Advice

คุณหมอสุดเฟี้ยว! พญ.ปิยวดี ผู้อยู่เบื้องหลังเครื่องสำอางแบรนด์ไทยสีสันแสบแซ่บ

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager

ช่วงหลังมานี้ มี เครื่องสำอางแบรนด์คนไทย ออกมาขายมากขึ้น ยี่ห้อใหม่ๆ ชื่อใหม่ๆ ออกมาตรึมตลาด และเป็นที่ยอมรับได้รับความนิยมกันหลายเจ้าเลยทีเดียว

ไม่ใช่ต่อมชาตินิยมเข้าสิงสาวๆ กันหร๊อก แต่เพราะคุณภาพไม่แพ้แบรนด์นอก ราคาก็ไม่แพง สาวไทยสามารถจับต้องสอยสวยได้ ซึ่งหนี่งในมากมายหลายยี่ห้อนั้น เรมี่ (REME by Sincere) โดดเด่นเว่อร์ ด้วยลิปสติกสีสันแสบแซ่บ มีให้เลือกกว่า 80+ เฉดสี ทั้งเนื้อแมตต์ เนื้อครีม เนื้อประกายมุก ทิ้นท์ ลิปกลอส และลิปบาล์ม

เท่านั้นไม่พอ ยังมีอายแชโดว์, ไฮไลท์, บลอนเซอร์, มาสคาร่า รวมทั้งพวกซันสกรีน, ซีซี ครีม ฯลฯ ที่น่าสนใจคือ เจ้าของผู้คิดสูตรและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เป็นคุณหมอคนสวย แพทย์หญิงปิยวดี จิตะสมบัติ หรือ หมอแจง ผู้ก่อตั้ง Sincere Beauty Clinic ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 53

ผลิตภัณฑ์มากมายหลากหลาย จัดมาเต็มทั้งสีสันสกินแคร์ลงแข่งขันในสนามธุรกิจคอสเมติกอันแสนหฤโหด เลดี้ แมเนเจอร์ ต้องขอนัดสัมภาษณ์คุณหมอสตรีใจกล้าวัย 39 แล้วล่ะค่ะ

คุณหมอแจงเป็นคนที่มีความกันเองมาก มีศัพท์คำพูดฮาๆ เฉพาะตน แถมชอบอำตัวเองด้วย เราจึงถ่ายทอดคำพุดของคุณหมอล้วนๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่านรู้จักตัวตนแท้จริงของคุณหมอค่ะ

>>อะไรคือ แรงจูงใจให้คุณหมอมาจับธุรกิจเครื่องสำอางคะ

“เริ่มจากรักษาสิวให้คนไข้ที่คลินิก ก็ให้คนไข้ไปซื้อยาข้างนอก หลังๆ เริ่มสั่งมาบรรจุเล็กๆ น้อยๆ ติดสติ๊กเกอร์เหมือนที่ตามคลินิกเค้าทำกัน พอผ่านไปสักพัก เริ่มรู้สึกอยากให้มันสวย แต่พออยากให้สวยปั๊บ เวลาสั่งแพคเกจจิ้งต้องมีวอลลุ่ม พอมีวอลลุ่มปั๊บ เราก็เออ ทำให้มันดีขึ้นมาเลย ทำกล่อง

พอสวยปั๊บ คนไข้เริ่มสนใจ ถามจะไปขายข้างนอกไหม”

>>ทว่าเห็นลิปสติกของคุณหมอโดดเด่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง‘สี’

“พอเริ่มรู้จากโรงงานทีละนิด เริ่มรู้ว่าแพคเกจจิ้งทำยังไง สักแป๊บหนึ่งก็อยากทำเครื่องสำอาง แต่ก่อนแจงไม่แต่งหน้า ทาลิปสติกเท่านั้น และด้วยความที่ตอนเด็กๆ ชอบเล่นสี ชอบสีสันที่ไม่ต้องเหมือนกัน ตัดกันไปตัดกันมา ชอบดูงานดีไซเนอร์ชอบดูนิตยสาร เลยลองทำ จริงๆ กะทำลิปสติกสนุกๆ”

>>ขายง่ายด้วยใช่ไหมคะ เพราะผู้หญิงทุกคนต้องทาลิป

“วันไหนหน้าโทรมมีลิปสติกแท่งหนึ่งมันก็รอด มีโอกาสขายได้ง่าย และประกอบกับเวลาไปเคาน์เตอร์แบรนด์ แจงว่าโทนสีที่เขาเลือกมา เยอะก็จริง แต่เวลาเลือกมาขายในเมืองไทย มันออกแนวกลางๆ ถึงขั้นแก่ ไม่สนุกอ่ะ แจงว่าเค้าคงขายยากด้วยถ้ามาสีม่วง

แจงอยากทำมีสีสันสนุกๆ และคุณภาพเดียวกับเคาน์เตอร์แบรนด์ อยากเล่นสีแฟชั่น อย่างม่วง มันก็มีม่วงทายาก แต่เราพยายามผสมผสานเป็นม่วงที่ทาง่าย ทาแล้วหน้าไม่ดำ มันเกี่ยวกับเม็ดสี เพราะม่วงผสมมาจากหลายสี

ตอนแรกที่ทำกว่าจะออกมาได้ใช้เวลาหลายปี ส่งไปส่งมากับโรงงาน โชคดีที่คลินิกมีแต่ผู้หญิงหมด ลูกน้องแจง 20 กว่าคน มีทุกสภาพ ตั้งแต่หมวย อีสาน ก็จับมาทดลองหมด อย่างสีชมพู เราต้องเอาสีชมพูที่ทาแล้วไม่ว่าสีผิวไหนก็ทาแล้วหน้าไม่ดำ จนรู้สึกโอเค ถ้ายังไม่รู้สึกโอเค ก็ส่งกลับไปปรับ เราต้องบอกทางโรงงานคร่าวๆ ใส่สีนั้นเพิ่มนิด สีนี้เพิ่มหน่อย”

>>เห็นมีตั้ง 80 กว่าเฉดสี

“แจงขี้เบื่อ อย่างวันนี้ทาสีชมพู อีกวันก็ไม่อยากแล้ว เราก็รู้สึกสนุก มีถามกันมาเหมือนกันแล้วหมอจะขายตรงไหน บอกไม่รู้เหมือนกัน เราไม่อยากรีบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่รู้ขายที่ไหน

เราจะใช้เวลาในการทดลองผลิตภัณฑ์นานมาก อย่างเรื่องแพ้ มีบางตัวที่แพ้ อันไหนที่ใช้ไปสักพักแล้วมีคนแพ้ หมายถึงว่า 100 คน มีคนแพ้สัก 5-10 คน เราก็จะไม่เอาแล้ว เอามาปรับ จนเรามั่นใจว่าสูตรนี้คนใช้ 95-98% คนแพ้แทบไม่มีเลย เราถึงทำแพคเกจจิ้ง”

>>วางขายที่ไหนคะ ไม่เห็นมีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปเลย

“มีขายที่ shop ในสุขุมวิท 53 และสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ (เฟซบุ๊ค REME Thailand, ไอดีไลน์ sincere53, และเว็บไซต์ www.dsignbysincere.com) แต่เว็บไซต์เรายังไม่ปรับปรุงถึงขั้นที่ว่าคนเข้าไป และอยากซื้อเลย

ที่ยังไม่ขายในห้างฯ ต้องดูหลายอย่าง เพราะเคาน์เตอร์แบรนด์เยอะมาก และแบรนด์เราไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น การจะเข้าห้างฯ ต้องอีกระดับหนึ่ง ตอนนี้อยากให้เรากระดึ้บๆ ไปก่อน”

>>ราคาลิปสติคคุณหมอมีตั้งแต่ 300 กว่า 400 กว่า เหยียบ 500 ถือว่าแพงไปไหมคะ

ด้วยความที่แจงมั่นใจว่าคุณภาพดีเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ แจงกล้าให้ไปลองเปรียบเทียบกับแบรนด์ฝรั่งดังๆ เลยนะ แจงว่าเนื้อเราดี ราคาเราแบบนี้ แต่เรามีช่วงโปรโมชั่น ไปๆ มาๆ ก็ถูกนะ”

>>อ่ะ ถ้า pricing ระดับนี้ ลูกค้าเลือกซื้อเคาน์เตอร์แบรนด์ไม่ดีกว่าเหรอ

คุณภาพเราอนันต์ และสี พวกเคาน์เตอร์แบรนด์ไม่ colorful ขนาดเรา คนไข้ที่นี่ระดับใช้ลาแมร์ทุกคน และทุกคนก็ซื้อลิปสติกแจง

>>ทั้งนี้ลงมาทำธุรกิจเครื่องสำอางซึ่งมีการแข่งขันสูง เสี่ยงนะ ไม่กลัวเหรอคะ

ขึ้นชื่อว่า‘ธุรกิจ’ เสี่ยงอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่แจงบอก จริงๆ ระหว่างทางทำ เจอปัญหาตลอด แพคเกจจิ้งเสีย สั่งมาแล้วผิด ต้องทิ้ง คือ แจงทิ้งไปเยอะเหมือนกัน แต่แจงเป็นคนโชคดีอย่างคือ จำไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) จริงๆ จำได้ แต่ไม่เฮิร์ทกับมัน จะจำว่าเอ๊ะ เราพลาดอะไรไป ไอ้ที่ทิ้งเยอะนะ แต่ไม่รู้จะไปคำนวณทำไม ทุกวันนี้เราก็ยังอยู่ได้ และเราไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย เพราะเราไม่มีสังคม พอไม่ออกสังคม ก็ไม่ต้องใช้เยอะ”

>>อ้าว ค้าขายต้องหมั่นออกสังคมมิใช่หรือคะ คนจะได้รู้จักสินค้าเรา

“เมื่อก่อนแจงคิดว่า พอทำเสร็จ มันต้องมีวิธีสิว่าไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ แต่มาร์เก็ตติ้งบอกไม่ได้นะหมอ เพราะจุดขายคือ หมอนะ แจงบอกแหม อุตส่าห์ไม่เจอคนมานานแล้ว (เสียงอ่อย) บอกขอค่อยเป็นค่อยไปได้ปะ (ทำเสียงงุ้งงิ้ง)”

>>ทำไมไม่ชอบออกงานคะ

“แจงแบบโรคจิตนิดๆ ตอนเปิดคลินิกใหม่ๆ ออกอีเว้นต์โปรโมทอยู่พักหนึ่ง ออกงานนั่นนี่ ผ่านไป 2 ปี มันไม่สนุกแล้ว ช่วงหลังรู้สึกว่าทุกครั้งที่ไป อยากกลับบ้าน ไม่อยากรู้จักคน อยากอยู่เงียบๆ

ให้ไปเจอคนเยอะๆ ไปงาน แจงไม่ไปเลย ไม่ชอบเจอคนที่เราก็ไม่สนิท ไม่รู้จัก มาแบบสวัสดีค่ะ แล้วคืออะไร เราไม่ชอบ

ถึงมาทำแบรนด์ ก็ไม่อยากออกงาน ค้นพบตัวเองว่าชอบอยู่เงียบๆ แจงแนวชอบใช้แรงงาน (หัวเราะ)”

>>สมัยนี้เห็นหมอความงามเยอะมากที่ขยันออกอีเว้นต์ เป็นพรีเซ็นเตอร์เองด้วย

ยิ่งเป็นหมอ ยิ่งต้องระวัง

แจงบอกเลยนะ ถ้าแจงต้องออกไปขาย ต้องไปออกงานโน่นนั่นนี่ แจงยอมเจ๊ง แจงไม่เอา คือ ถ้าฝีมือเราดี มันก็เหมือนน้ำซึมบ่อทราย เราไม่ได้หวังรวยจากอาชีพหมอ

>>คุณหมอลงทุนและเทสต์แล้วเทสต์อีกกว่าจะคลอด ไม่กลัวสูญเงินเปล่าและเสียเวลาเหรอคะ

“แจงเป็นตั้งแต่เด็ก ทำอะไรให้มันอลังการ พ่อแม่ป้ากลัว เพราะเค้าข้าราชการ เค้าก็จะบอกว่าเอ๊ย ทำไมทำใหญ่โต เราบอกเค้าไปว่าไม่รู้จะกลัวไปทำไม สมมุติมันไม่ดีขึ้นมา เราไม่ได้ไปกู้เงินใครมาทำ ก็ถือซะว่า 2-3 ปีนี้ทำงานฟรี ซึ่งตอนทำงานก็แฮปปี้ดี ดีกว่านั่งเฉยๆ อยู่แล้ว เราแบบได้ก็ได้วะ ถ้าไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ ถือว่าได้ทำก็จบ แฮปปี้”

>>แต่เห็นคุณหมอบอกมีมาร์เก็ตติ้ง และเค้าบอกจุดขายคือ ตัวหมอ

“ค่ะ เจอมาร์เก็ตติ้งคนหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ให้เค้ามาช่วย เราทำแบบไม่รู้ทาง ช่วยกันงมมาครึ่งปี นี่ก็พอรู้แนวทาง และบังเอิญเจอเพื่อนที่เรียนจิตรลดามาด้วยกัน คุยกันโอเค ก็ให้เค้าเข้ามาช่วยเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วเอง เค้าก็เข้าช่วยปรับให้มีโครงสร้างที่มีอิมแพคแรงมากขึ้น สร้างแบรนด์ดิ้ง เค้าก็จะปรับทีละนิดทีละหน่อย เราค่อยๆ ศึกษาไปด้วยกัน

แจงยอมรับว่าต้องเรียนรู้ทีละหน่อย เพราะเราอยู่ในโลกของเรามานาน ก่อนหน้านี้แจงไม่เคยเล่นเฟซบุ๊คไอจีเลยนะ เพิ่งเข้าสู่โลกโซเชียลเมื่อธันวาคมปีที่แล้วตอนทำแบรนด์ ก็เออเริ่ม มันก็ไม่เลวร้าย

นี่แจงพยายามทุกอย่าง พี่คิดดูสิ สิ่งที่ไม่ชอบทุกอย่าง การออกสังคม ต้องเจอคนแปลกหน้า ให้สัมภาษณ์ไม่เท่าไร แต่จะให้ออกกล้อง..แจงไม่ได้เลยนะ สมัยเด็ก สิ่งที่แจงกลัวมากคือ ออกไปพูดหน้าชั้น วันไหนมีวิชาต้องออกไปพูดหน้าชั้น แจงอยากลาป่วย (เสียงอ่อย)

คือ ตอนนี้ให้ออกงาน แจงก็พอออกได้ แต่ขอให้เป็นตัวเอง ถ้าจะสร้างภาพให้แจงเป็นคนอื่น แจงไม่เอา

>>คุณหมอวางแผนขยายช่องทำจัดจำหน่ายมากกว่านี้ไหมคะ

“จะเปิด shop ที่โคราช พี่ดูดิ แจงบ้าปะ สองแบรนด์ยังไม่ติด จะออกแบรนด์ใหม่เปิด shop ที่โคราชแล้ว (หัวเราะ)

คือจริงๆ แล้ว แจงแพลนจะทำอีกสองแบรนด์ เป็นสกินแคร์ กับลิปสติคที่ระดับราคา 100 กว่า เพื่อกระจายต่างจังหวัดได้ง่ายกว่า ตอนนี้อยากให้สีติดตลาด เราจะเริ่มสร้างแบรนด์ดิ้งตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ถ้ามกราคมแบรนด์เริ่มติด เราถึงออกของเพิ่มตอนกุมภาพันธ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ”

>>สุดท้าย ขอให้คุณหมอพูดถึงการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าหน่อยค่ะ จำเป็นไหมคะ

“การแต่งหน้าเพื่อเสริมให้ชีวิตสดใสขึ้น การแต่งหน้าไม่ใช่ต้องอู้หูตั้งแต่หัวจรดเท้า คือ แก้มชมพูนิดๆ มันก็ดูธรรมชาติ สมมติว่าผิวเราดีอยู่แล้ว ไม่อยากแต่งหน้า ก็ทาแก้มนิดหน่อย ปากนิดหน่อย

เราก็เลยทำมาทุกรูปแบบทุกสีสัน

คนไหนชอบแต่งหน้าเข้ม..เราก็มี แต่งหน้าอ่อน..เราก็มี

ที่นี่มีบริการทุกแบบ ตั้งแต่ชอบแต่งหน้าจัด ถึงเป็นแม่บ้านธรรมดา แต่ขอสวยนิดหนึ่ง”

…รู้จักตัวตนคุณหมอคนสวยสุดเฟี้ยว เจ้าของผู้คิดสูตรและสร้างสรรค์เครื่องสำอางแบรนด์ไทยคุณภาพอินเตอร์คนนี้แล้วนะคะ




ขอบคุณ ภาพประกอบจาก dr.jang, FB: REME Thailand
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
 

Comments are closed.

Pin It