Advice

บิวตี้กูรูระดับรันเวย์โลก “แพรี่พาย” ปลื้มเมกอัพภูมิปัญญาไทย อึ้งรุ่นทวดใช้สบู่กลบคิ้ว ฝันจัดเวิร์กชอปแต่งหน้าย้อนอดีต!

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager



โด่งดังเป็นพลุแตก งานเข้าอื้อซ่า แถมไม่นานมานี้ยังโฆษณาวีต้าประกบดาราตัวแม่ประชันโฉมกระทบไหล่คู่ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต

มิหนำซ้ำในเวลาไล่เลี่ยกันยังเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาผลิตภัณฑ์ผมตอกย้ำถึงความแรงของนางเหลือเกิน

แพร-อมตา จิตตะเสนีย์ หรือ แพรี่พาย (Pearypie) คลื่นลูกใหม่มาแรงในวงการบิวตี้

การันตีด้วยการเป็นเมกอัพอาร์ตติสบนรันเวย์ระดับโลก ชื่อเสียงของเธอกระฉ่อนความดังกระเฉาะโดนใจสาววัยทีนในโลกอินเตอร์เน็ต ทั้งความสามารถบวกหน้าตาที่สูสีกับนางเอกดังได้อย่างสบาย

ความสามารถด้านเมกอัพ และศิลปะ ทะลักจนดันแพรี่พายเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานลอนดอน แฟชั่น วีก

โดยแพรได้รับบทบาทเป็นผู้ช่วยเมกอัพอาร์ทิสต์ สร้างความสวยงามให้บรรดานายแบบนางแบบของแฟชั่นโชว์มากถึง 12 โชว์เลยทีเดียว และเธอยังได้ไปร่วมโชว์แต่งหน้าในทุกปี

ในขณะที่พัฒนาการของเครื่องสำอางรุดล้ำไปไกล แต่แพรี่พายยังภูมิใจและอึ้งทึ่งกับภูมิปัญญาในการแต่งหน้าของคนไทยในสมัยอดีต เช่น การรำไทย เล่นโขน

เธอบอกเล่าด้วยว่า ในอนาคตอยากจะจัดเวิร์กชอปแต่งหน้าย้อนอดีต โดยใช้วัตถุดิบของไทย เช่น น้ำมันหมู เป็นต้น

ฝันเวิร์กชอปใช้วัตถุดิบไทยแต่งหน้า

“แพรมองไว้ว่า อยากจะจัดเวิร์กชอปแต่งหน้าย้อนอดีต คิดไว้ว่าอยากจะไปจัดเชียงใหม่เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่เก๋ เท่ ในเรื่องของไลฟ์สไตล์ คือ คนเชียงใหม่เค้ายังอนุรักษ์ความเป็นชาวเหนืออยู่ เดินไปไหนก็ยังเห็นร่ม หรือของที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ด้วยตัวเมืองที่ค่อนข้างจะสวยอยู่แล้ว แพรจึงอยากจะปลูกฝังน้องๆ รุ่นใหม่ว่าอยากให้อนุรักษ์ตรงนี้ไว้

เราอยากจัดเวิร์กชอปเกี่ยวกับการแต่งหน้าสมัยก่อน เช่น การแต่งหน้าโขน การแต่งหน้ารำไทย จะมีเทคนิคที่เราไม่รู้ เช่น เวลาคนรำไทยเขาจะเขียนคิ้วโดยการวาดใหม่ขึ้นมาหมด แพรเห็นแล้วรู้สึกว่าสิ่งนี้มันถูกลืมไป ถึงแม้ว่าจะยังมีอยู่ แต่เด็กสมัยใหม่ก็ไม่ได้สนใจ

แพรเคยไปทำงานที่โรงละคร พัทยา คือ นางแบบส่วนใหญ่เค้าก็เป็นพวกนางรำ แพรมาถึงก็วาง MAC พวกเครื่องสำอางแบรนด์ดังไว้เต็มโต๊ะเลย เราก็ด้วยความภูมิใจของนอกของชั้นเยอะ

จากนั้นแพรก็แต่งหน้าไปเรื่อยๆ พอสักพักหันไปข้างๆ มีนางรำคนนึงที่เค้ากำลังแต่งหน้า เค้ามีแค่พาเลต (Pallet) อันเล็กแค่นี้เอง ใช้ได้หมดเลยตั้งแต่ปาก คิ้ว แก้ม ตา แล้วก็มีพู่กันเหมือนที่เอามาทาสีด้วยซ้ำ

เรารู้สึกเราอายไปเลย เพราะว่าเค้ากรีดเส้นได้คม กรีดเนี้ยบ คือ ใช้พู่กันเดียวกันกรีดทั้งหน้า ตั้งแต่ตา ปาก เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ เรามีวัฒนธรรมไทยแต่ไม่ได้ใช้ นั่นคือหลายๆ อย่างที่พี่ช่างแต่งหน้ามาเล่าให้ฟัง”

งั้นเราลองมาฟังแพรี่พายเล่าประสบการณ์จากพี่ๆ ช่างแต่งหน้า ว่าในสมัยอดีตเขาใช้อะไรเมกอัพให้สวยเด้งทั้งที่ไม่มีเครื่องสำอางแบบสมัยนี้กันนะ

ใช้สบู่กลบคิ้วแทนคอนซีลเลอร์
ขอบคุณภาพจาก Whoweeklymagazine
“จริงๆ แล้วการรำไทยเป็นสิ่งที่ฝรั่งชื่นชม แต่คนไทยไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปนั่งสนใจว่ารำไทย เหมือนพวกเราคนธรรมดาก็ไม่ได้สนใจตรงนี้อยู่แล้ว แพรจึงอยากนำสิ่งที่เค้าไม่รู้กลับมา เพราะว่าแพรคุยกับช่างแต่งหน้าหลายท่านที่เค้าเคยเป็นนางรำมาก่อน เค้าเคยทำงานกับพวกคาบาเร่ พัทยา เค้าเคยเห็นมาก่อน

เช่นเวลากลบคิ้วเค้าเอาสบู่ไปแช่น้ำคืนนึงก่อน แล้วอีกวันเอามาปิดคิ้ว ถ้าเป็นพวกฝรั่งเค้าก็ใช้แวกซ์ใช่มั้ยคะ แต่ว่าเมืองไทยจะใช้สบู่ คือ ใช้สบู่ปิดคิ้วให้หมดแล้ววาดคิ้วใหม่ กลบคิ้วให้มิดโดยการใช้สบู่ และที่สำคัญต้อง เป็นสบู่ลักส์ด้วยนะ

เทคนิคคือ แช่น้ำไว้ 1 คืน เพื่อให้สบู่มันหยุ่นๆ เริ่มนิ่มๆ เค้าก็ใช้ช้อนเล็กๆ ตักสบู่แล้วนำมาฉาบไว้บนคิ้วลักษณะเหมือนฉาบปูน กลบปิดเก็บคิ้วที่ละนิดเพื่อให้ขนคิ้วมันนอนลงไป แต่ถ้าเราไปดูพวกการแต่งหน้ารำไทย เราจะเห็นคิ้วเป็นเส้นเล็กๆ เป็นแบบกนกขึ้นไป เพราะใช้สบู่ในการปิดนั่นเอง เป็นภูมิปัญญาที่น่าทึ่ง

ขณะที่พวกฝรั่งจะใช้แวกซ์ เหมือนเอาแปรงมาสคาร่าปัดไปก่อนจากนั้นสามารถไปกดทับได้อีก เพื่อให้ขนเรียบ จากนั้นใช้คอนซีลเลอร์หรือรองพื้นทับให้เหมือนหายไปเลย เพื่อให้วาดคิ้วขึ้นมาใหม่”

น้ำมันหมูฉาบปากแทนลิปกลอส

แพรี่พายเล่าอย่างออกรสออกชาติ ประหนึ่งช่างแต่งหน้ารุ่นพี่ที่เล่าประสบการณ์เมกอัพย้อนอดีตเข้าสิง

“เนี้ย น้องแพรรู้หรือเปล่าว่าเมื่อก่อนเห็นนางรำเค้าเต้นอยู่ในแสง เค้าใช้น้ำมันหมูนะ แพรก็แแบบไม่เคยรู้มาก่อน เนี้ยะ ปากเค้าจะปากเหมือนทาลิปกลอส

และยิ่งเวลาเค้าขึ้นไปรำนะแล้วไฟจะกระทบกับปากวิบวับๆ ฟังพี่ป๊อกเล่าแล้วเรายังตื่นเต้น รู้สึกสวยมาก มันเคลือบ มันเงา เวลาโดนกับไฟปุ้บ แพรรู้มั้ยปากเค้านี่นะ พอเค้าเต้นเนี้ยนะ สิ่งแรกที่เห็นคือปากและความมันความเงา และแพรรู้มั้ย เค้าใช้อะไร ไม่มีลิปกลอสนะสมัยก่อน เค้าใช้น้ำมันหมู เราฟังแล้ว ตื่นเต้น เลยอยากให้น้องๆ ได้ความตื่นเต้นในสิ่งที่เค้าไม่เคยรู้

เช่นใช้น้ำมันหมูแทนลิปกลอส เแต่เดี๋ยวนี้ต้องมีลิปกลอสแบบกากเพชร ความรู้พวกนี้มันถูกลืม หรือมันอาจจะไม่ถูกลืม แต่คนไม่เห็นค่า แพรก็เลยอยากจัดเวิร์กชอปนี้เชิญช่างแต่งหน้ามาตั้งแต่สมัยรุ่นก่อนเพื่อให้ความรู้น้องๆ ว่าสมัยก่อนเค้าแต่งหน้าแบบนี้ๆ นะ

และตัวในเวิร์กชอปแพรก็อยากให้น้องๆ แต่งตัวเป็นชุดไทยมาด้วยซ้ำ เพื่อเราจะได้ตอกย้ำว่าวัฒนธรรมเรายังมีอยู่นะ อย่างเวลาเราไปญี่ปุ่นเรารู้สึกว่า คนใส่ชุดกิมโมโนเดินแล้วรู้สึกดี อยู่เมืองไทยเลยอยากใส่ชุดไทยบ้าง สิ่งเหล่านี้มันถูกลืมไปแพรเลยอยากตอกย้ำเด็กรุ่นใหม่ว่า อย่าลืม

ให้น้องๆ ที่สนใจเรื่องเมกอัพว่าเมื่อก่อนมีการแต่งหน้าแบบนี้นะ แพรถามจริงจะมีสักกี่คนที่เคยไปดูโขน แพรไม่ได้เชิญชวนให้มาใช้น้ำมันหมูทาปากแทนลิปกลอสนะคะ

แต่สิ่งที่แพรอยากจะตอกย้ำ และเหมือนอยากจะบอกว่าประวัติศาสตร์การแต่งหน้าเมื่อก่อนเป็นอย่างไร ประวัติการแต่งหน้าแบบไทยๆ อย่างหากเราโชคไม่ดีเราไม่มีเครื่องสำอางแบบสมัยนี้ แล้วเมื่อก่อนใช้อะไร แพรไม่ได้อยากให้คนหันมาใช้น้ำมันหมู หรือขมิ้นทาตานะ เหมือนอยากบอกเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเป็นแบบนี้นะ”

น้ำดอกกุหลาบทำทินท์ ทองคำเปลวแปะตา

“ในเวิร์กชอปแพรอาจจะให้น้องๆ ได้ใช้สีที่เมื่อก่อนเค้าใช้กัน ถ้าสมมติเราไม่มีเครื่องสำอาง เล่นสนุกๆ มากกว่า เราจะใช้แต่ของไทยเลย แต่แพรไม่ได้เจาะจงว่า เธอต้องเอาขมิ้นมาใช้นะ คือ อยากให้ลอง ให้ลองใช้ว่าเมื่อก่อนเค้าใช้อะไร แต่เราไม่ใช่แบบว่า น้องไปซื้อน้ำมันหมูมาพกใส่กระเป๋าซิจ๊ะ

สำหรับขมิ้น คนไทยส่วนใหญ่เอามาพอกผิวเพื่อให้ขับขาว แพรว่าถ้าขมิ้นมีลักษณะเป็นผงๆ น่าจะนำมาใช้ทาตาได้ หรือถ้าเอามาจุ่มน้ำนิดนึงแล้วก็นำมากรีดอายไลเนอร์ก็ได้นะ เป็นอายไลเนอร์สีเหลือง

หรือพวกดอกอัญชัญอาจจะนำมาทำวัตถุดิบพวกทินท์ (Tint) มากกว่า อย่างสมัยก่อนจะเอากุหลาบมาทำทินท์เป็นน้ำเพื่อทาได้แก้มและปาก คือ แพรอยากให้ดูเป็นครีเอทีฟมากกว่า แพรจะเน้นเรื่องวัตถุดิบมากกว่า เป็นการแต่งหน้าแบบครีเอทีฟให้ดูสนุกๆ มากกว่า

แพรไม่ได้จะบอกว่าให้เอาขมิ้นมาใช้นะ แต่เพียงว่าเมื่อก่อนเค้าใช้อะไรก็จะลองใช้ตามเค้ามากกว่า

ส่วนทองคำเปลว นำมาแปะตา แปะหน้า ตัดทองคำเปลวแล้วก็เอามาแปะ ให้ดูระยิบระยับ

ทั้งนี้ มันคือเฟิร์สไอเดียนะคะ”

->ปัญหาสาวไทยกับการแต่งหน้า

“สาวไทยมีข้อบกพร่องส่วนใหญ่จะเป็นรูปหน้า หน้ามัน สิว ตาสองชั้นหลบใน สิ่งสำคัญเลยต้องเน้นเฉดดิ้งไฮไลท์ เพื่อสร้างโครงหน้าใหม่ให้มีมิติ เฉดดิ้งแรเงาให้โครงหน้าชัดเจนขึ้น เช่น จมูกถ้าเราแรเงา จมูกก็จะโด่งขึ้น แรเงาช่วงกรามให้หน้าดูเล็กลง หรือไฮไลท์วางตรงจมูกเพื่อให้ดูเล็กลง

สำหรับคนหน้าผากกว้างก็เฉดดิ้งให้ดูแคบลง แล้วแต่โครงหน้าของแต่ละคน มันเป็นการสร้างแสงเงาบนใบหน้าให้ดูมีมิติมากกว่า

เพราะสำหรับปัญหาของสาวไทยจะเป็นเรื่องโครงหน้าไม่ได้รูป เน้นเรื่องของการแต่งหน้าปรับรูปหน้ามากกว่า”

แพรี่พาย ปิดท้าย
 

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
 

Comments are closed.

Pin It