Advice

อานุภาพแห่ง“จูบ”/Dr.DEN Sexociety

Pinterest LinkedIn Tumblr

คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

8. การจูบทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีจริงๆ

แนวคิดว่าที่ความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จต้องการปฏิกิริยาเคมีดีๆ จำนวนมากนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกินความจริงแต่อย่างใด จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการจูบทำให้มีการหลั่งสารเคมีที่เรียกว่า โดพามีน ออกมาจริงๆ

มันเป็นฮอร์โมนอันทรงพลังที่ส่งผลต่อสมองพอๆ กับโคเคนเลยทีเดียว และมันยังสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดความรู้สึกปรารถนาอย่างรุนแรงได้

นอกจากนี้มันยังทำให้เกิดอาการต่างๆ เหมือนการอดนอน ลดความอยากอยากอาหาร และมีระดับพลังงานสูงขึ้น

นักวิทยาศาสตร์บางคนสงสัยว่าโดพามีนอาจมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับสาเหตุการนอกใจของผู้คน ในขณะที่ความตื่นเต้นในการจูบคู่รักของคุณจางหายไป ร่างกายของคุณก็ผลิตโดพามีนน้อยลงเรื่อยๆ มันจึงต้องแสวงหาความตื่นเต้นเพื่อทำให้ฮอร์โมนดังกล่าวพุ่งพล่านอีกครั้ง บางคนลงเอยด้วยการเที่ยวหากลิ่นใหม่ๆ ลับหลังคู่รักของตน

ในทางตรงข้าม การจูบใครบางคนที่คุณอยู่ด้วยมาเป็นเวลานาน จะทำให้มีการหลั่งอ๊อกซิโตซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างความรู้สึกสงบและผ่อนคลายอย่างแรง

นักวิทยาศาสตร์เน้นย้ำให้คู่รักเห็นถึงความสำคัญของการจูบกันต่อไปอย่างสม่ำเสมอ เพราะมันจะทำให้อ๊อกซิโตซินหลั่งออกมาเป็นประจำ และจะทำให้ระดับความสุขพุ่งขึ้นสูง

9. ประเทศที่ต่อต้านการจูบ

มันอาจฟังดูบ้าใน พ.ศ. นี้ที่ยังมีหลายประเทศ ซึ่งการแสดงความรักใคร่ในที่สาธารณะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในเม็กซิโก ศาสตราจารย์ มานูเอล เบรูเมน ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งถูกจับกุมในข้อหาจูบภรรยาของเขาในที่สาธารณะ

แต่ในบางประเทศ มีการลงโทษอย่างสุดโหด ในปี 2010 ชายชาวซาอุดิอาระเบียคนหนึ่งถูกจับกุมฐานกอดและจูบผู้หญิงคนหนึ่ง เขาถูกพิจารณาคดีในศาล และพบว่ามีความผิดจริง จึงถูกตัดสินลงโทษด้วยการเฆี่ยนสามชุด ชุดละ 30 ที บวกกับ 4 เดือนในเรือนจำ

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เจอกับสถานการณ์อันรุนแรงอย่างไม่คาดคิดนี้ คุณควรเช็คกับกระทรวงการต่างประเทศก่อนที่คุณจะเดินทางไปประเทศอื่นว่าที่นั่นมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้อย่างไรบ้าง และคุณควรรู้ด้วยว่าจะติดต่อกับสถานทูตในประเทศนั้นอย่างไร เผื่อว่าคุณต้องการความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน ไม่มีอะไรที่จะทำลายความสุขของการท่องเที่ยวได้ดีกว่าการติดคุกในต่างแดน

10. กลัวการจูบ

ทุกคนมักกลัวจูบแรกของพวกเขาเสมอ มันจะเป็นอย่างไรถ้าจูบแรกของคุณมันเฟอะฟะเสียจนแฟนของคุณต้องบอกเลิกกับคุณไปเลย มันก็น่ากลัวอยู่หรอกสำหรับมือใหม่หัดจูบ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ เมื่อเรามีประสบการณ์ในการจูบมากขึ้น ความกลัวในครั้งแรกนั้นก็จะจางหายไปตามกาลเวลา

แต่สำหรับบางคน ความกลัวนี้มันร้ายแรงกว่าคนอื่นมากนัก ซึ่งมันถูกเรียกว่า PHILEMAPHOBIA หรือ การกลัวการสัมผัสด้วยความรักใคร่ โรคกลัวชนิดนี้ก็เหมือนโรคกลัวส่วนใหญ่ คือมันไม่มีแนวโน้มว่าจะเลือนหายไปตามกาลเวลา

คนเราสามารถเป็นโรคกลัวการสัมผัสด้วยความรักใคร่ด้วยเหตุผลหลายประการ ตัวอย่างเช่น ถ้าบางคนทุกข์ทรมานด้วยความกลัวเชื้อโรค การรังเกียจการสัมผัสด้วยริมฝีปากก็อาจเป็นอาการของโรคกลัวการจูบได้ในทำนองเดียวกัน สาเหตุอื่นก็อาจมาจากการได้รับบาดเจ็บทางเพศ เช่น การถูกข่มขืนและการทำร้ายร่างกาย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โดยปกติคนที่เป็นโรคนี้มักจะดิ้นรนเพื่อทำความเข้าใจว่า เหตุใดพวกเขาจึงเป็นโรคนี้ จึงเป็นสาเหตุให้เครียดและไม่สบายใจเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะพวกเขากลัวว่าคนอื่นๆ จะมองว่าพวกเขางี่เง่าหรือเหลวไหลที่กลัวในสิ่งที่คนอื่นๆ ชอบมากๆ

มันจึงเป็นโรคที่น่าสงสารอีกโรคหนึ่ง เพราะพวกเขาพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It