กูรูเผยทุกสเปกชั้นใน… ที่หนุ่มๆ เลิฟ!

เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายเริ่มหันมาใส่ใจกับทุกรายละเอียดเพื่อมองหาสิ่งที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และบ่งบอกความเป็นตัวตนของพวกเขาได้อย่างดีนั่นเอง “จ๊อกกี้” จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของหนุ่มออฟฟิศกว่า 200 คน เจาะลึกอินไซด์ไลฟ์สไตล์การชอปปิ้ง รวมถึงเรื่องที่หนุ่มๆ ให้ความสำคัญเมื่อต้องซื้อชุดชั้นในชาย พร้อมแนะเคล็ดลับการวัดไซส์ และวิธีดูแลรักษาชุดชั้นในที่ถูกต้อง เพื่อเป็นไอเดียให้สาวๆ ได้ดูแลหนุ่มข้างกายได้อย่างมือโปร

ธนมณ เอกฐานุตต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายชุดชั้นใน จ๊อกกี้ กล่าวว่า “เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้ชายในปัจจุบันมีความหลากหลาย แตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆที่ชอบเล่นกีฬา เล่นดนตรี ท่องเที่ยว หรือชอบออกไปสนุกสังสรรค์กับเพื่อนๆ ดังนั้นการเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้โดนใจหนุ่มๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก โดยเฉพาะการเลือกซื้อชุดชั้นในชาย ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางให้สาวๆ เลือกชุดชั้นในชายได้ตรงใจ และสร้างความมั่นใจให้หนุ่มข้างกายเมื่อสวมใส่ชุดชั้นในสุดโปรด สะท้อนความเป็นตัวของตัวเองเมื่อสวมใส่ “จ๊อกกี้” จึงได้ทำการสำรวจไลฟ์สไตล์การชอปปิ้งหนุ่มออฟฟิศกว่า 200 คน เกี่ยวกับการเลือกซื้อชุดชั้นในชาย ทั้งในด้านพฤติกรรมการซื้อ ความชอบและปัจจัยสำคัญสำหรับหนุ่มๆ ในการเลือกซื้อชุดชั้นในชาย เพื่อเป็นไอเดียให้สาวๆ เลือกชุดชั้นในชายให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มๆ เพราะการเลือกชุดชั้นในได้อย่างพิถีพิถันก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับหนุ่มๆ ได้ “

หนุ่มๆ เน้นเรื่อง “คุณภาพ” มากที่สุด

ผลสำรวจพบว่า ปัจจัยในการเลือกซื้อชุดชั้นในที่หนุ่มๆ ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ “คุณภาพ” ซึ่งมีจำนวนสูงถึงร้อยละ 58 ส่วนอันดับสองและสามที่หนุ่มๆ ใช้ประกอบการตัดสินใจการเลือกซื้อกางเกงใน ก็คือ “ราคา” และ “ยี่ห้อ” โดยคิดเป็นร้อยละ 37 และร้อยละ 30 ตามลำดับ โดยหนุ่มๆ กว่าร้อยละ 62 เลือกชุดชั้นในสีพื้นโทนเข้ม เช่น สีดำ สีกรมท่า หรือสีเทา มาเป็นสีโดนใจอันดับหนึ่ง และจำนวนอีกกว่าร้อยละ 57 เลือกชุดชั้นในสีพื้นโทนอ่อน เช่น สีขาว สีครีม และสีพื้นโทนฉูดฉาด เช่น สีส้ม สีเขียว สีเหลือง เป็นสีโดนใจอันดับสอง

กางเกงใน “ทรงบรีฟส์” โดนใจหนุ่มออฟฟิศตลอดกาล

สำหรับทรงชุดชั้นในชาย หนุ่มๆ เทใจให้กับกางเกงชั้นในทรงบรีฟส์ (Briefs) ซึ่งเป็นกางเกงชั้นในทรงมาตรฐานมากที่สุดถึงร้อยละ 36 เพราะรู้สึกสบาย เคยชิน และไม่อึดอัด ลำดับถัดมาคือ ทรงบ็อกเซอร์ (Boxer) กางเกงชั้นในชายทรงหลวมขาสั้น ซึ่งหนุ่มๆ ที่ชื่นชอบทรงนี้มีอยู่ร้อยละ 28 ด้วยเหตุผลเรื่องความโล่งโปร่งสบาย รู้สึกอิสระ ใส่แทนกางเกงขาสั้นอยู่ที่บ้านหรือใส่เป็นกางเกงนอนก็ได้ ตามมาด้วย ทรงทรังก์ (Trunk) กางเกงชั้นในขาสั้นทรงแนบเนื้อ ร้อยละ 15 เพราะให้ความรู้สึกกระชับ และเคลื่อนไหวสะดวก และช่วยลดการเสียดสีที่บริเวณโคนขา อันดับสุดท้าย ร้อยละ 13 เลือกทรงบิกินี (Bikini) กางเกงชั้นในแบบเอวต่ำและเว้าขาสูง เนื่องจากความสบาย คล่องตัว และไม่อึดอัด นอกจากนี้ยังมีหนุ่มๆ อีกร้อยละ 8 เลือกที่จะใส่ชุดชั้นในแต่ละทรงตามโอกาสและกิจกรรมในแต่ละวันอีกด้วย

“วัดไซส์ให้ถูก” เพิ่มความสบายให้คุณผู้ชายได้อีกเยอะ

นอกจากนี้ “จ๊อกกี้” ยังแนะนำเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องขนาดและการดูแลรักษาชุดชั้นในที่ถูกต้องมาฝากสาวๆ เพิ่มเติมอีกด้วย โดยเคล็ดลับการเลือกไซส์ชุดชั้นในให้พอดีตัว จะต้องวัดช่วงเอวและสะโพก การวัดเอวไม่ควรให้สายวัดแน่นพอดีตัวจนเกินไป และการวัดสะโพกให้ได้สัดส่วนที่แม่นยำที่สุดควรวัดขณะที่ยืนเท้าชิด หรือหากต้องการวัดขนาดให้ง่ายที่สุด ให้เทียบกับขนาดเอวกางเกงที่หนุ่มๆ ใส่เป็นประจำ

ดูแลชุดชั้นในให้สวมใส่ได้นานๆ

หลังจากที่เราได้ตั้งใจเลือกชุดชั้นในอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งเลือกไซส์อย่างพอดีตัวให้สวมใส่สบาย เสริมความมั่นใจให้หนุ่มๆ แล้ว การดูแลรักษาชุดชั้นในตัวโปรดให้สามารถสวมใส่ได้นานโดยไม่เสียทรงก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน โดยควรดูแลชุดชั้นในตามชนิดของผ้าซึ่งระบุไว้ที่ฉลาก เนื้อผ้าที่ชายไทยนิยมแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1) ผ้าคอตตอน 100% คือ ผ้าที่ทำจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% วิธีการดูแล ควรซักในน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศา สามารถรีดไฟอ่อนและซักแห้งได้ อบผ้าได้ในอุณหภูมิปานกลาง 2) ผ้าคอตตอนผสมสแปนเด็กซ์ (Spandex) เป็นผ้าที่มีส่วนผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยยืดสังเคราะห์ ควรซักในน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศา ไม่ควรรีดหรือซักแห้ง อบผ้าได้ในอุณหภูมิต่ำ 3) ผ้าเมอร์ริล (Meryl) เป็นผ้าที่มีทำจากเส้นใยยืดสังเคราะห์ไมโครไฟเบอร์ 100% ซึ่งมีความละเอียดและความทนทานสูง ควรซักในน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 30 องศา ไม่ควรรีดหรือซักแห้ง อบผ้าได้ในอุณหภูมิต่ำ ทั้งนี้ ชุดชั้นในทุกชนิดไม่ควรใช้สารฟอกขาวและไม่ควรตากให้โดนแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสื่อมคุณภาพได้