Advice

7 คาถาเติมความสุข ล้างพิษทุกข์ในทุกสถานการณ์/นพ.กฤษดา ศิรามพุช

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager

คนเรามี ความคิด เปลี่ยนไปเมื่อวัยต่าง มนุษย์คนเดียวกันสามารถคิดต่างกันแบบพลิกฝ่ามือได้หรือราวกับเป็นคนละคนได้ขึ้นกับประสบการณ์ชีวิต

ความคิดเปลี่ยนเมื่อวัยเปลี่ยน

คนเราจึงเปลี่ยนไปได้หลายครั้งใน 1 ช่วงชีวิต

ในห้วงแห่งความกดดันและความเครียดอาจเปลี่ยนมนุษย์คนหนึ่งให้กลายเป็นผู้ที่ไม่ไว้ใจโลก ระแวงรอบตัว มองโลกในแง่ร้ายได้ ที่สำคัญคือ มันส่งผลต่อสุขภาพอย่างมหาศาล

ผ่านสัญญาณดังต่อไปนี้ครับ

สัญญาณเครียด ทำพิษ

ใจเต้นเร็ว

ท้องไส้ปั่นป่วน

หมดสมาธิ

นอนไม่หลับ

ปวดเมื่อยตัว

ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว

ที่กล่าวมาเป็นกลไกที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ, ฮอร์โมน และสารเคมีอีกมากมาย ที่ถูกหลั่งออกมาใช้ยามเครียด หรืออยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน เรียกว่ากลุ้มใจเมื่อไรมันก็ชวนกันออกมา

จะมากน้อยขึ้นอยู่กับตัวเราว่ายอมเครียดหนักแค่ไหน

* 7 คาถาเติมความสุข

แม้จะไม่มีใครอยากเครียด แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิตความเครียดก็จะเข้ามาทักทายเหมือนเป็นการทดสอบ ซึ่งเทคนิคการรู้ทันเครียดฉบับสมบูรณ์นั้น ต้องประกอบด้วยความอดทนอดกลั้นที่มาจากสติเป็นหลัก

ซึ่งมีอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว เพียงแค่ค่อยๆ ปลุกมันขึ้นมาให้ทำงานโดยอัตโนมัติ เป็นเกราะป้องกันเครียดได้

ท่านอาจลองฝึกโดยใช้เทคนิคต่อไปนี้ดูครับ

1) อภัยและอโหสิ เป็นคาถาอมตะที่ใช้ได้ผลดีตลอดกาล ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนคนๆ นั้น ขอให้ “วาง” ความโกรธ เกลียดหรือไม่ชอบไว้ให้ได้ แม้จะหนักติดอยู่ในใจสักเพียงใดก็ตาม เพราะหากปล่อยวางไม่ได้วันหนึ่งเราอาจกลายเป็นคนเช่นนั้นแทน เทคนิคการวางที่ดีสุดคือ “ให้อภัย” ครับ ส่วนเกราะป้องกันภัยที่ดีที่สุดก็คือ “เมตตา” แน่นอนครับ

2) มองที่แนวคิดไม่ใช่ตัวคน ยามเมื่อคิดต่างกันทำให้ใครหลายคนตกหลุมพราง “ไม่พอใจ” คนที่เขาไม่เห็นด้วยกับเรา เพียงเพราะเผลอเอาตัวไปยึดว่าความคิดนั้นคือ ตัวเรา ดังนั้นคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดคือ เป็นศัตรูกับเรา ทั้งที่จริงแล้วเขาอาจเพียงไม่เห็นด้วยกับความคิดแต่ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรเรา

3) แยก “เนื้อ” จาก “น้ำ” ทุกอย่างที่ได้ยิน อย่าขอให้ “ฟัง” แต่อย่าเพิ่ง “เชื่อ” เพราะสิ่งที่ทำให้ทุกข์คือ การเก็บเอาทุกสิ่งที่ได้ยินมาครุ่นคิด ด้วยคนเรามักเล่าแบบใส่ความเห็นปนลงไปด้วย ซึ่งหลายอย่างชวนให้โกรธกัน สิ่งสำคัญคือ แยก “สาระ” ออกจากน้ำ โดยกรองเอาสิ่งที่เป็นอารมณ์ของผู้พูดออกไป

4) ย้ำจุดยืนสุข จะไม่ให้ความทุกข์บุกรุกเข้ามาแม้ตารางนิ้วเดียว โดยคิดว่าปัญหาคือ เรื่องธรรมดาของชีวิต เป็นเรื่องที่มนุษย์ผู้ทำงานต้องเจอะเจอ คนไม่ทำงานเท่านั้นจึงจะไม่เจอปัญหา ดังนั้นเมื่อทุกข์ขึ้นมาขอให้รีบคิดว่าเราได้ใส่ความสุขลงไปในงานและรักสิ่งที่ทำเพียงพอหรือยัง

5) อยากสุขให้สร้างสุข โดยเทคนิคคือสร้างให้คนรอบตัวก่อน ตอนที่เราทุกข์เรามักอยากได้คนมาเข้าใจ แต่พอสุขแล้วหลายครั้งก็ลืมนึกถึงใครๆ ไปเสีย ดังนั้นทางที่จะสร้างสุขให้ตัวเองได้นานที่สุดคือ ทำในสิ่งที่เราปรารถนาให้กับคนอื่นก่อนครับ เช่น อยากมีความสุขก็ตั้งใจล้างทุกข์และสร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้างก่อน แล้วท่านจะยิ้มได้เองครับ

6) เหนือฟ้ายังมีฟ้า ใช้คิดไล่ทุกข์เวลาคิดไม่ตกยกทุกข์ไม่ออกแสนอึดอัดเหมือนขาดการระบายมาหลายวัน คนที่ทำให้เราทุกข์นั้นเขาก็มีทุกข์เหมือนกัน เพราะไม่มีใครที่จะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ทุกคนย่อมมีคนที่อยู่ข้างบนที่อาจทำให้ทุกข์ได้ เช่น บางคนมีเจ้านายที่ทำให้ทุกข์ หรือแม้เป็นนายคนก็มีลูกที่ทำให้ทุกข์ได้ ดังนั้นทุกคนในโลกจึงเป็น “เพื่อนทุกข์” ที่พึงเมตตาทั้งสิ้นครับ

7) ทุกคนล้วนเคยพลาด ใช้เวลาที่นึกโทษใครๆ ก่อนตัวเอง เป็นธรรมดามนุษย์ที่สร้างกับดักความเครียดให้กับตัวเองด้วยการเปรียบเทียบกับคนอื่น นึกโทษคนอื่นก่อนตัวเอง เป็นเรื่องปกติครับ แต่มันแอบทำให้เราเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว เทคนิคคือ นึกแบบเข้าใจตัวเองก่อนว่าเป็นเพราะเราหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดนั้นก็เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็พลาดได้

เทคนิคเติมสุขล้างพิษทุกข์ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นเทคนิคที่เน้นช่วยตัวเราเองก่อนทั้งนั้นไม่ได้ช่วยใครอื่น ด้วยตัวเราต้องดีก่อนเป็นอันดับแรก จึงจะช่วยคืนความสุขให้สังคมได้

เริ่มจากลดพิษในใจตัวเองด้วยการฝึกสติให้รู้ทันตัวเองก่อน

ช่วยป้องกันเครียดได้ชะงัดดีนักแล
 

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It