Advice

ผู้ชายก็มีวัยหมดประจำเดือน?!/Dr.DEN Sexociety

Pinterest LinkedIn Tumblr

คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

เมื่อผู้หญิงอารมณ์เสีย มันก็เพราะฮอร์โมน เมื่อผู้ชายอารมณ์บูด มันก็เพราะเครียดเรื่องงาน หรือมีปัญหาทางการเงิน หรือมันแค่ความหงุดหงิดธรรมดาของวันหนึ่ง ยังงั้นใช่มั้ย?

อาจไม่ใช่การลดลงของฮอร์โมนที่สัมพันธ์กับวัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ชายเกิดอาการเดียวกับ ผู้หญิงที่ถึงวัยหมดประจำเดือน (MENOPAUSE) ซึ่งบางคนเรียกว่า วัยหมดประจำเดือนของผู้ชาย (MALE MENOPAUSE) แม้มันไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ก็ยังอยู่ในประเด็น กล่าวคือ ระดับเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ของผู้หญิงจะลดลงหลังจากถึงวัยหนึ่งในขณะที่ ระดับเทสโทสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ของผู้ชายก็ลดลงด้วยวัยเช่นกัน

เทสโทสเตอโรน ยังรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า แอนโดรเจน (ANDROGEN) และแพทย์จำนวนมากชอบเรียกว่า “ANDROPAUSE” มากกว่า “MALE MENOPAUSE” (เพราะผู้ชายไม่มีประจำเดือน แล้วมันจะมีวัยหมดได้ไง)

ANDROPAUSE กับ MENOPAUSE มีความแตกต่างกันมากทีเดียว ในบทความนี้เราจะได้ รู้ว่า MALE MENOPAUSE นั้นจริงๆ แล้วคืออะไร และผู้ชายจะทำอะไรกับมันได้บ้าง

MENOPAUSE เป็นสภาวะของเพศหญิงโดยเฉพาะ มันคือ จุดจบของการมีประจำเดือนและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง

MENOPAUSE เกี่ยวข้องกับการลดลงอย่างฉับพลันของเอสโตรเจนซี่งหมายถึงจุดจบของความสามารถในการให้กำเนิดบุตร ส่วนผู้ชายนั้นไม่สูญเสียความสามารถในการเป็นพ่อเด็ก ผู้ชายในวัย 80 เคยทำลูกได้มาแล้ว การผลิตอสุจิยังไม่หยุด แม้จำนวนอสุจิจะลดลงตามวัยที่เพิ่มขึ้นก็ตาม เทสโทสเตอโรนของผู้ชายจะค่อยๆ ลดลงช้าๆ ประมาณ 1% ต่อปีโดยเริ่มจากประมาณอายุ 35

กระนั้น ANDROPAUSE ก็ยังมีผลหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับ MENOPAUSE ในขณะที่ผู้ชายไม่ทุกคนได้รับผลกระทบจากการลดลงของเทสโทสเตอโรนตามวัย แต่หลายคนได้รับ รวมทั้งประมาณ 25 ล้านคนของผู้ชายในสหรัฐฯประเทศเดียว มีอาการต่างๆ คล้ายกับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนอย่างชัดเจน ซึ่งได้แก่ ขี้หงุดหงิด เหนื่อยล้า น้ำหนักเพิ่ม ซึมเศร้า กำหนัดลด กล้ามเนื้อหด และกระดูกพรุน

อาการต่างๆ เหล่านี้สามารถเห็นได้ชัด แต่ ANDROPAUSE ก็ยังเป็นอะไรที่ยากต่อการวินิจฉัย มันสามารถถูกเข้าใจผิดได้ว่าเป็นสภาวะของความบกพร่องในการแข็งตัว หรือวิกฤตวัยกลางคน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางจิตไม่ใช่อาการทางกายภาพ และความบกพร่องในการแข็งตัวเกิดขึ้นเมื่อการสื่อสารระหว่างเส้นปราสาท หลอดเลือดแดง และกล้ามเนื้อเกิดความเสียหาย ตรงข้ามกับลักษณะของแอนโดรพอสซึ่งเทสโทสเตอโรนลดลงตามธรรมชาติอย่างช้าๆ

อาการบางอย่างของ ANDROPAUSE ก็ยังล้ายคลึงกับอาการของต่อมไธรอยด์บกพร่อง โรคตับหรือไตล้มเหลวอีกด้วย

แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า อาการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ ANDROPAUSE หรือโรคอื่นๆ?

มันก็ต้องเริ่มต้นด้วยการไปหาหมอสิครับ

การรักษา ANDROPAUSE

ในขณะที่ ANDROPAUSE เป็นอะไรที่คลุมเครือต่อการวินิจฉัย แต่มันก็มีวิธีทดสอบ เมื่อชายวัยกลางคนมีอาการขี้หงุดหงิด เหนื่อยล้าและความกำหนัดลดลง แพทย์ที่สงสัยว่ามันเป็น ANDROPAUSE ก็จะตรวจสอบเทสโทสเตอโรนในเลือดของชายคนนั้น โดยมาตรฐานแล้ว ANDROPAUSE จะมีเทสโทสเตอโรนต่ำ มีความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในระบบทางเพศของผู้ชายซี่งเกิดขึ้นด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น เช่น ต่อมลูกหมากโต (อย่าสับสนกับมะเร็งต่อมลูกหมาก) แต่ ANDROPAUSE นั้นส่วนใหญ่เป็นผลลัพธ์ของเทสโทสเตอโรนที่ค่อยๆลดระดับลงในหลายปีที่ผ่านมา

เท่าไรที่เรียกว่าเทสโทสเตอโรนต่ำ? ในผู้ชายอายุ 40 เทสโทสเตอโรน 500 นาโนกรัมในเลือด 100 ซี.ซี. ถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยปานกลาง ต่ำกว่า 300 นาโนกรัมจะถูกพิจารณาว่าต่ำ

งั้นมันก็ดูเหมือนว่าวิธีที่ง่ายที่สุดในการรักษา ANDROPAUSE คือ เพิ่มเทสโทสเตอโรนเข้าไป และนั่นก็เป็นการรักษาที่นิยมกันมากขึ้น การบำบัดด้วยการทดแทนเทสโทสเตอโรน (TESTOSTERONE REPLACEMENT THERAPY:TRT) เป็นวิธีรักษาที่เทียบเท่ากับ การบำบัดด้วยการทดแทนฮอร์โมน (HORMONE REPLACEMENT THERAPY:HRT) ในเพศหญิง มีวิธีต่างๆในการทดแทนเทสโทสเตอโรน.ในเพศชาย รวมทั้งการฉีดมันเข้าในเส้นเลือด การทาครีมและการกินยา

เป้าหมายคือ ทำให้เทสโทสเตอโรนกลับมาอยู่ในระดับปกติ

แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น มีการพบว่า HRT มีผลข้างเคียงอย่างรุนแรงในผู้หญิง เช่น การกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านม ซึ่ง TRT ก็มีอันตรายหลายอย่างเช่นกัน อย่างสำคัญคือ มันสามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากของผู้ชายได้ และยังปิดการผลิตอสุจิ รวมทั้งยังเกี่ยวข้องกับโอกาสในการเป็นลมชักสูงขึ้นด้วย

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ แพทย์ส่วนใหญ่จะไม่โดดเข้าทำ TRT เป็นคำตอบแรกในการรักษา ANDROPAUSE หมอหลายคนจะแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบชีวิต อย่างเช่นออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น และการลดแอลกอฮอลล์

สุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นสามารถช่วยบรรเทาอาการ เทสโทสเตอโรนต่ำได้

นอกจากนี้ยังมีการเยียวยาด้วยสมุนไพรบางอย่างซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าสามารถช่วยได้ วิตามินซี, อี, และสังกะสี สามารถช่วยเพิ่มการผลิตเทสโทสเตอโรนได้ ในขณะที่ชาเขียวช่วยเพิ่มกำหนัด

จากการรักษาด้วยสมุนไพร ยังไม่หลักฐานอันชัดเจนว่ามันได้ผลเท่าที่ควร แต่ในกรณีส่วนใหญ่ตราบใดที่มันได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ของคุณ ก็ไม่มีอันตรายใดๆ และด้วยเหตุที่ TRT มีความเสี่ยงอย่างเด่นชัด มันก็คุ้มต่อการพยายามหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยวิธีนี้ จนกว่าจะจำเป็นจริงๆ

การออกกำลังกาย กินอาหารถูกสุขลักษณะ งดเหล้า เลิกบุหรี่ เป็นการรักษา ANDROPAUSE ที่เป็นธรรมชาติที่สุด เท่านี้ชีวิตกามารมณ์ของคุณก็จะกลับมาดึ๋งดั๋งเหมือนเดิม หรือไม่ก็ใกล้เคียงแหละครับ

 

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
 

Comments are closed.

Pin It