By Lady Manager
ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าในชีวิตประจำวันของเรา ต้องพบเจอปัญหาสารพัด ที่นำพาคุณไปสู่ “ความเครียด” บางคนเจอเรื่องเครียดนิด ก็หวั่นไหว ท้อแท้ใจ จนแทบบ้า ขณะที่บางคนตั้งสติไหว จัดการความเครียดได้ ชีวิตก็แสนแฮปปี้ สุขี จนน่าอิจฉา
เพื่อให้รู้เท่าทันปัญหาความเครียด และหาทางจัดการได้อยู่หมัด โอกาสนี้ คุณหมอเบิร์ท หรือ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ จิตแพทย์สาวแห่งโรงพยาบาลศรีธัญญา มีข้อคิดดีๆ มาบอกต่อให้คุณสาวๆ เอาไว้ปรับใช้เพื่อรับมือกับความเครียดกันค่ะ
“ความเครียดคือ กลุ่มของอาการวิตกกังวล ซึ่งความเครียดกับความวิตกกังวลเกิดขึ้นกับทุกคน ถ้าคนที่บอกว่าตัวเองไม่เครียดคือ โกหก เพราะทุกคนมีเรื่องเครียดแน่ แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าเมื่อเครียดแล้วจะจัดการกับความเครียดนั้นอย่างไร จะทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์กดดันบีบคั้น
ทั้งนี้ความเครียด ความวิตกกังวล ถือเป็นกลไกพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์เกิดการป้องกันตัวเอง เช่น เด็กนักเรียนเครียดเพราะจะสอบ ดังนั้นก็ต้องขยันอ่านหนังสือ เป็นการเตรียมพร้อม เพื่อที่จะสอบให้ผ่าน นั่นคือกลไกที่จะแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้” จิตแพทย์คนสวยดีกรีอดีตนางสาวไทย พ.ศ.2542 เกริ่นให้ทราบถึงภาวะความเครียด
เครียดไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทนต่อความเครียดไม่ได้ต่างหากคือ ปัญหาหนัก!
“หมอไม่อยากให้มองว่าความเครียดเป็นเรื่องที่หนัก หรือเมื่อเกิดความเครียดแล้วทำให้เกิดการฆ่าตัวตาย แต่เราต้องไปดูว่า สาเหตุที่ทำให้คนๆ นั้นเผชิญความเครียด, ความผิดหวัง, ความสูญเสียไม่ได้ จนคิดหนักถึงขั้นตัดสินใจฆ่าตัวตายได้นั้นคืออะไร
อย่างเช่น ถ้าลูกเราสอบไม่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วจะฆ่าตัวตาย เราก็ต้องไปดูว่า มันมีอะไรที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของเขา อยู่ในขีดที่ต่ำขนาดนี้ ซึ่งเรื่องนี้มันก็จะมีองค์ความรู้ต่างๆ ให้ได้ศึกษาว่าจะต้องทำอย่างไร เลี้ยงดูเด็กอย่างไร ให้เขาเป็นเด็กที่เผชิญความผิดหวัง เผชิญความเครียดได้ เพื่อที่เขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่รับมือกับความเครียดในอนาคตได้”
หลังหลังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปลูกฝัง และสร้างภูมิคุ้มกัน เรื่องความเครียดให้เด็กแล้ว จิตแพทย์สาวแห่งโรงพยาบาลศรีธัญญา ก็ฝากข้อคิดดีๆ มาให้คุณสาวๆ เอาไว้ปรับใช้ จัดการกับความเครียดของตัวเองมาด้วยค่ะ
“สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง” พาคุณผ่านพ้นสารพัดปัญหาเครียด
“เรื่องของความภาคภูมิใจเป็นประเด็นหลักเลย ที่จะทำให้ผู้หญิงทุกวัยสามารถจะรับมือกับความเครียด หรือผ่านพ้นทุกสถานการณ์ในชีวิตได้ ซึ่งความภูมิใจในตัวเอง จะมาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ความภาคภูมิใจที่คนภายนอกสะท้อนให้เราเห็น เช่น มีคนมาชมว่าเธอเก่งจังเลย เธอเป็นคนดีจังเลย พอได้ยินแบบนี้ความภูมิใจในตัวเองมันก็เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ ความภูมิใจที่เกิดจาก คนภายนอกสะท้อนให้เราเห็น ดังนั้นก็หมายความว่า ถ้าเมื่อใดก็ตามที่คนไม่ชม หรือไม่มีใครสะท้อนให้เราเห็น ความภูมิใจของเรามันก็จะหายไป เราก็จะเริ่มสงสัยว่า ฉันไม่ดีแล้วหรือ ฉันไม่น่าสนใจแล้วหรือ ฉันไม่เก่งแล้วหรือ
ส่วนที่สองคือ ความภาคภูมิใจที่สร้างมาจากตัวของเราเอง ถ้าเราสร้างความภาคภูมิใจให้ตัวเองได้ ต่อให้คนภายนอกมองว่าเราเป็นอย่างไร เราก็ไม่หนักใจ เพราะเราจะเชื่อมั่น และรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ฉันเป็นคนดี ฉันเป็นคนเก่ง ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไร ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็จะเผชิญกับความกดดันได้ โดยมีความคิดที่แน่วแน่ว่า ฉันจะผ่านพ้นไปได้ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่การตัดสินใจของฉันเอง ไม่ว่าชีวิตจะดีหรือจะเลว อยู่ที่ฉันเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่ว่าชีวิตฉันขึ้นอยู่กับสามี ขึ้นอยู่กับเจ้านาย หรือขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นๆ
กลุ่มที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง จะรู้ดีว่าเขาจะเผชิญปัญหา หรือผ่านพ้นสถานการณ์ความเครียดได้อย่างไร และเขาก็จะคิดเสมอว่าเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งลักษณะนี้เรียกว่ามี sense of mastery ที่หมายถึง มีความเชื่อมั่นว่าฉันสามารถเผชิญอุปสรรค ฝ่าฝันอุปสรรคไปได้ด้วยมือของฉัน จะไม่ต้องไปพึ่งพิง หรือว่ายึดใครเป็นหลัก ถ้าเกิดสามีไม่ดีชีวิตฉันต้องพังทลาย หรือถ้าลูกไม่ดี ชีวิตฉันไม่รู้จะอยู่ไปทำไม มันไม่ใช่แบบนั้น
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงวัยไหน หมอคิดว่าเรื่องความภาคภูมิใจในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราสร้างได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งคำชมจากคนรอบข้าง เมื่อมีปัญหาหรือความเครียดต่างๆ เข้ามา เราก็สามารถผ่านพ้นไปได้เสมอ ด้วยความเข้มแข็งของตัวเราเอง” คุณหมออภิสมัยทิ้งท้าย
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.