By Lady Manager
ลดน้ำหนักก็แล้ว ออกกำลังกายก็แล้ว แม้จะผอมลงทั้งตัว แต่น่องขาและท่อนแขนอันใหญ่โต บวกกับพุงหลาม ก็ยังไม่มลายหายไปจากร่าง แถมไอ้ส่วนที่ไม่อยากให้ลด เช่น หน้าอกหน้าใจกลับหายไปซะงั้น
“การออกกำลังกาย เป็นการสลายเผาผลาญพลังงาน เซลล์ไขมันบริเวณนั้นจะห่อเหี่ยว แต่ไม่ได้ตายไป ถ้ากินเข้าไปมากขึ้นไขมันเหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นมาอีก” น.พ. ธนวรรฒน์ โชติมา อุปนายกสมาคมเวชศาสตร์และศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยแห่งประเทศไทย ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทีเอ็นซี คลินิกศัลยกรรมความงามและเสริมสร้างความอ่อนเยาว์ ให้ข้อมูลถึงการสลายไขมันว่า
“ส่วนการลดน้ำหนัก การควบคุมน้ำหนัก เป็นการลดความหนาของไขมันทั้งตัว ลดน้ำหนักลงด้วย ฉะนั้นการควบคุมหรือกินนั้นจะมีการใช้ยาบ้าง อดอาหารบ้าง
เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย เซลล์ก็ไม่ได้ถูกทำลายไป เพียงแต่ขนาดของเซลล์จะลดลง การลดน้ำหนักจะได้มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการควบคุมตัวเอง อาหาร การใช้ยาที่อยู่ในการควบคุมของแพทย์ อันนี้ไม่ใช่การสบายไขมัน เพียงแต่ลดขนาดของไขมันเท่านั้นเอง”
งั้นจะมีวิธีใดบ้างละคะ ที่จะเอาไขมันเฉพาะจุดออกไปจากร่าง แต่คงไขมันในบริเวณที่เราต้องการไว้
วิธีสลายไขมัน
1) การใช้ยาฉีด
คุณหมอธนวรรฒน์ บอกว่าการสลายไขมันมีหลายวิธี เช่น
“การใช้ยาฉีด ยาพวกนี้จะทำให้ผนังเซลล์แตก ทำให้มีไขมันออกมาในระหว่างเซลล์ และไขมันถูกกำจัดออกมาทางท่อน้ำเหลือง เป็นยาฉีดทีเรียกว่า Mesotherapy ฉีดยาเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนังในจุดที่เราต้องการ ไขมันเป็นเซลล์ใหญ่ จึงถูกขับออกตามระบบน้ำเหลือง
ในกรณีที่น้ำหนักในสัดส่วนที่ไม่ได้ผิดมากนัก เพราะการฉีดเราไม่สามารถควบคุมได้ หรือทราบได้ว่าจะสลายไปมากเท่าไหร่ จำนวนยาที่ฉีดเข้าไป กับการที่ไขมันจะถูกทำลายลงไปมากน้อยแค่ไหน เราคาดคะเนไม่ได้
ข้อดีคือ ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บ สามารถไปทำงานได้เลย ข้อเสียคือ ทำนานเท่าไหร่ทราบ ใช้ยาขนาดเท่าไหร่ ใช้ระยะเวลาอาจะนาน ค่าใช้จ่ายอาจจะสูง
ดังนั้นในการสลายไขมันจึงต้องเลือกคนไข้ให้เหมาะสมกับวิธีการ ถ้าเลือกให้ถูกต้องทุกวิธีการมีประโยชน์หมด”
2) การใช้เครื่องมือสลายไขมันจากภายนอก
“การใช้เครื่องมือสลายไขมันจากภายนอก เช่น เครื่อง RF (Radio Frequency) ใช้ความถี่จากคลื่นวิทยุไปทำลายเซลล์ไขมัน หรืออัลตราซาวนด์ คลื่นความถี่สูง โดยไม่ต้องผ่าตัด
ข้อเสียคือ ต้องทำหลายครั้ง เมื่อยิงเข้าไปแล้ว การคาดคะเนว่าจะยุบเท่าไหร่ คาดคะเนลำบาก ต้องทำหลายที ค่าจะใช้จะเปลืองกว่า”
3) การผ่าตัด ใช้เครื่องมือสลายไขมันจากภายใน
มาถึงนางเอกของงานที่ได้ผลดี สามารถดูดไขมันได้ในปริมาณมาก แต่ต้องผ่าตัด และค่าใช้จ่ายสูง
“คือใช้เครื่องมือสลายไขมันจากภายใน เช่น เลเซอร์เข้าไปทำลายผลังเซลล์ไขมัน หลังจากที่ผนังเซลล์แตก Fat จะออกมาอยู่นอกเซลล์ จะถูกร่างกายกำจัดออกทางระบบน้ำเหลือง เครื่องมือที่ใช้ภายใน ต้องผ่าตัดเล็กน้อยเจาะสอดใส่ท่อเข้าไป แผลกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตร จากนั้นใช้คลื่นวิทยุเข้าไปสลายโดยตรงไม่ต้องผ่าจากข้างนอก เข้าไปสลายยิงเข้าไปในชั้นไขมันโดยตรงเลย เป็นเครื่อง RF เช่นกัน หรือเลเซอร์ที่เรียกว่า YAG Laser ก็เข้าไปสลายไขมันเช่นกัน
ฉะนั้นเครื่องมือทุกเครื่องมือมีเป้าหมายเดียว คือ เข้าไปยิงผนังเซลล์ให้แตก ในกรณีที่มีไขมันไม่มากนัก ก็จะปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกไปเอง แต่ถ้าในกรณีที่เป็นพื้นที่ใหญ่ๆ แน่นอนเราต้องดูดเอาส่วนไขมันที่แตกสลายดูดออก จึงต้องมีเครื่องมือสลายไขมัน บวกกับการดูดไขมันออกมารวมกัน ถ้าไขมันเยอะมากจะเป็นน้ำมันค้างตกอยู่
เป็นวิธีที่นิยมในการสลายไขมันในปริมาณมาก เป็นการปรับรูปร่างบริเวณนั้นให้ตามสรีระ การดูดไขมันไม่ใช่การดูดให้ได้มากที่สุดนะ แต่ต้องตามสรีระของแต่ละบุคคล เพื่อความสวย Perfect Figure เราต้องดูตามโครงสร้างของร่างกายเป็นสำคัญ ดูดไขมันมากไปต้องดมยาสลบ แต่กรณีดูดน้อยๆ จะใช้ยาทาเฉพาะที่ ดูดแล้วสามารถกลับบ้านได้เลย ข้อดีคือ คาดคะเนได้ว่าจะดูดขนาดไหน ส่วนใหญ่ทำครั้งเดียว สตาร์ทด้วยราคาที่สูงหน่อย แต่ทำครั้งเดียว”
4) Carboxy
“Carboxy เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันดั้งเดิม เป็นการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์เข้าไป จะทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณแถวนั้นมากขึ้น ทำให้มีการสลายของผนังเซลล์เช่นกัน ฤทธิ์ของคาร์บอนไดออกไซค์จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพเซลล์
ดังนั้นทุกวิธีอันตรายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาฉีด หรือใช้เครื่องมือภายนอก ภายใน แต่ถ้าอยู่ในมือของผู้ประกอบวิชาชีพแล้ว อันตรายเหล่านั้นสามารถควบคุมได้ เพราะก่อนที่เราจะทำการรักษาคนไข้ เราจะต้องตรวจคนไข้ดูความเสี่ยงของคนไข้ก่อน เพราะสุขภาพของคนไข้เป็นสำคัญ
เมื่ออยู่ในมือของผู้ประกอบวิชาชีแล้วอันตรายเหล่านั้นจึงลดลง เพราะทุกอย่างควบคุมได้ เช่น ทานวิตามินไป 1 เม็ด ก็อันตรายได้เช่นกัน ทานวิตามินบีก็อาจช็อกตายได้เช่นกัน ดังนั้นการรักษาทุกอย่างมีอันตรายหมด แต่ถ้าอยู่ในมือผู้ประกอบวิชาการ ผู้รู้ จะปลอดภัยมากขึ้น ไม่มีอะไรน่ากลัวเกินกว่าที่จะควบคุมได้
*ทำใจ หลังดูดไขมันทำผิวยาน ย้วย!
“แน่นอนการดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก ผิวหนังจะเกิดการเหี่ยวย่นหย่อนคล้อย ดังนั้นการเลือกคนไข้จึงเป็นสิ่งสำคัญ คนไข้ที่เหมาะสมกับการสลายไขมัน ผิวหนังต้องไม่ย้วย ยานเกินไป บางคนอายุมากแต่ไม่เคยมีลูก ผิวหนังยังตึงอยู่ ต้องดูที่ Elastic
ฉะนั้นบางเคสเราจะบอกคนไข้เลยว่า ไม่เหมาะสมในการสลายไขมันด้วยวิธี อาจจะใช้วิธีอื่น แต่ถ้าคนไข้ยังยืนยัน อันนั้นต้องบอกว่า ผลที่ได้รับ ผิวหนังอาจจะไม่เรียบนะ อาจจะเป็นย่นๆ แต่ถ้าต้องการเพียงลดความหนาของชั้นไขมันก็ลดได้ทุกกรณี แต่อาจจะไม่เรียบ เป็นคลื่นๆ เลย เช่นพวกที่ผ่านการมีบุตรมาแล้วหลายคน ผิวหนังหน้าท้องหย่อนยานมาก หรือกรณีที่เริ่มลดความอ้วน ผิวหนังจึงยาน Elastic ไม่ดี จึงไม่ใช่ Good Candidate ที่ดี
ฉะนั้นการรักษาอะไรก็ตาม การคัดสรรการเลือกโดยผู้ที่มีประสบการณ์ก็จะมีความสำคัญ ทุกวิธีดีหมดใช้ได้หมด แต่เวลาและโอกาสของแต่ละบุคคลก็ต้องเลือกให้หมด” คุณหมอกล่าว
->ปฏิบัติตนก่อน-หลัง ดูดไขมัน
“สุขภาพคนไข้เป็นสำคัญ ต้องไม่มีโรคที่เป็นข้อห้าม มีประวัติการแพ้ยาหรือไม่ เช่น เราจะฉีดยาสลายไขมันเข้าไปเราต้องดูว่าคนไข้มีโรคอะไร มีอาการแพ้หรือไม่ ไม่มีความดัน เบาหวาน ไม่เป็นคนที่เลือดหยุดยาก ไม่ทานยาที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด เช่น คนเป็นโรคหัวใจ หรือวิตามินบางอย่าง วิตามินอี หรืออาหารเสริมทั้งหลายที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น จิงโกะ จึงต้องหยุดประมาณ 1- 2 อาทิตย์ ก่อนจะมาทำการผ่าตัดสลายไขมัน
ส่วนหลังผ่าตัด ช่วงพักฟื้นนั้นต้องบอกคนไข้เลยว่าจะมีอาการบวม มีระยะเวลาที่ต้องพักฟื้น การผ่าตัดเดือน จึงจะใกล้ปกติ ส่วนใหญ่ประมาณ 1 เดือนก็ปกติ 80% แล้ว อีก 2 เดือนก็ 90% แต่หลังจาก 3 เดือนก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอีก ดังนั้นจะนิ่งประมาณ 3-6 เดือนหลังผ่าตัด
ดังนั้นบริเวณที่ดูดไขมันไปจึงจะรู้สึกบวม ต่อไปจะแข็ง จากนั้นจึงนิ่มลง ความบวมต่างๆ ลดลง หายเข้าใกล้เคียงปกติ 3- 6 เดือน หลังจากไม่เจ็บแล้วจะออกกำลังกาย หรือนวด อาจจะช่วยให้การบวมลดลง หรืออบไอน้ำ ซาวน่า ก็จะช่วยลดบวมได้เช่นกัน” คุณหมอ กล่างถึงวิธีการปฏิบัติก่อน-และหลังสลายไขมัน
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.