเกิดเป็นรอยดำ ซึ่งน้ำมันปลา มันช่วยดับความอักเสบนั้นได้

จึงแนะว่าให้ทานปลา หรือถ้าหาทานลำบาก ทานน้ำมันปลาแทนก็ได้ สักวันละ 1-2 เม็ด หรือถ้าไม่อยากกินน้ำมันปลา กินปลากกระป๋องก็ยังได้ ถูกด้วย มีน้ำมันปลาด้วย”

ได้ยินคุณหมอแนะว่า ให้ทานน้ำมันปลาแบบเม็ด อดสงสัยไม่ได้ ว่าแท้จริงแล้วปริมาณที่เหมาะสมนั้น กี่เม็ดกัน จะเชื่อตามเซลล์ขายยา ทานต่อเนื่องทุกวัน นานนับปีได้จริงมั้ย?

“ปริมาณการกิน หนึ่งวันอาจทานสัก 2 เม็ด กินบ้าง หยุดบ้าง หรือถ้าจะให้แน่คือ ในแต่ละสัปดาห์ให้หยุดกินวิตามินเสริมสักวัน นี่เป็นเคล็ดลับเลย หรือไม่อาจใช้วิธีทานวิตามินคู่ไปกับอาหารสด เช่น น้ำมันปลา สลับกับปลาทูสด หรือปลากระป๋องก็ยังได้ แต่ให้มีเข้าไปอย่างสม่ำเสมอทุกวัน” ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรวัฒน์ระบุ

“ไขมัน” ตัวการก่อสิว จริงมั้ย?

เมื่อพูดถึงเรื่องหน้ามัน หลายคนเป็นต้องเพ่งเล็งไปที่ไขมัน ว่าเป็นตัวการร้าย ก่อหน้าเยิ้ม เพาะเชื้อสิว สำหรับกรณีนี้..คุณหมอแนะว่าให้แบ่งแยกน้ำมันดีกับน้ำมันร้ายให้ออก ว่าแล้วยังใจดีแนะวิธีกินน้ำมันอย่างถูกวิธี หลีกไกลโรคมาด้วย

“ไขมันที่เป็นผู้ร้ายจริงๆ คือ น้ำมันพืช เพราะมันจะทำให้เกิดการอักเสบ เนื่องจากในน้ำมันมีธาตุอักเสบตัวหนึ่งที่เรียกโอเมก้า 6 (Omega-6)

ต้องบอกว่าไขมันนั้น จะแบ่งเป็นไขมันผู้ดีกับไขมันผู้ร้าย กรดไขมันดีหรือพระเอกคือ โอเมก้า 3 (Omega-3) อีกอันคือ กรดไขมันผู้ร้ายที่ทำให้เกิดการอักเสบ นั่นคือโอเมก้า 6 จะอยู่ในน้ำมันพืชทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันดอกคำฝอย, น้ำมันปาล์ม คือน้ำมันพืชต่างๆ ที่แม้จะราคาแพงแค่ไหน ก็มีหมด ฉะนั้นสิ่งที่ดีคือ ให้ลดน้ำมันพืช เพิ่มน้ำมันดี แล้วมันจะมีอานิสงส์ นอกจากช่วยให้หน้าไม่อักเสบแล้ว อาการอักเสบที่อื่นก็จะลดไปด้วย เช่น การปวดหัวบ่อยๆ หรือปวดประจำเดือน พวกนี้ถ้าลดน้ำมันพืชลงแล้วจะดีขึ้นด้วย บางทีอาการปวดที่หาสาเหตุไม่ได้ อาจจะเกิดจากน้ำมันพืชก็ได้ เพราะมันคือ ตัวที่โหมกระพือไฟอักเสบในตัวเรา และความอักเสบก็คือสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว

บางคนเป็นร้อนในไม่ทราบสาเหตุ ให้ลองย้อนกลับไปดูว่า เราชอบกินอะไร กินของทอด ของมันเยอะหรือเปล่า หรือที่เราบอกว่า น้ำมันพืชดี ลองย้อนกลับไปดูคนโบราณ รุ่นพ่อแม่ ถ้าจะทอดไข่เจียวให้อร่อย ต้องใช้น้ำมันหมู นิยมใช้น้ำมันหมูกัน แต่พอเทียบกันแล้ว คนยุคนี้เป็นโรคหัวใจเยอะกว่าคนสมัยก่อน

เพราะจริงๆ แล้วน้ำมันหมูไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ที่พูดไม่ได้เชียร์ให้กินน้ำมันหมู เพียงแต่จะบอกว่า การกินน้ำมันที่ดี จะต้องกินให้สลับกัน เช่นมื้อนี้อยากกินน้ำมันหมู..กินได้ แต่มื้อหน้าสลับไปกินน้ำมันรำข้าวบ้าง น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลืองบ้าง สลับกันไป นี่เป็นหลักการกินน้ำมันที่เหมาะสม เพราะไม่มีน้ำมันอะไรที่กินอย่างเดียว แล้วดีไปตลอด” ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ฯ อธิบายปิดท้าย



>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It